ณ ทำเนียบขาว
ในออฟฟิศของประธานาธิบดี
หลังจากที่มุลเลอร์ ผู้อำนวยการของเอฟบีไอเดินเข้ามาในออฟฟิศ ผู้ช่วยของท่านประธานาธิบดีที่นั่งอยู่นอกประตูก็ได้ยินเสียงประธานาธิบดีกำลังตะโกน
“ไอ้พวกโง่!”
มุลเลอร์ยืนอยู่หน้าท่านประธานาธิบดีแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “นี่เป็นความผิดพลาดของพวกเราเองครับ…พวกเราคิดว่าพวกเขาจะตอบโต้กลับ แต่ก็ไม่คิดว่าสิ่งต่างๆ มันจะเคลื่อนไหวไปไวขนาดนี้”
ถึงแม้ว่าทำเนียบขาวจะมีความสุขที่ได้เห็นประเทศจีนต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ พวกเขาก็ไม่อยากให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแบบนี้
การเจรจาเรื่องเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ยังคงดำเนินต่อไป ในที่สุดพวกเขาก็สามารถหาพันธมิตรผ่านการทูตมาได้ และต้องการจะเพิ่มความกดดันให้ประเทศจีนในด้านการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบงบประมาณ
แต่แผนของพวกเขาก็ถูกทำลาย
เพราะเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้ประเทศพันธมิตรส่วนใหญ่เริ่มตั้งข้อสงสัยในตัวพวกเขา หลายประเทศเริ่มแสดงความสงสัยของพวกเขาออกมาว่า อเมริกาต้องการจะเข้าร่วมโปรเจกต์นี้จริงๆ หรือเปล่า
หรือบางทีอเมริกาอาจจะแค่มาเพื่อขัดการประชุมเฉยๆ ?
ไม่ว่าอย่างไรประเทศจีนก็เป็นคู่แข่งทางอวกาศที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา…
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์บนโต๊ะก็เริ่มดังขึ้น
ท่านประธานาธิบดีสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกดรับสาย
เสียงของผู้อำนวยการคาร์สันดังมาจากปลายสาย
“ผมเองนะครับ”
ท่านประธานาธิบดี “รู้แล้วว่าใคร พูดมาเลย!”
คาร์สันรู้ว่าท่านประธานาธิบดีกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่เขาก็ไม่กล้าถามสาเหตุ
คาร์สันกระแอมแล้วพูดว่า
“พวกคนจีนกำลังกดดันพวกเรา ไอ้พวกงี่เง่าพวกนั้น ผมร่างแผนคณะกรรมการตรวจสอบงบประมาณแล้วเมื่อคืน ทันทีที่ผมเอามันมาพูดในการประชุมวันนี้ พวกคนจีนก็เริ่มตั้งคำถามผมเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ พวกเขากำลังใช้เรื่องนี้เป็นกลยุทธ์ในการเจรจาต่อรอง”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดต่อด้วยเสียงแข็งๆ ว่า “ตอนนี้พวกเรากำลังเสียเปรียบทางการเจรจาอยู่ แม้แต่ประเทศที่เป็นกลางก็ได้แสดงความกังวลเรื่องปัญหาผู้ก่อการร้ายและความมั่นคงทางไซเบอร์ของประเทศเราครับ”
ท่านประธานาธิบดีอดแย้งขึ้นมาไม่ได้ว่า “นี่ไม่ได้บอกพวกเขาเหรอว่าการโจมตีกับเรื่องเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนมันคนละเรื่องกันเลยนะ?”
“ผมก็บอกไปแล้ว แต่พวกเขาก็บอกว่ากลุ่มอีเกิ้ลฮันเตอร์ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง และบอกว่าพวกเขาได้หลักฐานที่เพียงพอมาแล้วด้วย…” ผู้อำนวยการคาร์สันหยุดพูดไปแป๊บหนึ่งก็เสริมว่า “ผมสงสัยว่า มีความเป็นไปได้ไหมที่…”
ท่านประธานาธิบดีโต้ทันควัน “ไม่อยู่แล้ว! ผมจะไปอนุมัติแผนงี่เง่าแบบนั้นทำไม! ทำลายเซิร์ฟเวอร์พวกคนจีนไปแล้วพวกเราจะได้อะไรขึ้นมา? คุณคิดว่าอย่างไรบ้างล่ะคุณมุลเลอร์?”
มุลเลอร์พยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วบอกว่า “ใช่ครับ! ผมไม่มีวันอนุมัติเรื่องงี่เง่าอะไรแบบนี้อยู่แล้ว…แต่เผื่อไว้คือ พวกเราควรจะติดต่อซีไอเอแล้วตรวจสอบดีๆ ว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรในเรื่องนี้”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโทษคนอื่นนะครับ” ผู้อำนวยการคาร์สันพูดด้วยเสียงเหนื่อยๆ ว่า “สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีกับเราเลย คำแนะนำของผมก็คือ…เราควรจะอยู่เงียบๆ ไม่อย่างนั้นแล้ว ประเทศจีนอาจจะคิดทบทวนเรื่องการเข้าร่วมโปรเจกต์ของพวกเราใหม่อีกที…”
ทั้งออฟฟิศตกอยู่ในความเงียบ
เงียบจนถ้ามีเข็มร่วงลงพื้นในห้องก็จะได้ยินกันทุกคน
คิดทบทวนเรื่องการเข้าร่วมโปรเจกต์ของอเมริกาใหม่อีกทีเหรอ…
มีร่องรอยของความขมขื่นอยู่ในแววตาของท่านประธานาธิบดี
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนละก็ นี่คงจะเป็นเรื่องตลกแน่ๆ
ย้อนกลับไปสมัยนั้น สหรัฐอเมริกาคือประเทศแห่งอุตสาหกรรม เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศไหนจะสามารถทำโปรเจกต์วิจัยวิทยาศาสตร์ได้ใหญ่ขนาดนี้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา
แต่ในตอนนี้…
ประเทศจีนกำลังคิดจะเตะพวกเขาออกจากกลุ่มอย่างนั้นเหรอ?
