กิลด์นักผจญภัย
—
เดลลีนเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นใกล้กับเมืองหลวง
หลายปีที่ผ่านมาที่นี่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และการเติบโตอันโดดเด่นนี้ก็เลื่องลือไปไกล
เทียบกับเมืองในอาณาเขตของวอลท์บ้านผมแล้วมันเล็กว่า
แต่ความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับภูมิทัศน์อันเป็นระเบียบของเมืองก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกใหม่
“ใช้เวลาสองวันจากเมืองหลวงมาสถานีขนส่งของเดลลีน เฮ้อ…มันเป็นเพราะถนนถูกดูแลดีมากทำให้เรามาถึงเร็วขนาดนี้”
เมื่อมาถึงเดลลีน ขณะผมก็ยืดบิดขี้เกียจแล้วสำรวจรอบๆ โนแวมก็บอกว่ามีป้ายประกาศติดอยู่
“บนนี้มีแผนที่เบื้อนต้นอยู่ค่ะ มันมีตำแหน่งของสถานที่สำคัญๆ ด้วย”
สะดวกแท้ ผมติดแล้วดูมันกับเธอ มีจุดนึงบนแผนที่ถูกระบุว่าเป็นกิลด์นักผจญภัย
ตามเส้นทางบนแผนที่แล้ว…
“ท่านไรเอล ตึกโน้นรึเปล่าคะ? ”
อาคารที่มองเห็นได้จากทางเข้าเมือง และใหญ่กว่าอาคารสองถึงสามชั้นรอบๆ มาก
ถ้านับในอาณาบริเวณนี้ มันคงเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุด
ดูเหมือนกิลนักผจญภัยของเดลลีนจะค่อนข้างมีอิทธิพลนะ
“กลับบ้า-…ไม่ มันใหญ่กว่าที่สาขาในเขตตระกูลวอลท์อีกแฮะ”
เมื่อเห็นผมแก้คำพูดตัวเอง โนแวมก็ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง เพราะงั้นผมเลยบังคับให้ตัวเองยิ้มออกมา
“เอาล่ะ เราพอมีเวลาอยู่ ไปสมัครที่กิลด์ก่อนมั้ย? ”
“ค่ะ ท่านไรเอล”
ผมถือกระเป๋าของเด็กสาวที่กำลังยิ้มแย้มแล้วเดินตรงไป
‘ถึงแซลกับโนแวมจะพูดแล้วก็เถอะ…แต่เงินเนี่ย หายไปก่อนที่เราจะรู้ตัวจริงด้วยนะ’
กระเป๋าเงินของร่อยหรอลงมาก
เดิมที พวกเราก็ไม่ค่อยใช้จ่ายอะไรในการเดินทางมาที่นี่ ของแพงที่สุดก็คือดาบที่ผมซื้อ
แต่น่าจะเพราะดาบคมเดียวนี้เป็นรูปทรงหายาก ทำให้ราคาแพงตามจำนวนของที่น้อยล่ะ
‘เราคงต้องคิดเรื่องการใช้จ่ายมากกว่านี้ และค่าเงินในหัวของบรรพบุรุษแต่ละคนก็ต่างกันด้วยสิ…’
ทั้งค่าเงิน และค่าครองชีพก็ต่างกันไปตามยุค
เพราะทรัพย์สมบัติที่ตกทอดกันมาจากรุ่นก่อนๆ ตั้งแต่รุ่นที่ 5 ลงมาก็เลยมีสามัญสำนึกแบบคนรวย
ส่วนรุ่นที่หนึ่งก็ยืนกรานว่าอาวุธของลูกผู้ชายต้องเป็นขวานหรือกระบอง และดูถูกว่าดาบคมเดียวมันไร้ประโยชน์
[อีกอย่างเจ้าหยิบท่อนไม้หรือเศษหินข้างทางขึ้นมาขว้างก็ยังได้นี่? หรือถ้าไม่มี แค่หมัดของเจ้าก็พอแล้ว]
…ความคิดของเขาช่างเหมือนคนป่าจริงๆ
เมื่อกำลังเดินไปยังกิลด์ พวกเราก็เห็นนักผจญภัยคนอื่นๆ เดินไปทางเดียวกันด้วย
