เย่ฟ่านถือตะเกียงทองแดงไว้ในมือซ้ายแล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าว มือขวาของเขากระแทกคอเพื่อนนักเรียนชายคนนั้นและยกขึ้นจากพื้นโดยตรง
ผังป๋อก็มีปฏิกิริยาที่รวดเร็วเช่นกัน เขาวิ่งเข้ามาแล้วตะโกนด้วยความโกรธว่า
“ไอ้ตาขาว! แกลืมไปแล้วหรือว่าใครเป็นคนแบ่งปันโอกาสให้แกสามารถมาที่นี่ได้ ตอนนี้แกปลอดภัยแล้วแต่แกกลับคิดจะทรยศพวกเรา?”
ผังป๋อยื่นมือใหญ่ออกมาคว้าคอของเพื่อนนักเรียนชายคนนี้ และต้องการจะโยนเขาออกจากแท่นบูชาห้าสีโดยตรง ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างก็ตกใจ
“ได้โปรด … “
นักเรียนชายคนนี้หน้าซีด ในตอนแรกเขาถูกจับที่ลำคอโดยเย่ฟ่านเขาก็ได้รับความลำบากมากพออยู่แล้ว ในเวลานี้เย่ฟ่านส่งต่อเขาให้กับผังป่อยิ่งเป็นเรื่องยากที่เขาจะเอาตัวรอดได้
การแสดงออกของคนอื่นก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง บางคนกระสับกระส่ายแล้ว บางคนก็โกรธแค้น พวกเขาไม่คิดว่าเพื่อนนักเรียนชายคนนั้นจะกล้าทำกับเย่ฟ่าน
“ไอ้ตาขาวแกยังมีมโนธรรมอยู่ไหม ถ้าเย่ฟ่านไม่ช่วยแกป่านนี้แกก็ตายอยู่ข้างนอกแล้ว!”
ผังป๋อโกรธมากขึ้นเรื่อยๆเขาเป็นคนเจ้าอารมณ์และพร้อมที่จะโยนเพื่อนนักเรียนคนนั้นออกไปได้ทุกเมื่อ
“ปั๊ก ปํ๊ก”
เสียงตบดังต่อเนื่องสี่ห้าครั้ง
นักเรียนชายที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวออกมาข้างหน้าพยายามห้ามปรามเขา
“ทุกคนอยู่ในชั้นเรียนเดียวกันมาเป็นเวลาสี่ปีแล้ว อย่าทำอย่างนี้เลย ผังป๋อปล่อยเขาไปเถอะ!”
ผังป๋อเหล่มองเขาแล้วพูดว่า
“แกบอกให้ฉันปล่อยฉันก็ต้องปล่อยหรือไง แกไม่เห็นหรอว่าเขาพยายามจะฆ่าเย่ฟ่าน ถ้าไม่ใช่การตอบสนองอย่างรวดเร็วของเย่ฟ่าน เขาคงตายตามห้าคนนั้นไปแล้ว”
“ผังป๋อ ปล่อยเขาไปได้ไหม “
“พวกเรามาจากที่เดียวกัน และตอนนี้เราทุกคนควรพบเจอกับอันตรายเหมือนกัน ดังนั้นเราควรจะสามัคคีกันไว้” นักเรียนชายอีกคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมผังป๋อ
ผังป๋อเห็นชัดเจนว่าคนคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่ยืนอยู่กับหลิวหยุนจื่อ แม้ว่าพวกเขาจะเดินแยกออกจากกันแล้วในตอนนี้แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนพวกนี้ก็คือลูกน้องของหลิวหยุนจื่อ
ยิ่งกว่านั้น นักเรียนชายที่ถูกจับได้ก็เป็นพวกเดียวกันกับเขา แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าพวกเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน แต่ผังป๋อก็ไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานใดๆ
“บอกฉันสิว่าถ้ามีใครอยากจะฆ่าแกแกยังจะใจเย็นอยู่ หรือจะให้ฉันโยนแกออกจากแท่นบูชาห้าสี!” ผังป๋อพูดด้วยความโกรธมากขึ้นแล้วตบหน้าของคนที่ถูกจับไว้อีกสองสามที
“มีอะไรก็ค่อยๆพูดกัน ปล่อยเขาลงก่อน มาคุยกันว่าจะเอายังไงกับเขาดีกว่า” นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็หันไปมองหลิวหยุนจื่อในตอนท้าย
ในกระบวนการนี้หลิวหยุนจื่อสงบมาก เขาไม่ได้ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อปกป้องเพื่อนของเขา ราวกับว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เย่ฟ่านมองดูสีหน้าของทุกคนและเห็นว่าเขาไม่สามารถลากหลิวหยุนจื่อออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงหยุดผังป๋อและพูดว่า
