หลังจากทำให้หลัวเหวินเซียนยอมรับหน้าในการแถลงข่าวช่วงบ่ายได้ ลู่โจวก็ได้รู้ว่าเขามีเวลาว่างมากขึ้นแค่ไหน
เขานั่งอยู่ในห้องพักของโรงแรมและครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะทำเพื่อฆ่าเวลา ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่ามีจดหมายเชิญที่เขายังไม่ได้ตอบกลับ
เขาจำคำพูดของศาสตราจารย์ครุกแมนที่กล่าวไว้ในอีเมลได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด
“ยังไงก็แล้วแต่ ฉันมีเวลาเหลือเยอะแยะที่จะใช้ ฉันก็แค่ไปตรวจดูมันหน่อย”
เขารู้สึกสงสัยมากจริงๆ ว่าแบบจำลองลู่ บิวลีย์ ประหลาดอย่างที่ครุกแมนบอกหรือเปล่า
สถานที่จัดการประชุมอยู่ที่โรงแรมห้าดาวและบัตรเชิญก็รวมวอเชอร์อาหารเย็นและอาหารกลางวันไว้ด้วย แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้สนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ แต่เขาก็สนใจเรื่องอาหารฟรี
ลู่โจวลุกขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูสบายๆ มากขึ้น เขาโทรหาหวังเผิงและขอให้เขาขับรถมาจอดรอที่ด้านล่าง จากนั้นเขาก็ลงลิฟต์และเดินออกไปด้านนอก
ลู่โจวพูดว่า “โรงแรมซินรุ่ย… โรงแรมห้าดาวที่เพิ่งสร้างเมื่อไม่นานนี้ มันค่อนข้างไกลอยู่”
ลู่โจวนั่งอยู่ที่เบาะหลังขณะที่เขาหยิบจดหมายเชิญออกมาและอ่านที่อยู่ให้หวังเผิงฟัง
หวังเผิงเอื้อมมือออกไปแล้วแตะบนหน้าจอระบบนำทาง GPS
“โรงแรมซินรุ่ย? ดูเหมือนไม่น่าจะไกลขนาดนั้น ใช้เวลาขับรถแค่ 30 นาทีครับ”
ดวงตาของลู่โจวดูท้อใจระหว่างที่เขาพูดขึ้นว่า “ผมไม่รีบ”
“นี่เป็นการประชุมอีกงานหนึ่งเหรอครับ?”
“ประมาณนั้น แต่หลักๆ ผมไปที่นั่นเพื่อกินอาหาร”
“โอเค เข้าใจแล้วครับ…”
…
เหมือนอย่างที่หวังเผิงได้คาดคะเนไว้ หลังจากขับรถมาได้สามสิบนาที พวกเขาก็มาถึงทางเข้าโรงแรมซินรุ่ย
พนักงานที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าของโรงแรมดูจดหมายเชิญของลู่โจว แล้วเขาก็เชิญทั้งสองคนเข้าไปในโรงแรม
ลู่โจวเดินผ่านล็อบบี้โรงแรมและมองดูการตกแต่งและผู้คนในล็อบบี้
เขาได้ตระหนักว่าที่นี่ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแวดวงวิชาการใช้เงินเปลืองมาก นักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้ใช้เงินฟุ่มเฟือยมากกับการประชุมของพวกเขา
ไม่ใช่แค่เพียงว่าที่นี่เป็นโรงแรมห้าดาว แต่ดูเหมือนพวกเขาจะให้เช่าสถานที่ทั้งหมดเพื่อการประชุมด้วย
ในทางตรงกันข้าม การประชุมด้านคณิตศาสตร์มักจะจัดในห้องประชุมขนาดเล็ก แม้แต่การประชุมระดับสุดยอดอย่าง ICM ก็คงจะไม่จัดในสถานที่หรูหราขนาดนี้
ลู่โจวยังจำงานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติล่าสุดที่รีโอเดจาเนโรได้ ถึงแม้โรงแรมจะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่จะใกล้เคียงกับโรงแรมห้าดาวเลย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักคณิตศาสตร์จะดูถูกนักเศรษฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์เพื่อสร้างทฤษฎีและเข้าร่วมการประชุมที่ฟุ่มเฟือยพวกนี้!
