ณ โรงพยาบาลกองบัญชาการกองทัพภาคตะวันออก
หลังจากที่หวังเผิงจอดรถแล้ว เขาเปิดรถบรรทุกและนำกระเป๋าออกมาสองใบ ในกระเป๋ามีผลไม้ นม และของใช้อื่นๆ
หวังเผิงปิดรถและเดินตรงไปที่ลิฟต์พร้อมกระเป๋าสองใบ
พยาบาลสวมโค้ตสีขาวกำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่หลังแผนกต้อนรับพิเศษ
เธอสังเกตเห็นหวังเผิงเดินเข้ามา เธอจึงถามขึ้น “สวัสดีค่ะ คุณเป็นใครคะ”
“หวังเผิงครับ ผมมาเยี่ยมเพื่อนที่รักษาตัวอยู่ครับ ชื่อของเขาคือหลี่เกาเหลียง นี่บัตรประจำตัวของผม”
พยาบาลรับบัตรประจำตัวจากหวังเผิงและขมวดคิ้ว
เธอสงสัยว่าทำไมสมาชิกกระทรวงความมั่นคงของรัฐถึงมาเยี่ยมคนจากกองทัพ
เพราะหลี่เกาเหลียงไม่ใช่คนไข้ทั่วไป ร่างกายของเขาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์การทดลองทางการแพทย์ที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นทุกคนนอกจากคนในครอบครัวจะไม่สามารถเยี่ยมเขาได้ง่ายๆ
คนส่วนใหญ่ที่มาเยี่ยมเขาก็คือผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน…
“ขอโทษค่ะ กรุณารอสักครู่”
พยาบาลยืนขึ้นและเดินเข้าไปในออฟฟิศ
หวังเผิงยิ้มให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จ้องเขม็งมาที่เขาและยืนอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่กังวลอะไรเลย
หลังจากนั้นไม่กี่นาที พยาบาลกลับมาพร้อมคุณหมออายุหกสิบ
หวังเผิงจำหมอคนนี้ได้ ชื่อของเขาคือโจวโหยวเตอ หวังเผิงเจอเขาตอนที่เขามาเยี่ยมลู่โจว เขาเป็นหมอชื่อดังที่อยู่ในโครงการนักวิชาการฉางเจียง
หวังเผิงและโจวโหยวเตอสบตากัน
โจวโหยวเตอจำเขาได้ทันที
“ผม…รู้จักคุณ! ” โจวโหยวเตอพูดขณะที่จ้องไปที่หวังเผิง เขาพูด “คุณคือผู้รักษาความปลอดภัยของนักวิชาการลู่ใช่ไหม ผมเห็นคุณอยู่กับเขาครั้งล่าสุด”
หวังเผิงยิ้มและพยักหน้า
“ก็ใช่ครับ ศาสตราจารย์โจว ไม่ได้เจอกันนานนะครับ”
แม้ว่าทางเทคนิคแล้วหวังเผิงจะเป็นคนขับรถ แต่เขาก็พกอาวุธติดตัวตลอดเวลา
“ไม่เอาน่า นี่พวกคุณทำอะไรกันอยู่ หาน้ำให้เขาดื่มหน่อย อย่าให้เขารอข้างนอกแบบนี้! “
พยาบาลก้มหัวด้วยความอับอายขณะที่หวังเผิงพูด
“เธอกำลังดูแลคนไข้อยู่ ไม่เป็นไรหรอกครับ”
พยาบาลกระซิบเบาๆ “ค่ะ ฉันก็กลัวว่าเขาจะเป็นสายลับอะไรพวกนี้”
“พอแล้ว!”
