อเมริกามีถนนที่มีชื่อเสียงอยู่สองแห่ง
แห่งแรกก็คือวอลสตรีท ที่แมนแฮตตัน นิวยอร์ก ส่วนอีกที่ก็คือเคสตรีท วอชิงตันดีซี
เนื่องจากองค์กรวิ่งเต้นและกลุ่มคนทำงานระดับมันสมองที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นี่ เคสตรีทจึงถูกเรียกว่าเป็นถนนแห่งการวิ่งเต้นหรือหน่วยงานรัฐบาลที่สี่ของสหรัฐอเมริกา
ลอว์เรนซ์นั่งอยู่ในออฟฟิศตรงมุมเคสตรีท เขาพยักหน้าพร้อมมือถือในมือ
“ประธานาธิบดีพูดแบบนั้นเหรอ”
“โอเค ผมเข้าใจ”
ลอว์เรนซ์วางสายและยื่นโทรศัพท์ให้ผู้ช่วยของเขาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
วู้ดส์นั่งตรงข้าม เขาขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัย “ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ว่ามาเลย”
“คุณคุยโทรศัพท์กับ…”
“หัวหน้าคณะทำงาน”
หัวหน้าคณะทำงาน!
วู้ดส์มีสีหน้าที่ดูประหลาดใจ
การคุยโทรศัพท์กับหัวหน้าคณะทำงานไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร เอ็กซอนโมบิลก็มีอำนาจแบบนี้เหมือนกันที่หัวหน้าคณะทำงานจะคอยรายงานด้วยตัวเอง…
วู้ดส์กลืนน้ำลาย
ไม่แปลกใจเลยที่พวกแวมไพร์ดูดเลือดมักคิดถูกเสมอ พวกนั้นมีแหล่งข่าวพิเศษนี่เอง
เขานึกไปถึงวิกฤติตลาดการเงินพฤหัสทมิฬและสงสัยว่าชายคนนี้ทำเงินจากการขายชอร์ตได้อย่างไร…
“ทำเนียบขาวตัดสินใจว่าอย่างไร”
ลอว์เรนซ์ยิ้มอย่างไม่แยแสและตอบ “พวกเขาคิดว่าจะสอบสวนการผูกขาดตลาดของสตาร์สกายเทคโนโลยีดีไหมเพราะตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการสร้างความขัดแย้ง”
วู้ดส์นิ่งไปครู่หนึ่งขณะที่ใจของเขาหยุดเต้น
“แต่สิทธิบัตร”
“มันไม่ได้เป็นของคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ”
ลอว์เรนซ์ยิ้มให้ซีอีโอเท็กซัส ลอว์เรนซ์ดูถูกเขาอย่างชัดเจน
แทนที่จะวิ่งเต้นให้ทำเนียบขาว และกดดันกระทรวงยุติธรรม หรือติดสินบนบรรดาพยาน คนป่าเถื่อนพวกนี้ตั้งใจจะขโมยความมั่งคั่งไปจากคนอื่น
มันก็เหมือนการแข่งม้า
ผู้ชนะจริงๆ ไม่ใช่ม้าที่ไปถึงเส้นชัย แต่เป็นคนรับแทงม้าที่ชนะชิปและผลประโยชน์ทั้งหมดต่างหาก
“ให้ตายเถอะ!”
วู้ดส์กำหมัดแน่น เขาพยายามวางตัวให้เป็นปกติขณะที่หายใจแรง
ลอว์เรนซ์พูด “ไหนๆ คุณก็รู้แล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ผมก็คงไม่ต้องอยู่ที่นี่ต่อ ขอบคุณที่ให้การต้อนรับนะครับ คุณวู้ดส์”
ลอว์เรนซ์ลุกขึ้นจากโซฟาและพยักหน้าให้ผู้ช่วยของเขาที่กำลังเชื้อเชิญให้เขาขึ้นรถ เขามองไปที่วู้ดส์และพูด “เรากำลังให้ความสนใจกับแหล่งน้ำมันที่ปารากวัย นักวิเคราะห์ของเราคาดการณ์ว่าถ้ารถทุกคันบนโลกเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าภายในปี 2040 ธุรกิจน้ำมันจะยังคงได้กำไรอยู่ ผมจึงอยากจะแนะนำว่าคุณควรดูโปรเจกต์นี้ก่อน…”
วู้ดส์ดูเหมือนเขามีอะไรจะพูด ลอว์เรนซ์นิ่งไปสักพักและพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“แน่นอน คุณไม่ต้องดูถูกผมก็ได้ วิชาประวัติศาสตร์ที่พรินซ์ตันไม่ได้สอนทักษะการลงทุนให้ผม แต่ต้องขอบคุณที่อย่างน้อยผมก็เรียนรู้ที่จะอดทน”