ลู่โจวพิจารณาว่าเหตุผลที่สถานที่จัดงานนี้จัดขึ้นที่สถานที่อันฟุ่มเฟือยขนาดนี้ก็คือผู้จัดการประชุมได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เช่น มหาลัยออโรร่า และมหาวิทยาลัยไค
รัฐบาลท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยยินดีที่จะใช้เงินเพื่อดึงดูดนักวิชาการนานาชาติ
เหมือนอย่างสำนวนที่ว่าไว้
อยากเป็นใหญ่เป็นได้ถ้ามีเงิน
ถ้านี่เป็นเมื่อก่อนนักวิชาการนานาชาติคงจะไม่มีทางมาร่วมการประชุมในประเทศแบบตอนนี้
แต่สภาพแวดล้อมในแวดวงวิชาการได้เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นมาแล้ว
ด้วยเศรษฐกิจจีนที่เติบโตขึ้นทำให้นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ก็หันมาสนใจแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์ของจีนมากขึ้น พวกเขาเต็มใจที่จะทำการวิจัยปัญหาที่ยังมีอยู่ในเศรษฐกิจของจีน รวมทั้งศึกษาว่าผลกระทบของเศรษฐกิจจีนแบบใดที่จะส่งผลต่อโลก…
จากการมองแบบไม่ลำเอียง การที่สามารถดึงดูดนักวิชาการนานาชาติได้นั้นเป็นเรื่องที่ดี
หลังจากลู่โจวเข้าไปในสถานที่จัดงาน เขาก็ไปที่บูธของที่ระลึกทันทีและเก็บสมุดและปากกาฟรีจากธนาคารเพื่อการลงทุนใหญ่ๆ อย่างมีความสุข
ปากกาเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อขายและก็แทบจะไม่มีใครขายมัน ดังนั้นพวกมันจึงเป็นของที่น่าสะสมทีเดียว
ลู่โจวมักจะชอบสะสมของชำร่วยจากการประชุมวิชาการเสมอ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นวิธีการในการติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการของเขา
เขาไม่ได้ไปเข้าร่วมการประชุมมากนักตลอดสองสามปีที่ผ่านมา
การได้จับปากกาโลหะฟรีทำให้ลู่โจวรู้สึกคิดถึงความหลัง
ถัดจากบูธของที่ระลึกเป็นพื้นที่ของบูธโปสเตอร์
ไม่ต่างจากการประชุมด้านคณิตศาสตร์ที่มีการอภิปรายหัวข้อขั้นสูงในห้องจัดประชุม ขณะเดียวกันพื้นที่ของโซนโปสเตอร์ก็จะเปิดโอกาสให้นักวิชาการทุกคนได้แสดงผลการวิจัยของพวกเขา
เมื่อเทียบกับนำเสนอการอภิปรายหรือการรายงาน อุปสรรคในการเข้าไปในบูธโปสเตอร์นั้นน้อยกว่ามาก มันเหมือนคนขายของริมถนนที่ตั้งร้านอยู่ข้างห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นนักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอก ใครก็ตามที่มีเสียงดังและมีโปสเตอร์ที่สะดุดตาจะได้รับความสนใจค่อนข้างมาก
แม้ว่าโปสเตอร์วิชาการจะด้อยกว่าวิธีการสื่อสารทางวิชาการอื่นๆ แต่มันก็ยังคงเป็นวิธีการที่มีประโยชน์มากในการแสดงผลงานของใครสักคน
ลู่โจวมองไปรอบๆ แผงโปสเตอร์อันน่าอัศจรรย์ เขาได้ตระหนักว่าแม้เขาจะจำคำเฉพาะตัวและสัญลักษณ์ต่างๆ บนโปสเตอร์ได้ แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วโปสเตอร์พยายามจะสื่อถึงอะไร
เขาเริ่มเกิดความสงสัยทันทีที่เขาสังเกตเห็นหัวเรื่องที่ดูคุ้นตาบนโปสเตอร์
“…แบบจำลองลู่ บิวลีย์?”
แม้ว่าโปสเตอร์จะทำออกมาไม่ค่อยดีนัก แต่หัวข้อเรื่องนั้นเขียนไว้อย่างชัดเจน
ผู้ชายร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้าโปสเตอร์เห็นลู่โจวเข้า แล้วเขาก็เลิกคิ้วและถามขึ้นว่า “คุณทำหัวข้อวิจัยนี้เหรอครับ?”
ลู่โจวได้ยินชายหนุ่มคนนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา
“ประมาณนั้น”
“บังเอิญจังเลยนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มและยื่นมือของเขาออกมาระหว่างที่พูดขึ้นว่า “ผมชื่อ วิสล์ เป็นนักศึกษาปริญญาเอกจากพรินซ์ตันครับ กำลังวิจัยเรื่องเศรษฐศาสตร์มหภาค… ถ้าจะพูดให้เจาะจงก็คือผมกำลังวิจัยเรื่องแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์ที่สร้างขึ้นโดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ แบบจำลองลู่ บิวลีย์ เป็นโปรเจกต์การวิจัยของผมครับ!”
เขายืนอยู่ที่นี่กับโปสเตอร์ของเขาตั้งแต่เช้า แต่ไม่มีใครสนใจโปสเตอร์ของเขา
ในที่สุดเขาก็พบใครคนหนึ่งที่ดูท่าทางสนใจโปสเตอร์ของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้ลู่โจวจากไป
อย่างไรก็ตามลู่โจวก็ไม่ได้วางแผนที่จะเดินจากไปแต่อย่างใด
เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเข้าร่วมการประชุมนี้ก็คือเพื่อค้นหาว่าแบบจำลองลู่ บิวลีย์ สำคัญอย่างที่ครุกแมนอ้างไว้หรือไม่
“แบบจำลองลู่ บิวลีย์ นี่สำคัญไหม?”
