เพราะการซ่อนตัวของหลัวเหวินเซวียนล้มเหลวจึงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องหลบซ่อน
หลัวเหวินเซวียนมองลู่โจวอย่างเคอะเขินและเกาหัว
เขารู้สึกค่อนข้างอับอายที่โดนจับได้แบบนี้
เขายิ้มและพยายามเปลี่ยนหัวข้อ
“บังเอิญอะไรอย่างนี้ วันนี้อากาศก็ดีมาก ขอบคุณพระเจ้าที่ฝนไม่ตก ไม่มีเมฆสักก้อนเลยบนท้องฟ้า ถ้าเกิดฝนตกทุกคนที่ถือร่มคงจะ—”
ลู่โจวพูดว่า “อย่าเปลี่ยนเรื่อง นายไปอยู่ไหนมา?”
หลัวเหวินเซวียนกระแอมและพูดว่า “รถไฟมาช้า แล้วก็รถติด…”
“เมื่อเช้านี้นายนั่งรถไฟมาเหรอ?” ลู่โจวพูดว่า “นายไม่สามารถจะมาที่เซี่ยงไฮ้หนึ่งวันล่วงหน้าได้เหรอ? นายต้องรอจนนาทีสุดท้ายใช่ไหม?”
หลัวเหวินเซวียนเกาหัวอย่างเจื่อนๆ และตอบว่า “เอ่อ… ฉันไม่ได้พลาดสิ่งสำคัญอะไรไปใช่ไหม?”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไรสำคัญหรอก”
หลัวเหวินเซวียนตบหน้าอกตัวเองแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“โอ้ ขอบคุณพระเจ้า!”
“ขอบคุณพระเจ้าสุดๆ เลย!” ลู่โจวพูดว่า “จะมีการแถลงข่าวตอนบ่ายสองโมง และฉันอยากให้นายไปพูดที่นั่นด้วย ไปคุยกับทีมประชาสัมพันธ์ ไปศึกษาว่าอะไรที่นายพูดได้และอะไรที่ไม่ควรพูดต่อหน้าสาธารณชน”
เมื่อหลัวเหวินเซวียนได้ยินเรื่องการแถลงข่าว เขาก็กระเด้งตัวขึ้นมาเหมือนกระต่ายและพูดว่า “เดี๋ยวนะ! ทำไมฉันต้องพูดที่งานแถลงข่าว ฉันไม่—”
ลู่โจวตอบว่า “หุบปากน่า นายควรจะมาที่นี่เมื่อวาน นายพลาดการประชุมฝ่ายและก็มาร่วมพิธีเปิดตัวสาย นี่คือบทลงโทษของนาย”
“ไม่นะ ได้โปรดเถอะ” หลัวเหวินเซวียนพูด “ยกโทษให้ฉันด้วย ผู้สื่อข่าวพวกนั้นโหดร้ายมาก…”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “ฉันยกโทษให้ไม่ได้ นายต้องทำ อีกอย่างนายก็เป็นส่วนสำคัญของ ILHCRC และนายมีความเข้าใจดีในเรื่องการออกแบบเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ ฉันมั่นใจว่านายสามารถตอบคำถามได้ คิดเสียว่ามันเป็นโอกาสที่จะได้คุยโม้สิ”
หลัวเหวินเซวียนพูดว่า “นายหมายความว่ายังไงที่ว่าคุยโม้… แล้วที่ฉันทำรายงานสำหรับบทความวิจัยใหญ่ถัดไปของนายล่ะ อีกอย่างฉันจะเป็นส่วนสำคัญของ ILHCRC ได้ยังไง? มันไม่กับที่เหมือนเซิร์นมาขอร่วมงานกับฉันนะ”
“พอได้แล้ว” ลู่โจวพูด “ถ้านายไม่สามารถทำการแถลงข่าวเล็กๆ นี้ได้ ทำไมฉันถึงจะปล่อยให้นายส่งรายงานเรื่องผลลัพธ์งานวิจัยของฉันล่ะ?”
ลู่โจวเดินเข้ามาและตบที่บ่าของเขา
“นายทำได้!
“ก็คิดเสียว่านี่เป็นแบบฝึกหัดการพูดในที่สาธารณะ!”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลัวเหวินเซวียนรู้สึกเหมือนความยุ่งยากบางอย่างกำลังรอเขาอยู่
นี่มันดูน่าสงสัยนิดหน่อย
ไม่ใช่ว่าฉันจะถามเขาได้สักหน่อย
อีกสักพักเขาก็ถอนหายใจและตบที่มือของลู่โจวเบาๆ
“โอเค
“ฉันคิดว่าผมต้องทำ
“ฉันจะไปเตรียมตัว”
ลู่โจว “…”
ไอ้เวรเอ๊ย ทำไมฉันถึงอยากต่อยหน้าหมอนี่สักทีนะ?!
ฉันฝึกฝนเขาให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของฉัน แต่เขากลับทำเหมือนว่าฉันกำลังทรมานเขางั้นแหละ
เขาควรจะรู้สึกขอบคุณสิ!