โจวโหยวเตอหันไปทางหวังเผิงและพูดอย่างสุภาพ
“เข้าไปข้างในกันเถอะ ผู้บัญชาการกองพันหลี่อยู่ด้านในศูนย์เวชกรรมฟื้นฟูแล้ว”
หวังเผิงพยักหน้าและตามโจวโหยวเตอไปที่ศูนย์เวชกรรมฟื้นฟู
ระหว่างทางไปศูนย์เวชกรรมฟื้นฟู เขาเห็นคนมากมายใช้ไม้เท้าหรือไม่ก็นั่งรถเข็น นี่คือหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในย่านกองบัญชาการกองทัพภาคตะวันออก คนส่วนใหญ่ที่นี่ล้วนมาจากกองทัพกันทั้งนั้น
หวังเผิงมองไปที่ศาสตราจารย์โจวและพูด
“สภาพร่างกายของผู้บัญชาการกองพันหลี่เป็นอย่างไรบ้างครับ”
โจวโหยวเตอพยักหน้าและพูด “ผมยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย ศัลยแพทย์บอกว่าถ้าโชคดีพอก็จะต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้เขากลับเดินได้ วิ่งได้ แถมยังเล่นบาสเกตบอลได้อีกด้วย ความเร็วในการตอบสนองก็เพิ่มขึ้นด้วย”
จริงๆ แล้วที่กล่าวมายังน้อยกว่าที่เป็นจริงด้วยซ้ำ
เมื่อสมองสามารถปรับตัวให้เข้ากับข้อมูลใหม่อย่างกระดูกโลหะผสมไททาเนียมและระบบการเคลื่อนไหวไฟฟ้า การโยนบอลถือเป็นเรื่องหมูๆ
แน่นอนว่าการใส่เครื่องมือนี้ในการแข่งโอลิมปิกคงเป็นไปไม่ได้เพราะมันมีพลังมากกว่าการใช้ยาเสียอีก
โจวโหยวเตอนิ่งไปครู่หนึ่งและมองไปที่หวังเผิง เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“…ช่วยขอบคุณนักวิชาการลู่แทนผมด้วย! ระบบประสานระบบประสาทของเขาคือพรของพระเจ้า! เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาเต็มที่แล้ว คนนับพันก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปกติอีกครั้ง! “
“ผมจะขอบคุณให้นะ ผมมั่นใจว่าเขาต้องดีใจแน่ๆ “
โจวโหยวเตอพยักหน้าตอบรับคำสัญญาของหวังเผิง
“โอเค ขอบคุณ! “
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงศูนย์เวชกรรมฟื้นฟู
ด้านในไม่ค่อยมีคนเยอะ จริงๆ แล้วมีแค่คนเดียวเท่านั้น
ชายสวมเสื้อยืดยืนอยู่กลางพื้นไม้ ดูเหมือนเขากำลังฝึกชกเงา ซึ่งหวังเผิงสามารถบอกได้ทันที
สิ่งที่ทำให้หวังเผิงประหลาดใจคือความรวดเร็วและทักษะของเขา ราวกับว่าเขาไม่เคยบาดเจ็บด้วยซ้ำในขณะที่เขาเคลื่อนไหวราวกับงู
หวังเผิงคาดการณ์ว่าถ้าโดนเขาต่อยหน้า คงล้มลงทันทีแน่ๆ
โจวโหยวเตอกำลังจะตะโกนไปที่หลี่เกาเหลียง แต่หวังเผิงห้ามเขาไว้
“ให้เขาซ้อมต่อเถอะครับ”
“โอเค พวกคุณคุยกัน ผมต้องไปแล้ว”
“โอเค อย่าหักโหมนะครับ”
โจวโหยวเตอเดินจากไป ขณะที่หวังเผิงยังคงมองหลี่เกาเหลียงต่อ
เวลาผ่านไปไม่กี่วินาที
หลี่เกาเหลียงหยุดพักและกำลังจะดื่มน้ำ แต่เขาได้ยินเสียงใครบางคนดังมาจากทางเข้าเสียก่อน
“ไม่เลวนี่นา!”
หลี่เกาเหลียงยิ้มให้หวังเผิงและเดินเข้าไป
“ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่?”
