ชีวิตคือปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
นักวิทยาศาสตร์หลายคนตั้งสมมติฐานว่าโลกเป็นแหล่งสิ่งมีชีวิตเพียงแห่งเดียวในห้วงจักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายสุดคณานับ
แม้ว่าบนท้องฟ้าจะมีดวงดาวนับล้านดวง แต่ก็ไม่มีใครสามารถหาแหล่งแห่งชีวิตที่สองได้
แต่มนุษย์ไม่เคยยอมแพ้ ในศตวรรษที่ผ่านมายานสำรวจจำนวนมากถูกปล่อยสู่อวกาศ
ยานวอยเอจเจอร์ 2 เป็นยานสำรวจอวกาศไร้คนขับซึ่งถูกปล่อยสู่อวกาศในปี 1980 จากศูนย์อวกาศเคนเนดีของสหรัฐอเมริกา
ภายในยานสำรวจมีดนตรีและคำทักทายห้าสิบห้าภาษาที่ตั้งใจจะใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารกับอารยธรรมต่างดาวที่อาจพบมันในวันหนึ่ง
ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 จนถึงปัจจุบันยานวอยเอจเจอร์ 2 ได้เดินทางเพียงลำพังผ่านจักรวาลอันกว้างใหญ่ราวกับฝุ่นผงเล็กๆที่ไม่มีนัยสำคัญ
ยานสำรวจอวกาศร่วมสมัยจำนวนมากได้พังทลายลงแล้วหรือไม่ก็จางหายไปตลอดกาลในจักรวาลอันโดดเดี่ยว
สามสิบปีผ่านไป วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษยชาติเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ยานสำรวจอวกาศที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้นได้รับการพัฒนาและอีกไม่นานคงถึงเวลาที่พวกเขาจะก้าวต่อไปในการสำรวจอวกาศ
แม้ว่าจะเป็นกรณีนี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ยานสำรวจอวกาศใหม่จะเดินทางได้ไกลกว่ายานวอยเอจเจอร์ 2
สามสิบสามปีผ่านไป มันออกเดินทางจากโลกไปแล้ว 140000000000 กิโลเมตร
หลังจากการเดินทางไม่หยุดยั้งในที่สุดมันก็ออกจากระบบสุริยะกลายเป็นยานอวกาศที่เดินทางข้ามจักรวาลได้สำเร็จเป็นลำแรกของโลก
ในจักรวาลที่มืดมิดและเย็นยะเยือก ดวงดาวต่างๆดูเหมือนเพชรระยิบระยับที่ฝังอยู่ในพื้นหลังสีดำมืด
แม้ว่ายานวอยเอจเจอร์ 2 จะเดินทางเร็วมาก แต่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่และเย็นยะเยือก ดูเหมือนไม่มีอะไรมากไปกว่ามดตัวเล็กๆที่คลานไปตามพื้นดิน
ปัจจุบัน กว่า 30 ปีผ่านไป ยานโวเอเจอร์ 2 ได้ค้นพบสิ่งที่น่าตกใจ!
ภายในจักรวาลที่มืดมิดและอ้างว้างมันค้นพบซากศพขนาดใหญ่เก้าศพนอนนิ่งอยู่ที่แห่งหนึ่ง
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2010 NASA ได้รับสัญญาณดิจิทัลลึกลับจากวอยเอจเจอร์ 2 หลังจากการถอดรหัสที่ยากลำบากภาพที่คิดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น
ผู้คนที่ทำงานในห้องตรวจสอบหน่วยงานอวกาศต่างตกตะลึงอย่างมาก สีหน้าของพวกเขาแข็งค้างกลายเป็นเหมือนรูปปั้นที่ไม่สามารถขยับได้
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ฟื้นคืนสติ ทั่วทั้งห้องเกิดความวุ่นวาย พระเจ้านี่มันอะไรกันแน่?
มันเป็นตัวอะไร จะมีสิ่งมีชีวิตแบบนี้ในจักรวาลได้อย่างไร!