บางทีฉันควรจะหาคนสำรองไว้เพื่อแทนที่เขา…
…
สนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้
ศาสตราจารย์ครุกแมนเดินฝ่าฝูงชนมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางในมือและมีหมวกอยู่บนหัว เขาส่งกระเป๋าเดินทางให้กับนักศึกษาปริญญาเอกที่อยู่ข้างๆ เขา
“วิสล์ ถือนี่ให้ผมที!”
วิสล์รับกระเป๋าเดินทางมาและพูดว่า
“ได้ครับศาสตราจารย์!”
ศาสตราจารย์แองกัสมองไปที่ล็อบบี้ของสนามบินที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนและพูดกับครุกแมนว่า “พระเจ้าช่วย ที่นี่คนเยอะมาก! ไม่เหมือนกับเมื่อสิบปีก่อนเลย”
ผู้คนทุกเชื้อชาติรวมตัวกันอย่างหนาแน่นอยู่ในสนามบิน
ศาสตราจารย์แองกัสรู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่ที่นิวยอร์ก
ศาสตราจารย์ครุกแมนยิ้มและพูดว่า
“นี่เพื่อน โลกมันก็เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ถ้าคุณอยู่ในพรินซ์ตันตลอดชีวิตที่เหลือโลกก็จะทิ้งคุณไว้ข้างหลัง… วิสล์ คุณจะช่วยทำตัวเป็นสุภาพบุรุษและถือกระเป๋าเดินทางให้สุภาพสตรีหน่อยได้ไหม?”
วิสล์มองศาสตราจารย์ เขาพูดไม่ออก เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ และพยายามจะหยิบกระเป๋าเดินทางของเสี่ยวถงมา
เสี่ยวถงยึดกระเป๋าเดินทางของเธอไว้แน่นและพูดอย่างกระอักกระอ่วนใจว่า
“…ฉันถือเองได้ค่ะ”
แม้ว่าเสี่ยวถงจะปฏิเสธความช่วยเหลือของวิสล์อย่างสุภาพ แต่วิสล์ก็ยังทำสีหน้าโกรธเคือง
ตาแก่นี่ใช้งานฉันอย่างกับทาส!
ฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้น แต่มันก็น่าขายหน้ามาก!
อย่างไรก็ตามความโกรธของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขานึกถึงการได้มาเข้าร่วมการประชุมวิชาการพร้อมกับผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลและยังจะได้พบกับคนมีชื่อเสียงของภาคอุตสาหกรรม ไม่นานความโกรธของเขาก็ลดลง
ไม่เป็นไร!
นี่จะเป็นประโยชน์กับฉันในอนาคต!
วิสล์ไม่ได้รู้สึกอิจฉาในความลำเอียงของอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาที่มีต่อนักศึกษาชาวจีนคนใหม่อีกต่อไป เขารู้สึกว่าบ่าของเขากำลังจะแข็งแรงขึ้นด้วยซ้ำ…
ฉันทำได้!
เสี่ยวถงไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์ของวิสล์ แต่เธอกลับรู้สึกสับสนวุ่นวายเกินไปเกี่ยวกับการกระทำของศาสตราจารย์ครุกแมน
ศาสตราจารย์ที่พรินซ์ตันเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า?
ไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลยตอนที่ฉันอยู่ที่ออกซฟอร์ด…
“…เออนี่ เสี่ยวถง คุณไม่ได้โทรหาครอบครัวแล้วบอกพวกเขาว่าคุณมาถึงอย่างปลอดภัยเหรอ?”
เสี่ยวถงตอบว่า “ฉันเพิ่งโทรหาพวกเขาเมื่อไม่กี่วันนี้ค่ะ…”
ศาสตราจารย์ครุกแมนพูดด้วยท่าทีที่จริงจังว่า “ผมรู้ แต่คุณบินมาอีกครั้งแล้ว ถูกไหม? เที่ยวบินยาวนานถึง 20 ชั่วโมงเลยนะ! ครอบครัวคุณต้องเป็นห่วงแน่”
เสี่ยวถง “…”
พวกเขาจะไม่เป็นห่วงถ้าฉันไม่บอกพวกเขา
เสี่ยวถงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“ฉันจะโทรบอกเขาตอนอยู่ที่โรงแรมค่ะ…”
ศาสตราจารย์ครุกแมนยิ้มและพูดว่า “ได้! โทรบอกพวกเขาที่โรงแรม… อย่าลืมล่ะ”
เสี่ยวถงพยักหน้าอย่างอึดอัดใจ
“ค่ะ…”
ไม่มีทางที่ฉันจะโทรหาพวกเขา ฉันจะไม่บอกพวกเขาว่าฉันมาที่เซี่ยงไฮ้อีกครั้ง
ถ้าพี่ชายฉันรู้ว่าฉันเดินทางไปพรินซ์ตันแล้วอยู่ที่นั่นสองวันเต็มแล้วก็กลับมา เขาจะต้องหัวเราะไม่หยุดแน่
เสี่ยวถงรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยกับพฤติกรรมของศาสตราจารย์ครุกแมน
“แย่จังที่พี่ชายฉันอยู่ที่จินหลิง เขาคงไม่สามารถจะมาเจอศาสตราจารย์ได้…”
เสี่ยวถงสั่นหัวและเดินไปข้างๆ อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ เธอลากกระเป๋าเดินทางไปกับพื้นระหว่างที่เดินตรงไปยังจุดจอดแท็กซี่…
………………..
Related