เครื่องแต่งกายของพวกเขามีหลากหลายแบบ แต่ผมเห็นทุกคนดูคล้ายอันธพาลไปซะหมดเลย
พวกเขาเหน็บมีดไว้ข้างเอว และเดินกร่างใส่ผู้สัญจรไปมาบนถนน
นักผจญภัยมักจะเดินถืออาวุธไปมา ถึงกิลด์จะพยายามเข้าควบคุม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องที่พวกเขาก่อมันน้อยลงเลย
ผมหมายถึง พวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นนักเลงไม่ก็ทหารรับจ้าง
พวกเขาบางคนก็มีใบประกาศจับและซ่อนตัวอยู่ ทางกิลด์พยายามระวังแล้วแต่ก็ไม่ค่อยได้ผลนัก
อันที่จริงก็มีเพียงนักผจญภัยราว 3 ถึง 4 ส่วนต่อ 10 ที่มีแนวโน้มจะเป็นนักผจญภัยที่ดี
แล้วก็มีคนมากมายที่ทำงานเป็นนักผจญภัยในเวลาว่างด้วย
‘อืม…นั่นเป็นสิ่งที่เราได้ยินจากบรรพบุรุษล่ะนะ…’
มันไม่ใช่ความรู้ของผมเอง
ตัวผมเองเคยมีความเข้าใจเกี่ยวกับนักผจญภัยที่คลุมเครือ แต่พอรู้ความจริงก็รู้สึกว่าตัวเองที่เคยชื่นชมพวกเขานั้นโง่แค่ไหน
ความจริงแล้วมีนักผจญภัยแค่ไม่ถึง 1 ใน 10 เท่านั้นที่เหล่าเด็กๆ ชื่นชม
“พวกเรามาถึงแล้วค่ะ ท่านไรเอล”
“หืม? ทำไมกิลด์ชั้นแรกถึงเป็นตลาดล่ะ? “
บนชั้นแรกของอาคารมีป้ายระบุไว้ชัดเจนว่ากิลด์นักผจญภัย และพื้นที่ที่เหมือนตลาดก็มีเสาค้ำยันเพดานอยู่
นักผจญภัย และพ่อค้าเข็นรถเข็นเข้าออกกันขวักไขว่
และที่นี่ก็มีทั้งนักผจญภัย พ่อค้า หรือคนธรรมดาชอปปี้งอยู่รอบๆ
“ท่านไรเอล นี่คือพื้นที่ซื้อขายค่ะ ที่ชั้นแรกนี้ นักผจญภัยสามารถใช้แลกเปลี่ยนชิ้นส่วนมอนสเตอร์ หรืออะไรก็ตามที่พวกเขานำกลับมาได้ค่ะ”
“เอ๋? จริงดิ? เจ้าไม่ต้องให้ทุกอย่างที่เอากลับมากับกิลด์ก่อนเหรอ? ”
โนแวมทำหน้าลำบากใจ
“ข้าก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่นะคะ แต่การออกไปล่ามอนสเตอร์ข้างนอกเมืองแล้วเอามันกลับมาด้วย…มันสกปรกไม่ใช่หรือคะ?
มันไม่ค่อยดีถ้าพวกเขาจะเข้าไปในอาคารทั้งๆ แบบนั้น เห็นนั่นไหมคะ มีโรงอาบน้ำอยู่ข้างๆ ด้วย
ถ้ามีเรื่องจำเป็นที่จะต้องพบพนักงานกิลด์จริงๆ ต้องไปล้างสิ่งสกปรกที่นั่นก่อนค่ะ”
ใช่แฮะ พอคิดว่าเอาชิ้นส่วนมอนสเตอร์มาพลิกไปมาบนเคาเตอร์แล้วก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ
มีหวังเคาเตอร์คงเต็มไปด้วยคราบเลือด และโคลนกันพอดี
งานของพนักงานต้อนรับน่าจะเป็นงานเอกสาร และเป็นธรรมดาที่จะสร้างพื้นที่ไว้สำหรับเรื่องพวกนี้โดยเฉพาะแทน
“น-นั่นสินะ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมที่ตั้งใจจะยืนให้ได้ด้วยลำแข้งตัวเอง แต่กลับโชว์โง่ไปกี่ครั้งกันแล้วนะ?