ยานวอยเอจเจอร์ 2 ได้ผ่านระยะที่สามารถควบคุมได้แล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือเดินหน้าต่อไป หลังจากส่งข้อความลึกลับนี้กลับมา มันก็ดำเนินทางต่อไปในความมืดของจักรวาลไปยังทุ่งดวงดาวที่ห่างไกลและสิ้นหวัง
แม้แต่ตอนนี้ที่มันได้ส่งภาพขนาดมหึมาที่น่าตกใจกลับคืนมา ระยะทางของมันก็ห่างจากโลกไกลแสนไกลจนไม่อาจจินตนาการถึง
ข้อความลึกลับนี้ไม่เคยประกาศต่อสาธารณะ ไม่นานหลังจากนั้น ยานวอยเอจเจอร์ 2 ก็ทำงานผิดพลาดและไม่สามารถส่งข้อความใดๆกลับมายังโลกได้อีก
สำหรับภาพนี้ ทำให้เกิดความโกลาหลเป็นอย่างมาก มันเกินกว่าความเข้าใจของมนุษยชาติไปแล้ว
ปี 1971 สหภาพโซเวียตเป็นชาติแรกที่ประสบความสำเร็จในการสำรวจอวกาศ ตั้งแต่นั้นมามนุษยชาติได้จัดตั้งสถานีอวกาศที่มีมนุษย์อาศัยอยู่เก้าแห่ง
เวันที่ 11 มิถุนายน 2010 ในปัจจุบันนี้ การแสดงออกของนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงดวงตาของพวกเขาหดตัวลง
นับตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษที่ 20 ซึ่งวิทยาศาสตร์ได้เฟื่องฟูอย่างถึงที่สุดเรื่องราวของทวยเทพก็ถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าจะมีประเทศที่ด้อยพัฒนายังเชื่อเรื่องนี้ แต่ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะโน้มน้าวให้คนจำนวนมากรู้สึกเชื่อไปกับสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้
แต่ในขณะนี้ นักบินอวกาศชั้นยอดหลายคนในสถานีอวกาศต่างตกตะลึงกับความคิดในสมองของพวกเขา เบื้องหน้าพวกเขาคือฉากที่ไม่อาจจินตนาการได้
นอกสถานีอวกาศนานาชาติ ภายในความมืดอันเยือกเย็นของจักรวาล ซากมังกรยักษ์เก้าตัวนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น พวกมันดูราวกับว่ามาจากสมัยโบราณ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเก่าแก่ไม่รู้จบของมัน
รูปลักษณ์ของพวกมันคล้ายกับมังกรในตำนานของประเทศจีนเป็นอย่างมาก
ศพของมังกรแต่ละตัวมีความยาวหลายร้อยเมตรและดูเหมือนถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากโลหะซึ่งทำให้ทุกคนสามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่ไม่สิ้นสุดของมัน
แต่ละศพเป็นมังกรดำห้ากรงเล็บ เขาอเมทิสต์กะพริบด้วยแสงสีม่วงที่เป็นประกาย เกล็ดของมันดูเหมือนจะสั่นไหวในความมืด
การดำรงอยู่ของตำนานดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับเทพเจ้าโดยที่พวกเขาอยู่เหนือกฎและกฎแห่งธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากในเวลานี้ และไม่มีใครเชื่อในการมีอยู่ของมังกรในตำนานเหล่านั้น
ในสถานีอวกาศนานาชาติ นักบินอวกาศทั้งหมดต่างจ้องมองไปยังฉากที่คาดไม่ถึงตรงหน้าพวกเขา ฉากนั้นอยู่เหนือความเข้าใจของพวกเขาอย่างสมบูรณ์!
ภายในจักรวาลอันมืดมิด ศพของมังกรเหล่านี้ดูเหมือนจะทำจากเหล็กที่ทำลายไม่ได้ จนถึงจุดที่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวภายในซากศพ
น่าเสียดายที่พวกมันทั้งหมดเสียชีวิตไปแล้ว พวกมันจะนอนนิ่งอยู่ในความหนาวเย็นอันเงียบสงบของจักรวาลตลอดไป
หลังจากความตกใจอย่างถึงที่สุดกับซากศพของมังกร ดวงตาของนักบินอวกาศชั้นยอดก็หดตัวอีกครั้งเมื่อเห็นฉากที่น่าตกใจยิ่งขึ้นไปอีก
ศพมังกรทั้งเก้าล้วนมีความยาวหลายร้อยเมตรและในตอนท้ายของมังกรเป็นห่วงโซ่เหล็กสีดำที่เชื่อมต่อมังกรแต่ละตัวกับบางสิ่งบางอย่าง
โลงศพทองแดงยาวยี่สิบเมตรปรากฏขึ้นอย่างสงบภายในความมืด
โซ่นั้นดูเหมือนถูกหลอมเป็นพันครั้ง มันทั้งหนาและแข็งแรงเพียงใช้สายตามองไปยังโลงศพนั้นก็ทำให้นักบินอวกาศทุกคนหนาวจับใจ
โลงศพทองแดงขนาดใหญ่มีการออกแบบที่เรียบง่าย บนฝาโลงศพมีลวดลายโบราณที่คลุมเครือซึ่งดูเหมือนจะผ่านกาลเวลาอันยาวนานนับไม่ถ้วน
ใครจะรู้ว่าโลงศพนี้ล่องลอยไปในจักรวาลมากี่ปีแล้ว?
มังกรเก้าตัวลากโลงศพ!
ในจักรวาลอันมืดมิดและเย็นยะเยือกนี้ซากมังกรเก้าตัวถูกผูกติดอยู่กับโลงศพทองแดงขนาดใหญ่ด้วยโซ่เหล็ก มันเป็นภาพที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
*เกี่ยวกับยานวอยเอจเจอร์ 2 ในปี 1970 มันถูกปล่อยขึ้นฟ้าโดยสถานีอวกาศ NASA และประมาณเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม 2010 การเชื่อมต่อกับโลกก็ขาดหายไป