“ในที่สุดผมก็ว่างเสียที ก็เลยมาเยี่ยมคุณ เป็นอย่างไรบ้าง หายหรือยัง”
หลี่เกาเหลียงหัวเราะและพูด “สุดยอดไปเลย! มาเร็ว ผมจะซ้อมกับคุณ”
“อย่าเลย ผมไม่อยากทำคุณเจ็บ” หวังเผิงยิ้มและวางกระเป๋าบนพื้น
“ศาสตราจารย์ลู่อยากจะมาเยี่ยมคุณด้วยตัวเอง แต่เขาต้องไปฝึก กระเป๋าใบนี้ของผม ส่วนใบนั้นเป็นของเขา ไหนๆ คุณก็ฟื้นฟูดีแล้ว ผมจะไม่แบกไปให้ที่ห้อง คุณแบกไปเองก็แล้วกันนะ”
หลี่เกาเหลียงถอนหายใจขณะที่มองไปที่กระเป๋า
“อ๊า ใจดีเกินไปแล้ว”
หวังเผิงส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ใจดีหรอก อีกอย่าง…”
สีหน้าของเขาจริงจังมากขึ้นแล้วพูดขึ้น
“นอกจากมาเจอคุณ ผมมาที่นี่เพื่อทำภารกิจ”
ตาของหลี่เกาเหลียงเบิกกว้าง
“ภารกิจเหรอ ผมกลับเข้ากองได้แล้วเหรอ”
“ก็ได้” หวังเผิงพูด “เบื้องบนอยากให้ผมมาถามคุณ คุณมีทางเลือกสองทาง ข้อแรกคือเกษียณและย้ายไป”
หลี่เกาเหลียงขัดหวังเผิงและพูด “บอกทางเลือกที่สองมา ผมเพิ่งจะอายุสามสิบกว่า ผมไม่เกษียณหรอก”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องพูดแบบนั้น” หวังเผิงถอนหายใจและพูด “ทางเลือกที่สองคือเข้าร่วมกองทัพการบินและอวกาศที่กองบัญชาการกองทัพภาคตะวันออก ถ้าคุณสนใจ คุณก็เข้าร่วมได้ คุณจะได้อยู่ในตำแหน่งเดิม แต่คนภายใต้บังคับบัญชาน้อยลง”
“กองทัพการบินและอวกาศเหรอ” หลี่เกาเหลียงถาม “มันคืออะไร”
“กองทัพการบินและอวกาศ…” หวังเผิงไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เขาจึงพูด “ทั่วๆ ไปก็คือเราต้องฝึกฝนกองทัพใหม่ให้ทันเวลา เราต้องการกองกำลังบนวงโคจรต่ำของโลก”
หลี่เกาเหลียง “เรื่องไร้สาระนี่มันอะไรกัน ผมขับเครื่องบินไม่เป็นหรอกนะ! “
“คุณไม่จำเป็นต้องขับเครื่องบิน เบื้องบนต้องการให้คุณเข้ามาจัดการเรื่องการจัดการและพลาธิการทางทหาร”
หลี่เกาเหลียง “ผมกลับไปทำตำแหน่งเดิมได้ไหม”
“เกรงว่าจะไม่ได้…”
หลี่เกาเหลียงถอนหายใจและโบกมือ
“ก็ได้ ผมร่วมกองทัพการบินและอวกาศก็ได้ ยังดีกว่าต้องเกษียณ”
หวังเผิงพยักหน้าและพูดต่อ “โอเค ผมยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกคุณ”
หลี่เกาเหลียง “อะไร”
หวังเผิง “เบื้องบนต้องการให้คุณลงทะเบียนภายในสองวันและอบรมพื้นฐานทั้งหมดให้เร็วที่สุด จะมีการฝึกในอีก 30 วัน กองทัพการบินและอวกาศกองบัญชาการกองทัพภาคตะวันออกจะเข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้”
หลี่เกาเหลียงมีสีหน้าจริงจัง
“ฝึกเหรอ บอกรายละเอียดมาหน่อย”
หวังเผิงพยักหน้า
“การต่อต้านการก่อการร้าย การสนับสนุนต่างประเทศ…
“และช่วยเหลือตัวประกัน! “
…………………
Related