‘เราจะรอดไหมเนี่ย? ’
ผมที่กำลังจิตตก ขึ้นไปหาแผนกต้นรับที่ชั้นสองพร้อมกับโนแวม พกวเราขึ้นบันไดไปตามป้ายนำทาง
.
.
.
เคาเตอร์แผนกต้อนรับของกิลด์นักผจญภัยนั้นกว้างสุดๆ
เป็นแถวของพนักงาน และผจญภัยที่ตามติดต่ออีกด้านของเตอร์
“ขั้นตอนมันต้องเยอะแน่ๆ ”
“ค่ะ ข้าก็ไม่เคยมาสมัครมาก่อนเลยรู้สึกประหม่านิดหน่อย”
ผมได้ยินเสียงของรุ่นที่สองออกมาจากอัญมณีแทนรุ่นที่หนึ่ง
[ตาแก่อารมณ์เสียอีกแล้วข้าเลยมาแทนเขา เจ้ากำลังกังวลเรื่องสมัครสมาชิกกิลด์เหรอ
ข้าว่าพวกเขาคุ้นเคยกับมือใหม่นะ มั่นใจหน่อยสิ]
‘คงจะดีถ้ารุ่นที่สองมาดูแลผมตั้งแต่แรกนะ? ‘
เพื่อบอกว่าเข้าใจผมจึงแตะอัญมณีครั้งนึง พอฟังเสียงของรุ่นสองผมก็มองหาแถวที่จะไปต่อคิว
พอมองแล้ว แต่ละแถวมันต่างกันชัดเจน
พวกเขาเป็นนักผจญภัยหน้าใหม่? ที่กำลังต่อแถวของพนักงานกิลด์สาวสวยอยู่
หญิงสาวที่ยิ้มแป้น และอามรมณ์ดี
นอกจากนี้ก็แถวของหญิงวัยป้าทีจะมีเฉพาะนักผจญภัยที่เร่งรีบมาต่อแถว
พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีแค่ไม่กี่แถวที่เป็นของผู้ชาย
ผมกำลังไปต่อแถวของหญิงกลางคน แต่รุ่นที่สองก็หยุดผม
[ไรเอล ทำไมเจ้าไม่ไปต่อแถวที่สิ้นที่สุดล่ะ? ]
‘เอ๋? ถ้าแถวที่สั้นที่สุด…’
ผมมองหาตามที่รุ่นที่สองแนะนำ แล้วเจอกับพนักงานผิวแทนสายกล้ามที่ไว้ทรงผมเกรียน เขาดูน่ากลัวไปหน่อยนะ
รุ่นที่สองพูดขึ้นเมื่อเห็นผมลังเล
[ไม่ต้องห้วง ในบรรดานพนักงาน เขาเป็นที่เหมาะสมที่สุด]
‘ส่วนไหนของเขาที่เหมาะสมกัน? ‘
ถ้าเขาถอดเสื้อนอกออกคงเต็มด้วยมัดกล้ามเหล็กไหลปริเสื้อ หากผมไปทำให้เขาหงุดหงิดแล้วต่อยสวนมาจะทำยังไง?
