ในฐานะนักวิชาการที่มีจริยธรรม ลู่โจวไม่ใช่คนที่ชอบผูกขาดสิทธิ์ในวงการวิชาการเลย เขาเชื่อในสภาพแวดล้อมวิชาการที่เต็มไปด้วยอิสระ
เขาชอบตามหาผู้มีพรสวรรค์ที่คุ้มค่าแก่การฝึกฝนและมอบทรัพยากรต่างๆ ให้พวกเขาเติบโตในวงการ
อย่างเช่นเฉินหยางที่เขาไปชิงตัวมาจากศูนย์คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเหยียน ไม่ใช่ว่าเขาทำอย่างนี้เพราะไม่ชอบหน้านักวิชาการหวังหรอกนะ แต่เป็นเพราะเขาเห็นผู้มีพรสวรรค์ที่น่าพัฒนากำลังถูกทิ้งและไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างที่ควรล้วนๆ
การที่สามารถเข้าใจวิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกได้ในระยะเวลาอันสั้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่นักวิชาการธรรมดาๆ ทั่วไปจะทำได้ มันถือเป็นการโฟกัสขั้นสูงในทางคณิตศาสตร์
การที่สามารถโฟกัสในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายของวงการวิชาการได้นั้นมีเพียงหนึ่งในล้านคนเท่านั้นที่จะทำได้
การอุทิศตนให้กับคณิตศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวเสียอีก
ลู่โจวมีเรื่องอื่นให้ทำอีกมาก เขาจึงบอกให้ศาสตราจารย์อู๋เลิกขอบคุณเขา แล้วเดินออกจากห้องแล็บไป
ลู่โจวรู้ว่าศาสตราจารย์อู๋จะทำผลงานได้ดีในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เขาจึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร
หลังจากเขาออกจากห้องแล็บเซมิคอนดักเตอร์คาร์บอน เขาก็วางแผนจะไปเยี่ยมผู้มีพรสวรรค์ที่เขาเพิ่งชิงตัวมาไม่นานนักจากมหาวิทยาลัยเหยียน
อย่างไรก็ตามเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมแชร์ข่าวดีนี้กับคนอื่นๆ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาคุณซีอีโอ
โทรศัพท์สั่นอยู่สองครั้ง แล้วอีกฝ่ายก็รับสาย
เสียงอารมณ์ดีดังออกมาจากโทรศัพท์
“ว่าไง คิดถึงฉันเหรอ? ทำไมจู่ๆ ก็โทรมาล่ะ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบไปว่า “ฉันมีข่าวดีมาเล่า”
เฉินยู่ซานถามอย่างสงสัย “ข่าวอะไรเหรอ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบว่า “ห้องแล็บผลิตชิปคาร์บอนที่มีทรานซิสเตอร์คาร์บอนมากกว่าหนึ่งหมื่นตัวได้สำเร็จแล้ว!”
โทรศัพท์เงียบเสียงไปชั่วขณะสั้นๆ
เฉินยู่ซานสูดลมหายใจเข้าลึก
เธอพูดอย่างเหลือเชื่อ
“…จริงเหรอ?!
ชิปคาร์บอนน่ะนะ?
ไม่ได้ล้อเล่นกันใช่ไหม?”
ลู่โจวยิ้มแล้วบอกว่า “นี่เสียงฉันฟังดูเหมือนคนพูดเล่นเหรอ?”
เฉินยู่ซานถาม “…นายอยู่ไหนแล้ว?”
ลู่โจว “สถาบันการศึกษาขั้นสูง พอดีเพิ่งกลับมาจากปักกิ่ง”
“ไม่แปลกใจเลย…”
เฉินยู่ซานถอนหายใจแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เสียงของเธอสั่นขณะพูด “ฉันคิดว่าพวกเราจะต้องรออีกสักอย่างน้อยสองปีเสียอีกกว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ ไม่คิดเลยว่าจะไวขนาดนี้…แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าชิปคาร์บอนจะใช้งานได้ล่ะ? ประมาณมาคร่าวๆ นะ”
ลู่โจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างกันไว้ก่อนว่า
“บอกยากนะ ตอนนี้พวกเรายังไม่แน่ใจว่าข้อจำกัดทางฟิสิกส์ของชิปคาร์บอนคืออะไร และมันจะมีปัญหาคอขวดทางเทคนิคหรือเปล่า แต่พวกเราก็น่าจะผลิตชิปที่นำไปใช้ค้าขายได้ภายในหนึ่งปี ต่อให้ชิปนี้จะด้อยกว่าชิปซิลิคอนนิดหน่อย แต่คุณภาพทางฟิสิกส์ที่สูงกว่าก็จะชดเชยตรงนั้นเอง”
เขาหยุดพูดไปแป๊บหนึ่งแล้วเล่าต่อว่า “ฉันให้ศาสตราจารย์อู๋เขียนรายงานทางเทคนิคและรายงานการทดสอบประสิทธิภาพมาแล้ว น่าจะเสร็จในอีกหนึ่งสัปดาห์ ฉันมั่นใจว่าเขาจะอธิบายทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้นกว่านี้ เธออ่านในรายงานเอาก็ได้…”
ในขณะที่กำลังคุยกับเฉินยู่ซาน ลู่โจวก็เดินทางมาถึงสถาบันคณิตศาสตร์
หลังจากคุยกันต่ออีกนิดหน่อย ลู่โจวก็วางสายแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไป เขาเคาะประตูออฟฟิศของเฉินหยางแล้วเดินเข้าไปข้างใน
พอเขาเดินเข้าไปในออฟฟิศ ฝุ่นชอล์กก็ปลิวเข้าหน้าเขาเต็มๆ
ลู่โจวเอามือพัดไปพัดมาแล้วอดถามไม่ได้ว่า “นี่คุณไม่เปิดหน้าต่างหน่อยเหรอ?”