สถานการณ์ได้พลิกกลับแล้ว
ท่านประธานาธิบดีนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลงไปนั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม
เขาเคาะนิ้วกับโต๊ะแล้วพูดขึ้นว่า “เรายอมทิ้งคำขอคำอื่นได้ แต่คุณต้องหาวิธีให้พวกเราได้ที่นั่งในคณะกรรมการตรวจสอบงบประมาณอย่างน้อยสามที่นั่งให้ได้ ห้ามโต้แย้งอะไรคำสั่งนี้ทั้งนั้น”
เขาไม่อยากให้ประเทศจีนเตะพวกเขาออกจากโปรเจกต์
ประเทศจีนต้องการความร่วมมือของอเมริกาก็จริง แต่อเมริกาต้องการประเทศจีนมากกว่า…
ผู้อำนวยการคาร์สันถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ…”
ท่านประธานาธิบดีทุบกำปั้นลงบนโต๊ะแล้วสบถออกมาว่า “ไอ้พวกโง่เง่าสมองกลวง!”
ผู้อำนวยการมุลเลอร์มองท่านประธานาธิบดีแล้วกลั้นหายใจ
กลุ่มอีเกิ้ลฮันเตอร์ทำให้สถานการณ์การเจรจาของสหรัฐอเมริกาตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ
ถ้ารัสเซียไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้ล่ะก็ ประเทศจีนจะได้ที่นั่งในคณะกรรมการตรวจสอบงบประมาณไปหมด…
ประเทศจีนสามารถยึดผลโหวตไปจากรัสเซียได้ง่ายๆ เพราะรัสเซียลงทุนในโปรเจกต์นี้เพียงน้อยนิดเท่านั้น…
…
ในความเห็นของลู่โจว สิ่งที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตเป็นเพียงความน่ารำคาญเล็กๆ เท่านั้น
ไม่ว่าอีเกิ้ลฮันเตอร์จะได้รับการสนับสนุนจากทำเนียบขาวหรือไม่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
แหล่งที่มาของการโจมตีในครั้งนี้มาจากผืนแผ่นดินของอเมริกา ประเทศจีนสามารถใช้สิ่งนี้เป็น ‘ข้อได้เปรียบ’ ในเรื่องการเจรจาของคณะกรรมการตรวจสอบงบประมาณได้
แน่นอนว่าคณะกรรมการวงโคจรบนดวงจันทร์มีพลังในการควบคุมเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
พวกอเมริกันต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้
ไม่อย่างนั้นแล้วพวกอเมริกันก็จะเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น ‘อุบัติเหตุ’
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาลู่โจวทำงานกับศูนย์วิจัยเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ และยังช่วยผู้อำนวยการหลี่หารายชื่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อสาธิตความเป็นไปได้ทางเทคนิคของการทำคอมพิวเตอร์ควอนตัมอีกด้วย
ลู่โจวรู้ตัวว่าการเก็บเรื่องนี้ไว้เงียบๆ เป็นเรื่องยาก
มหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นหนึ่งในท็อปห้าอันดับของมหาวิทยาลัยวิศวกรรมซอฟต์แวร์ พวกเขามีคนมีชื่อเสียงในวงการคอมพิวเตอร์ควอนตัมอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นนักวิชาการเสียด้วยซ้ำ
การจะไม่ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัมสองคนนี้ไปเพียงเพื่อว่าจะหลีกเลี่ยงความสงสัยจากคนอื่นนั้น ก็ดูจะเป็นการไม่ยุติธรรมไปหน่อย ดังนั้นลู่โจวจึงเขียนชื่อของทั้งสองคนนั้นลงไป
แล้วก็มีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นจากมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่และมหาวิทยาลัยเหยียน รวมกันเป็นสิบคน ไม่นานหลังจากที่ลู่โจวรวบรวมรายชื่อ เขาก็รู้สึกตัวว่าเขาสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องทางวิชาการด้วย
ลู่โจวยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก หลังจากนั้น เขาก็ส่งรายชื่อเข้าอีเมลของผู้อำนวยการหลี่
เสร็จแล้วเสียที!
ลู่โจวบิดขี้เกียจ เขากำลังจะเดินไปชงกาแฟ
แต่แล้วก็มีอีเมลฉบับหนึ่งโผล่มาที่กล่องข้อความของเขาพอดี
ลู่โจวมองชื่อผู้ส่งแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียน?
พูดถึงก็มาเลยเหรอ?
ลู่โจวเปิดอีเมลขึ้นมาอย่างสงสัย
อีเมลมีเขียนอยู่สั้นๆ
มีประโยคเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
[มีความคืบหน้าในการวิจัยชิปคาร์บอน!]
……………………