“ปล่อยเขาลงมา”
“ใช่ ปล่อยเขาลงมาก่อนเถอะ ”
“ไม่มีอะไรที่แก้ไม่ได้ ยังไงพวกเราทุกคนก็เป็นเพื่อนกัน”
มีเพียงนักเรียนชายสองคนและนักเรียนหญิงเท่านั้นที่พยายามพูดให้เรื่องผ่อนคลายลง
ในเวลาเดียวกันคนอื่นๆต่างก็รอการตัดสินใจของเย่ฟ่านเพราะเรื่องนี้เขาคือคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
“ฉันว่าไม่ควรปล่อยมันไปนะ”
ผังป๋อจ้องไปที่นักเรียนชายที่ถอยและถอยกลับพร้อมกับมองหลิวหยุนจื่อก่อนจะตะโกนออกมา
“เพื่อนของนายเกือบจะฆ่าเย่ฟ่าน ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ”
อย่างไรก็ตามผังป๋อไม่ได้สร้างปัญหาต่อไป และหลังจากเห็นท่าทางของผังป๋อเขาก็ปล่อยมือในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคิดว่าทันทีที่ผังป๋อปล่อยมือแต่เย่ฟ่านกลับบีบคอเพื่อนนักเรียนคนนั้นต่อพร้อมกับผลักร่างกายของเขาไปที่ขอบแท่นบูชาห้าสี
ดูเหมือนเย่ฟ่านอยากจะโยนเพื่อนนักเรียนชายคนนี้ออกไป
ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และไม่มีใครคิดว่าเย่ฟ่านจะทำเช่นนั้น ในเวลาเดียวกัน พวกเขาประหลาดใจมากกับความแข็งแกร่งของมือเย่ฟ่าน
ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชื่อเล่นที่เขาถูกเรียกว่าคนเถื่อนในทุ่งสีเขียวเมื่อเขาอยู่ที่วิทยาลัย
เย่ฟานดูเงียบๆแต่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก ในเวลานี้เขายกเพื่อนนักเรียนชายคนนั้นออกไปจากขอบของแท่นบูชาห้าสีด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ก่อนหน้านี้ฉันช่วยชีวิตนาย แล้วทำไมนายถึงคิดจะฆ่าฉัน” เย่ฟ่านกดเขาที่ขอบแท่นบูชาด้วยมือข้างเดียว และสามารถผลักเขาลงไปเมื่อใดก็ได้
เพื่อนนักเรียนชายคนนั้นหวาดกลัวมากเขารีบละล่ำละลักตะโกนออกมา
“อย่าผลักฉันออกไป ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม มันเหมือนมีปีศาจครอบงำจิตใจฉัน”
เย่ฟานยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวของเขาและพูดว่า
“ดูเหมือนว่านายอยากจะบินขึ้นไปเล่นบนพายุ … ” พูดจบเขาก็ผลักเพื่อนนักเรียนคนนั้นออกแท่นบูชาห้าสี
“ช่วยด้วย!” เพื่อนนักเรียนชายตกใจมากและกรีดร้องเสียงดังว่า
“ปล่อยฉัน ฉันบอกแล้ว ฉันพูดทุกอย่างแล้ว … “
ในฐานะที่เป็นคนเมืองสมัยใหม่เขาย่อมไม่เคยพบกับคนที่ป่าเถื่อนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
เพื่อนนักเรียนชายคนนี้ทรุดตัวลงทันที เมื่อเผชิญหน้ากับพายุแห่งความตายเขาก็หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“ เย่ฟ่านปล่อยเขาไปเถอะ มันอันตรายเกินไปที่จะทำแบบนั้น”
“ใช่ ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนกันไม่น่าจะทำแบบนี้”
“หุบปาก ใครกล้าขอความเมตตาให้มันจะถือว่าเป็นศัตรูกับฉัน”
ผังป๋อยกแผ่นทองแดงของวันต้าเล่ยหยินขนาดใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับจ้องมองทุกคนอย่างเอาเป็นเอาตาย
เย่ฟ่านหันกลับมาและยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดว่า
“ไม่เป็นไร ถ้าเหตุผลของเขาพอฟังขึ้นฉันก็จะปล่อยไปเอง แต่ถ้าไม่ เฮ่อๆ”
ในเวลานี้สายตาของเขาจับจ้องไปยังเพื่อนนักเรียนชายที่นั่งอยู่บนพื้น ดวงตาของเขาคมชัดขึ้นและแสดงออกอย่างจริงจังว่าถ้าเพื่อนนักเรียนคนนั้นไม่ยอมพูดเขาจะตายอย่างแน่นอน