เฉินหยางหันหลังกลับมาจากที่ยืนอยู่หน้ากระดานดำ เขาดันแว่นขึ้นแล้วบอกว่า
“…ผมลืม”
“เปิดหน้าต่างเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคุณก็เป็นโรคฝุ่นจับปอดหรอก…พระเจ้า บางทีให้คุณไปทำงานข้างนอกตึกอาจจะดีกว่านะเนี่ย”
เฉินหยางพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “แต่ถ้าข้างนอกฝนตกผมก็ทำงานไม่ได้สิครับ”
ลู่โจว “…”
ในที่สุดลู่โจวก็พอจะเข้าใจแล้ว ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเคยถูกไล่ออกจากออฟฟิศตัวเอง
เฉินหยางเปิดหน้าต่างแล้วปล่อยให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาในออฟฟิศของเขา
ลู่โจวมองภาพการคำนวณบนกระดานดำแล้วพยักหน้า
“คุณโอเคกับการทำงานที่นี่ใช่ไหม?”
เฉินหยางพยักหน้าแล้วบอกว่า “ผมโอเค ผมไม่สนอะไรหรอก ตราบใดที่มีกระดานดำให้ก็พอแล้วครับ”
“ดีแล้ว เหมือนว่าคุณจะปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ค่อนข้างดีเลย” ลู่โจวพูดขณะที่เริ่มเดินถอยหลัง เขาไม่อยากอยู่ในออฟฟิศที่มีแต่ฝุ่นนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียวแน่ๆ เขาบอกว่า “ผมแค่มาดูว่าคุณเป็นอย่างไรบ้าง…แล้วเจอกันนะ”
เฉินหยางรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “เดี๋ยวครับ”
ลู่โจว “อะไรเหรอ?”
เฉินหยางเล่า “ผมมีคำถามข้อหนึ่งต้องถามคุณ…คุณพอจะว่างไหม?”
คำถามข้อหนึ่งเหรอ?
ลู่โจวรู้สึกสนใจ เขาจึงยิ้มแล้วถามว่า “ก็ขึ้นอยู่กับว่าถามเรื่องอะไรน่ะนะ ถามมาเลย”
“ผมไม่แน่ใจว่าคำถามนี้มันจะทำให้คุณเสียเวลามากไปหรือเปล่า ในธีสิสเรื่องวิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก คุณชี้ให้เห็นว่าทฤษฎีเหตุผลฮอมอโทปีใช้ได้แค่ในระดับปานกลางเท่านั้น ดังนั้นทฤษฎีรอยตัดจึงใช้ไม่ได้ ผมได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องนี้ และก็พยายามพิสูจน์มัน…”
เฉินหยางหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเริ่มเขียนบนกระดาน
[…
[…เมื่อ n มีค่ามากกว่า 2 แล้ว มิติเชิงซ้อนจำนวน 2 n-มิติ จะอินเตอร์เซกต์กับ X ^ n (d), X ^ n (d ‘) จะมีสมานสัณฐานเชิงอนุพันธ์ก็ต่อเมื่อจำนวนของออยเลอร์ ดีกรีรวม และพอนทรีอาจินคลาสมีค่าเท่ากัน]
เฉินหยางถอยหลังกลับไปสองก้าวแล้วหันกลับไปที่กระดานดำ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ถ้าทฤษฎีข้างบนเป็นจริงพวกเราจะสามารถสร้างแบบจำลองที่จะเปลี่ยนปัญหาทอพอโลยีเป็นปัญหาการวิเคราะห์เชิงซ้อนแทน”
ลู่โจวมองกระดานดำแล้วเลิกคิ้ว
นี่เป็นปัญหาที่น่าสนใจมาก
เขาเคยคิดเรื่องจะลองแก้สมมุติฐานของรีมันน์โดยใช้วิธีอนุพันธ์ย่อย แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี ถ้าปัญหาทอพอโลยีสามารถแก้เป็นปัญหาวิเคราะห์เชิงซ้อนได้จริง บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนแมนิโฟลด์อนุพันธ์ไปเป็นการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกได้ แล้วสิ่งที่วิเศษสุดก็จะเกิดขึ้น
มันคุ้มค่าที่จะลองดูสักครั้ง
“แล้วมันจะเป็นจริงได้ไหม?”
เฉินหยางเกาหัว เขาส่ายหัวแล้วบอกว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ…ผมคิดว่ามันเป็นจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพิสูจน์อย่างไรเหมือนกัน”
“เป็นปัญหาที่น่าสนใจมาก” ลู่โจวมองกระดานดำแล้วใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพสิ่งที่เฉินหยางเขียนไว้ เขาบอกเฉินหยางว่า “ผมอาจจะยังให้คำตอบคุณตอนนี้ไม่ได้ แต่ผมจะไปหาข้อมูลเพิ่มแล้วกลับมาหาคุณทีหลังนะ”
เฉินหยางพยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ ผมก็จะลองคิดมันให้ออกด้วยตัวเองเหมือนกัน”
ลู่โจวยิ้ม
“ดีเลย ไหนดูสิว่าใครจะแก้ปัญหานี้ได้ก่อนกัน”
………………