เขาทำให้ผมคิดไปถึงขนาดนั้น
[โธ่ ไ ป สั ก ที ! อย่างทำให้หนูโนแวมรอสิ! ]
‘ทำไมรุ่นที่หนุ่งถึงสี่ถึงชอบยกโนแวมมาอ้างผมกัน? ไม่สิ ผมรู้ว่าเธอเป็นลูกหลานของคนที่ช่วยพวกเขาไว้ แต่…’
ผมเดินไปตามที่เขาบอกอย่างไม่เต็มใจ โนแวมส่งเสียงประหลาดใจ
“ท่านเลือกพนักงานกิลด์คนนั้นเหรอคะ? ข้าคิดว่าท่านไรเอลจะเลือกคนที่ทำงานเร็วๆ ซะอีกค่ะ”
“ใช่ ตอนแรกข้าก็คิดแบบนั้น…”
ผมบอกไม่ได้ว่าคนไหนดีกว่า แต่โนแวมกลับโล่งใจ
“ข้าก็กำลังจะแนะนำพนักงานคนนั้นเลยค่ะ ดีจังเลยนะคะ”
“เอ๋? จริงดิ? ”
ความเห็นของโนแวมเหมือนกันรุ่นที่สอง
“ค่ะ เขาคนนั้นค่อนข้างสุภาพอ่อนโยน เหมาะสำหรับคนที่จะมาสมัครสมาชิกแบบเราที่สุดแล้วค่ะ”
เมื่อเธอพูด รุ่นที่สองก็เห็นด้วย
[เยี่ยม ถูกต้องแล้ว แทนที่จะเป็นสาวสวยยิ้มแย้มที่ทำงานเร็วแต่ไม่รู้ว่าเธอทำงานดีหรือเปล่า
เจ้าควรเลือกคนที่ดูน่ากลัวแต่ทำงานอย่างปราณีตและสุภาพ ซึ่งสาวสวยคนนั้นก็ดูจะไม่ใช่นะ]
เมื่อรุ่นที่สองตำหนิเธอ ผมจึงหันไปมองแถวที่เธออยู่
“เอ๋~? ไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ~”
“ไม่เป็นไรหรอก? ไว้งานเธอเสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกินกันก็ได้”
“แต่ว่า~”
เธอยิ้มตอบ แต่พอคนถัดไป…
“ค่า นี่รางวัลของท่านนะ”
“อ-อืม…”
“ท่านต่อไปเชิญเลยค่ะ”
เธอปฎิบัติด้วยเฉพาะนักผจญภัยที่หน้าตา และสวมใส่อุปกรณ์ดีๆ แต่พอเป็นคนปกติหน้าตาธรรมดาก็ต่างไปโดยสิ้นเชิง
แล้วก็มีปัญหาด้วย
“เดี๋ยวสิ! รางวัลมันต่างกับในสัญญานี่! การประเมินของผู้ว่าจ้าง…”
“ถึงท่านบอกกับข้าแบบนั้น~”
เธอทำหน้าลำบากใจ แล้วนักผจญภัยในแถวก็ออกหน้า
“เฮ้ย! พวกเรารออยู่นะ อย่าโวยวายกับอีแค่ไม่กี่เหรียญทองแดงสิ! “
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ไม่คิดจะไปต่อแถวนั้นอีกเลย
[ใช่ไหมล่ะ? และเธอควรถูกถอดออกจากพนักงานต้อนรับด้วยซ้ำ แต่ด้วยทัศนคติของเธอ
ข้าก็เชื่อว่าต่อให้เธอไปทำงานตรงอื่นก็ออกมาเหมือนกันนั่นแหละ]
การมองคนของรุ่นที่สองค่อนข้างเข้มงวดทีเดียว
เห็นได้ชัดว่าพนักงานกิลด์สาวสวยเป็นที่นิยมในหมู่นักผจญภัยมือใหม่ และนักผจญภัยที่ชอบหลีหญิง
แต่หลักวิชาชีพของเธอกลับแย่มาก
‘โชคดีที่เราไม่ได้ไปตรงนั้นด้วย’