วู้ดส์ลุกขึ้นจากโซฟาและถาม “คุณจะไปแล้วเหรอครับ”
“ใช่” ลอว์เรนซ์พยักหน้าและพูด “เที่ยวบินขึ้นตอนบ่ายสาม ได้เวลาที่ผมต้องไปแล้ว”
“คุณกำลังจะไปไหน”
“ไปพบเพื่อนเก่า”
ลอว์เรนซ์ยิ้มและพูด
“ไม่ได้เจอเขาตั้งนานแล้ว แต่ได้ยินมาว่าเขาสบายดี”
…
ณ มหาวิทยาลัยบิงแฮมตัน
ห้องทดลองแผนกเคมี
ศาสตราจารย์สแตนลีย์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะ จู่ๆ เขาก็รู้สึกสบายใจราวกับยกภูเขาออกจากอก
นักศึกษาปริญญาเอกสวมแว่นเดินเข้ามาในห้องทดลอง เขาสังเกตเห็นศาสตราจารย์และถาม “เกิดอะไรขึ้นครับ ศาสตราจารย์”
“ถอนฟ้อง”
“ถอนฟ้องเหรอ”
“เปล่า มันไม่ใช่เรื่องของคุณ” ศาสตราจารย์สแตนลีย์ยืนขึ้นและจับปกเสื้อขณะที่พูด “วิชาบ่ายเรียนห้องไหนเหรอ”
“อาคารเอ ห้อง 411…คุณจะไปเองเหรอครับ”
สีหน้านักศึกษาปริญญาเอกดูประหลาดใจ
ศาสตราจารย์สแตนลีย์เกลียดการสอนนักศึกษาปริญญาตรี เขาไม่ชอบอธิบายคอนเซปต์พื้นฐานจากหนังสือเรียน ส่วนใหญ่ศาสตราจารย์สแตนลีย์จะให้นักศึกษาและผู้ช่วยของเขาเป็นคนสอนแทน เขาจะไม่ไปสอนด้วยตัวเอง เขาพูดเสมอว่าวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงค้นพบได้ในห้องทดลองเท่านั้น
แต่ตอนนี้สแตนลีย์กลับอยากจะสอนเอง…
ไม่มีทางเป็นไปได้!
“การศึกษาเรื่องพื้นฐานอาจจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับงานวิจัยใหม่ๆ …ผมลืมไปแล้วว่าใครพูด น่าจะคนดังสักคน” ศาสตราจารย์สแตนลีย์พูด “ใช่ ผมจะสอนวิชาบ่ายเอง คุณก็ช่วยผมเรื่องเอกสารก็แล้วกัน”
นักศึกษาปริญญาเอกพยักหน้า
“โอเคครับ ศาสตราจารย์ ผมจะเอาก๊อปปี้พาวเวอร์พอยต์ให้”
ศาสตราจารย์พ่นลมหายใจและพูด
“ไม่ต้องหรอก ครูที่แท้จริงต้องการแค่กระดานดำและชอล์กเท่านั้น”
นักศึกษา “…”
ศาสตราจารย์สแตนลีย์หยิบตารางการบรรยายและเดินออกจากประตูอย่างมีความสุขโดยไม่อธิบายอะไรต่อ
ขณะที่นักศึกษามองประตูปิดลง เขาสงสัยว่าอาจารย์ของเขากำลังทำอะไรอยู่
หลังจากที่สังเกตเห็นหนังสือพิมพ์ที่อยู่บนโต๊ะ
เขาเดินเข้าไปเปิดหนังสือพิมพ์เงียบๆ และเปิดไปที่หน้าที่ศาสตราจารย์สแตนลีย์อ่าน
“การฉ้อกลทางทรัพย์สินทางปัญญาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ถูกยุติเนื่องจากหลักฐานที่ไม่เพียงพอ…”
ตาของเขาเบิกกว้างแล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าศาสตราจารย์สแตนลีย์เคยทำงานโปรเจกต์วิจัยกับเอ็กซอนโมบิล
การที่เอ็กซอนโมบิลเลือกถอนคำฟ้องนับว่าเป็นข่าวร้าย แต่ทำไมหัวหน้าของเขากลับดูโล่งใจ
อยู่ดีๆ เขาก็คิดถึงข่าวลือที่กำลังเกิดขึ้นในวงการวิชาการเมื่อไม่นานมานี้
“บางทีสิทธิบัตรเมื่อหกปีที่แล้วอาจจะ…”
นักศึกษารู้สึกว่าตัวเองอาจค้นพบความลับที่น่ายิ่งใหญ่ เขารีบปิดหนังสือพิมพ์และวางมันไว้ที่เดิม
เพราะสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือเรียนให้จบ
เขาตั้งใจว่าจะเก็บความลับนี้ตลอดไป
อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าเขาจะเรียนจบ
……………………………
Related