แม้ว่าลู่โจวจะรู้สึกหลงตัวเองนิดหน่อยตอนที่ถามคำถามนี้ แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
ลู่โจวรู้สึกอายที่จะถามคำถามนี้ แต่วิสล์กลับเข้าใจว่าลู่โจวกำลังสงสัยถึงความสำคัญของแบบจำลองนี้ เขายืนตัวตรงและเริ่มอธิบาย
“แน่นอนครับ! มันคือหนึ่งในแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในไม่กี่ปีมานี้! คุณกำลังทำวิจัยหัวข้อนี้ คุณน่าจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับแบบจำลองบิวลีย์ใช่ไหมครับ? แบบจำลองลู่ บิวลีย์ เป็นเวอร์ชันที่เข้มข้นของแบบจำลองบิวลีย์… คุณทำวิจัยหัวข้อนี้จริงๆ หรือเปล่าครับ? ฟังดูเหมือนคุณเป็นคนทั่วไป”
ลู่โจวมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของวิสล์และพูดว่า
“แน่นอนสิครับ คุณไม่ไว้ใจผมเหรอ?”
“เปล่าครับ เปล่า” วิสล์โบกมือแล้วพูดว่า “จริงๆ แล้ว มันไม่เป็นไรหรอกครับถ้าคุณไม่เข้าใจ เพราะเรื่องนี้มันก็เป็นสาขาการวิจัยที่ค่อนข้างล้ำยุค ถ้าคุณวางแผนที่จะศึกษาเกี่ยวกับแบบจำลองลู่ บิวลีย์ คุณควรจะไปดูที่ห้องบรรยาย 1”
ลู่โจว: “ห้องบรรยาย 1 เหรอ?”
“ถูกต้องแล้ว ศาสตราจารย์โจเซฟ ยูจีน สติกลิตซ์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบล กำลังบรรยายอยู่ที่นั่น มั่นใจได้เลยว่าคุณจะต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับแบบจำลองดิกซิต-สติกลิตซ์ของเขา เขาเป็นนักวิจัยเชิงทฤษฎีในด้านเศรษฐศาสตร์สารสนเทศแบบสมมาตร แต่เขาก็ยังมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากเกี่ยวกับคณิตเศรษฐศาสตร์ด้วย”
ด้วยเหตุบางอย่าง น้ำเสียงของวิสล์นั้นแฝงนัยของความอิจฉา ราวกับว่าเขาอยากจะเข้าร่วมการบรรยายแทนที่จะมายืนอยู่ที่บูธโปสเตอร์ของเขา
“ไปเถอะครับถ้าคุณอยากไป” ลู่โจวมองไปรอบๆ บูธโปสเตอร์ที่ว่างเปล่าและพูดว่า “ยังไงก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่อยู่แล้ว”
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้!” วิสล์พูดว่า “ถ้าไม่มีคนเฝ้าบูธโปสเตอร์ อาจจะมีคนมาเอาโปสเตอร์ของผมไป นั่นหมายความว่าผมอาจจะขาดคุณสมบัติในการที่จะได้รางวัลการสร้างสรรค์โปสเตอร์”
“ผมขอโทษแต่… คุณตั้งใจว่าจะชนะรางวัลด้วยโปสเตอร์นี้เหรอ?” ลู่โจวมองโปสเตอร์ที่วาดไว้อย่างน่าเกลียดพร้อมกับอ้าปากค้าง
สิ่งนี้ดูเหมือนภาพวาดศิลปะแบบนามธรรมมากกว่า
แต่สำหรับโปสเตอร์วิชาการแล้ว…
มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขาเพียงแค่เอากระดาษว่างๆ มาแล้วเขียนบทสรุปทีละบรรทัด
อย่างไรก็ตาม วิสล์ไม่ได้รู้สึกขำด้วย และเขาก็เถียงขึ้นมาอย่างดึงดันว่า “แล้วถ้าผมชนะได้ล่ะ? คุณไม่รู้อะไรหรอก”
ลู่โจวส่ายหัว
“งั้นก็โชคดีครับ… ผมจะไปห้องบรรยาย 1”
“เชิญครับ คุณอาจจะหาที่นั่งไม่ได้แล้ว… อ้อ จริงสิ ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย?” วิสล์พูดกับลู่โจว ผู้ซึ่งกำลังเดินออกจากบูธโปสเตอร์
ลู่โจวยิ้มและพูดออกมาโดยไม่ได้หันหลังมามอง
“ผมชื่อ ลู่โจว”
วิสล์: “…???”
…………
Related