ขณะกำลังคิด โนแวมก็เรียกผม
“ท่านไรเอลคะ ถึงคิวแล้วค่ะ”
“อ่า”
ถึงคิวของผมแล้ว
ไม่เหมือนที่มองจากไกลๆ ในระยะประชิดยิ่งขยายพลังทำลายให้ใหญ่ไปอีก
นอกจากตัวโตแล้วเขายังให้บรรยากาศราวกับนักรบ
[ผู้ชายคนนี้น่าจะเคยเป็นนักผจญภัยแล้วมาทำงานนี้หลังเกษียณนะ เจ้าคาดหวังการบริการที่ดีจากเขาได้เลย
ไรเอล นับแต่นี้จงมาหาแค่ผู้ชายคนนี้ซะ]
รุ่นที่สองกำลังตัดสินใจแทนผมเอาเอง
ผมบอกพนักงานคนนี้ว่าจะมาสมัครเป็นนักผจญภัย
“ข้าอยากจะลงทะเบียนนักผจญภัย อ่า สองคนครับ”
เขารับทราบแล้วเตรียมกระดาษขึ้นมาสองแผ่น
“สมัครงั้นเหรอ? ยินดีที่ได้รู้จักนะ ข้าชื่อ ฮาวกิ้น ถ้ามีอะไรที่คุณไม่เข้าใจก็ถามข้าได้เลย แล้วก็ในเมื่อคุณมาสมัครสองคน
งั้นลงทะเบียนแบบปาร์ตี้เลยรึเปล่าครับ? ”
ลงทะเบียนปาร์ตี้? ขณะที่ผมกำลัง
“หลังจากลงทะเบียน กิลด์สาขาหลักของคุณจะถูกนับว่าเป็นที่เมืองเดลลีนนี้ ถ้าต้องการย้ายที่ทำกิน
โปรดแจ้งเรื่องกับทางกิลด์แล้วก็เขียนแบบฟอร์มที่ที่จะย้ายไปลงในเอกสาร ถึงจะนับที่นั่นเป็นกิลด์สาขาหลักของคุณ
ไม่อย่างนั้น จะทำได้แค่ขายชิ้นส่วนของมอนสเตอร์ แต่จะไม่สามารถรับคำร้องได้ โปรดจำไว้ด้วยครับ”
ผมกรอกเอกสารแล้วฮาวกิ้นก็รับไปตรวจว่าผมพลาดตรงไหนไหม
ผมกับโนแวมคุ้นเคยกับงานเอกสารดีเพราะฝึกมาจากตระกูล และที่บ้านผมก็ต้องกรอกลายเซ็นต์ลงเอกสารมากมายอยู่แล้ว
“เยี่ยม คุณโปรดหยดเลือดลงบนกระดาษสองแผ่นนี้ที ใช้เข็มนี่นะ ไม่ต้องห่วงมันถูกฆ่าเชื้อมาแล้ว คุณผู้หญิงด้วยนะครับ”
“ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ผมใช้เข็มเจาะปลายนิ้ว เลือดค่อยๆ ไหลออกมาเป็นหยดกลมๆ ก่อนที่ผมจะแปะลงบนแผ่นกระดาษเงิน
“สวยครับ นี่ยา ใช้หลังเช็ดเลือดออกก่อนนะ แล้วก็โปรดเขียนลงบนกระดาษด้วย หนึ่งในนั้นทางกิลด์จะเก็บไว้ครับ”
แผ่นเงินเป็นเหมือนบัตรประจำตัวกิลด์ หรือถูกเรียกกันว่ากิลด์การ์ด
มันเป็นอุปกรณ์ลึกลับที่พอเจ้าของตายไป ชื่อบนการ์ดจะเลือนหาย แล้วมันก็ยังบันทึกความประพฤติของผู้ถือครอง
ที่ทางกิลด์สามารถอ่านได้ตามดุลพินิจอีกด้วย
พอได้ยินคำอธิบาย รุ่นที่สองก็พูดขึ้น
[…พอผ่านมาถึงยุคของเจ้ามันช่างสะดวกจริงๆ ในยุคของข้าไม่มีของพวกนี้หรอกเจ้ารู้ไหม?
เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าของพวกนี้มันมีราคางั้นรึ? ]
พอรุ่นที่สองพูด
“เมื่อลงทะเบียนครั้งแรก คุณจะมีค่าบริการ 5 เหรียญเงินครับ แต่ถ้าไม่สะดวก ทางเราจะทยอยเก็บ
จากรางวัลคำร้องของคุณในอนาคต…ราว 1-2 ส่วนมาเป็นค่าธรรมเนียมแทน ดีไหมครับ? ”
“ไม่ค่ะ พวกเราจะจ่าย”
“เข้าใจแล้วครับ กิลด์การ์ดของพวกคุณกำลังทำอยู่ โปรดรอที่โซฟาทางนั้นนะครับ”
คุณฮาวกิ้นรับเอกสารเดินไปที่ประตูหลังเคาเตอร์ และสักพักก็กลับมาทำงานต้อนรับต่อ
พอโนแวม และผมเดินไปนั่งข้างกันที่โซฟา พวกเราก็ถูกคนรอบๆ เหล่ตามองมา
เสียงชิช๊ะ และสายตาริษยาส่งตรงมาที่ผม แน่นอนว่าเพราะผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ล่ะนะ
“อย่างที่ข้าคิดเลย เขาเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยนจริงๆ ด้วยค่ะ ท่านไรเอล”
“ช-ใช่เลย”
โนแวมดูไม่ใส่ใจ แล้วรุ่นที่หนึ่งที่เงียบมานานก็พูดขึ้น
[เจ้าพวกโง่! อยากมาเหล่มองหนูโนแวมนะโว้ย ไอ้สารเลว! ]
รุ่นที่สองก็เข้ามาแจม
[ถ้าพวกเจ้าทำอะไรกับหนูโนแวม ไรเอลจะเข้าไปฆ่าแกซะ! ]
แล้ว แม้แต่รุ่นที่สี่ก็พูดขึ้นมา
[เอาล่ะ มันก็จริงที่พวกเราจะทำอะไรโดยตรงไม่ได้จากในนี้ แต่…การที่เอาแต่พูดมันน่าสมเพชไม่ใช่เหรอพวกเจ้าน่ะ?
และก็ได้โปรดอย่าพูดเยอะ ไรเอลจะทรุดแล้ว]
ในขณะที่มีออร่าผู้มือปัญญาออกมาจากเสียง รุ่นที่สี่ก็หยุดทั้งสองคน
การที่พวกเขามีอารมณ์ร่วม และทำแบบนี้ส่งผลให้มานาผมลดฮวบๆ
‘นั่งอยู่เฉยๆ ก็เหนื่อยแล้ว…อย่างกับเราเป็นโรคเลย’
ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองพลังเวทน้อยมาก่อน จนได้ฟังจากพวกบรรพบุรุษนี่แหละ ว่าพลังเวทผมค่อนข้างต่ำ
.
.
.
“นี่ครับ กิลด์การ์ดของพวกคุณ เพราะลงทะเบียนแบบปาร์ตี้เลยมีชื่อของอีกคนอยู่บนการ์ดด้วยนะครับ”
การ์ดที่คุณฮาวกิ้นนำมาให้มีชื่อผมสลักตัวใหญ่ไว้ และมีชื่อของโนแวมสลักตัวเล็กๆ อยู่ด้วย
“นี่คือแผ่นพับข้อกำหนด และเงื่อนขของกิลด์ ในวันนี้ทางเราไม่มีการอบรม แต่พรุ่งนี้ตอนเช้าบนห้องประชุมชั้นสาม
มีคอร์ส อบรมระยะสั้นสำหรับนักผจญภัยมือใหม่ หากพวกคุณมีเวลาโปรดแวะมาด้วยนะครับ”
เขาแนะนำคอร์สนี้ให้พวกเรามาก
“ขอบคุณที่อธิบายอย่างละเอียดครับ”
ขณะโนแวมกล่าวขอบคุณ คุณฮาวกิ้นก็มองเหม่อมาที่พวกเรา
“มีอะไรหรือครับ? ”
ผมพยายามถาม แต่เขาก็ยิ้มน้อยๆ กลับมา
“ไม่หรอก แค่หายากที่นักผจญภัยมือใหม่จะไม่กลัวข้าน่ะ
แล้วก็..ข้าไม่ได้บังคับนะ..แค่เสนอ..ถ้าพวกคุณทั้งสองไม่ขาดเงิน สนใจจะจ้างที่ปรึกษามั้ย? ”
“ที่ปรึกษาหรือคะ? ”
พอได้ยินโนแวม คุณฮาวกิ้นก็เริ่มอธิบาย
“ใช่ครับ นักผจญภัยเก่งๆ ที่ได้รับการยอมจากทางกิลด์ ในเวลาไม่กี่เดือน…ปกติแล้วจะสามเดือน
ในเวลานั้นพวกคุณจะจ้างนักผจญภัยที่ปรึกษาในฐานะผ่านคำร้อง โดยมีสัญญาหลายประเภท
แต่พวกคุณจะจ่ายเป็นส่วนหนึ่งของรางวัลภารกิจ หรือจ่ายก่อนล่วงหน้าก็ได้ครับ”
ตามวิธีการจ่าย คุณภาพของนักผจญภัยที่มาเป็นที่ปรึกษาก็จะต่างกัน
หากจ่ายด้วยการตัดเงิน ส่วนใหญ่จะเป็นนักผจญภัยระดับกลางค่อนต่ำที่รับงาน
แต่ถ้าจ่ายล่วงหน้าก็จะได้นนักผจญภัยระดับกลาง…หรือแม้แต่ระดับสูงก็อาจจะรับงานนี้
ซึ่งแลกมากับราคาถึง 10 เหรียญทอง
‘ไม่ล่ะ พวกเราไม่มีตังขนาดนั้น’
พอคิดได้ ผมก็หันไปถามโนแวมว่าจะจ้างที่ปรึกษาแบบตัดเงินรึเปล่า
แต่…
“งั้นพวกเราขอแบบจ่ายล่วงหน้าค่ะ”
“…เอ๋? จ่ายล่วงหน้าเหรอ? ”
โนแวมหยิบเหรียญทอง 10 เหรียญออกมาจากระเป๋าตัง พอคุณฮาวกิ้นรับเงินไปเขาก็ประหม่าเล็กน้อย
ที่พูดอย่างนั้น เขาคงคาดว่าพวกเราจะเลือกจ้างแบบตัดเงิน
“เดี๋ยวสิโนแวม!? ”
เมื่อผมพยายามจะห้าม เธอก็อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านไรเอล พวกเรามีโอกาสที่จะได้รับคำแนะนำจากนักผจญภัยที่ทางกิลรับรองความสามารถนะคะ
ข้าว่าควรให้ความสำคัญกับโอกาสนี้ โดยเฉพาะพวกเราที่แทบไม่รู้ว่านักผจญภัยคืออะไรด้วยยิ่งแล้วค่ะ”
ผมคิดว่าโนแวมถูกแล้ว แต่ผมตกใจที่เธอยอมจ่ายเหรียญทองสิบเหรียญต่างหาก
เธอต่างกับผมที่สิ้นเนื้อประดาตัว และมีแค่เงินที่ยืมมาจากคนใช้ มากเกินไปแล้ว
คุณฮาวกิ้นถามยืนยันอีกครั้ง
“งั้นคุณจะจ่ายทีเดียวสิบเหรียญทอง ถูกต้องไหมครับ? ”
“ค่ะ ฝากคุณด้วย ได้โปรดขอที่ปรึกษาดีๆ นะคะ”
“แน่นอน ถ้าคุณไม่ชอบพวกเขา ทางเราจะคืนเงินให้ครับ”
เขาดูมั่นใจไม่น้อย แต่บทสนทนามันดำเนินไปได้โดยไม่มีผมมาสักพักแล้วล่ะ
และ
[เฮ้ พวก…พอมองจากมุมคนนอกแล้ว ตอนนี้เจ้าดูไร้ประโยชน์ไปเลยนะ ไรเอล]
คำพูดของรุ่นที่สองค่อนข้างแทงใจดำผมเต็มๆ
—
เรื่องนี้อธิบายเยอะจัง ขี้เกียจ…
อ่าห์ ตัวเอกยังคงยูสเลสเช่นเคย