Shrouding the Heavens อำพรางสวรรค์ – ตอนที่ 20 – อสูรโบราณ

“ผังป๋อเราไปด้วยกัน” เย่ฟ่านตะโกนบอกผังป๋อ

ขณะนี้มีสัตว์ร้ายมากมายปรากฏขึ้นแล้วจะเกิดการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ พวกเขาต้องทุ่มเทให้กับการปกป้องตัวเองเพื่อให้แท่นบูชาส่งพวกเขาออกจากที่นี่

“โฮกกกกก…”

ทันใดนั้น เสียงคำรามที่เขย่าทั้งสวรรค์และปฐพีก็ดังมาจากข้างนอกอีกครั้ง!

ด้วยเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวนี้ พายุทรายด้านนอกดูเหมือนจะหยุดนิ่งทันที เพราะไม่มีเสียงอื่นใดในโลกนี้ มีเพียงเสียงคำรามของสัตว์ตัวนี้เท่านั้น

แผ่นดินยังคงสั่นสะเทือน แท่นบูชาห้าสีกำลังสั่นไหว และพายุภายนอกก็ถูกปกคลุมอย่างสมบูรณ์

“หรือว่าวัดต้าเล่ยหยิน …ตั้งอยู่บนรังของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้!” มีคนพูดด้วยอาการสั่นสะท้าน

ทุกคนมองออกไปด้านนอก สิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับจระเข้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานี้พวกมันปรากฏตัวออกมานับพันแล้ว

“บูม”

ทันใดนั้น ทุกคนก็รู้สึกถึงการสั่นไหวอย่างรุนแรงของแผ่นดิน จากนั้นลมหายใจที่น่สยดสยองก็ดังขึ้นทำให้พวกเขาหวาดกลัวแทบสิ้นสติ!

แม้ว่าจะมีพายุทรายอยู่ข้างนอก แต่ทุกคนก็ยังเห็นดวงตาที่น่ากลัวสองดวงเหมือนโคมไฟขนาดใหญ่ที่อยู่บนท้องฟ้า มันปรากฏขึ้นในความมืดมิดทำให้พวกเขาหวาดกลัวถึงขีดสุด

“ใช่จริงๆด้วย อสูรตัวนี้นอนอยู่ใต้วัดต้าเล่ยหยิน … ตอนนี้วัดหายไปแล้วสิ่งที่ปราบปรามมันอยู่ก็หายไปด้วย!”

ด้วยขนาดตัวที่ยิ่งใหญ่ของมัน ทุกคนรู้สึกว่าของวิเศษที่พวกเขาถืออยู่ในมือนั้นไม่มีอะไรเลย

“ฉันรู้แล้วว่าจระเข้ตัวนี้คืออะไร…” เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ภูมิภาคทิเบตคือดินแดนที่มีคนนับถือศาสนาพุทธมากที่สุดในประเทศจีน เพื่อนนักเรียนหญิงคนนี้ได้ไปเยือนทิเบตมาหลายครั้งทำให้เธอเคยได้ยินตำนานเรื่องเล่าของคนที่นั่นมาด้วย

ว่ากันว่าภายใต้วัดต้าเล่นหยินของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ดินแดนที่บริสุทธิ์เหมือนที่ทุกคนคิด แต่มันเป็นที่กักขังปีศาจไว้มากมาย โดยเฉพาะจระเข้โบราณขนาดใหญ่ซึ่งถูกปิดผนึกไว้ชั้นแรก

“เธอหมายความว่ายังมีปีศาจที่น่ากลัวกว่านี้อยู่ในระดับที่ลึกลงไป?”

“ชาวทิเบตเชื่อเช่นนั้น”

หลังจากได้ยินทั้งหมดนี้ ทุกคนก็รู้สึกหนาวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง หากปีศาจพวกนั้นปรากฏขึ้นมาทั้งหมดมันจะน่ากลัวมากแค่ไหน

เย่ฟ่านขมวดคิ้วและพูดว่า

“ฉันเคยเห็นบันทึกบางอย่างในตำราโบราณ … “

ในบันทึกเบ็ดเตล็ดนั้นมีการเล่าถึงสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับ “จระเข้” ซึ่งมันไม่มีขาแต่อาศัยการเคลื่อนไหวบนท้องฟ้า มันถูกเรียกว่าบรรพบุรุษจระเข้

โจวยี่พยักหน้าและพูดว่า

“ฉันก็เคยเห็นหนังสือโบราณที่คล้ายกัน … “

ตามตำนานเล่าว่า จระเข้ตัวนี้ถูกพุทธองค์จัดการทำให้มันและลูกหลานของมันไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาในโลกอีกเลย

“แล้วชาวธิเบตได้เล่าหรือเปล่าว่าที่ชั้นล่างลงไปมีตัวอะไรถูกฝังไว้…” เพื่อนนักเรียนหญิงอีกคนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

แต่ไม่มีคำตอบ ในเวลานี้เพียงแค่บรรพบุรุษจระเข้พวกเขาก็ไม่มีปัญญารอดชีวิตแล้ว

เสียงกรอบแกรบดังขึ้น และจระเข้ตัวเล็กหลายหมื่นตัวก็ปรากฏตัวขึ้นนอกแท่นบูชาห้าสีและกำลังเฝ้าพวกเขาไม่ให้หนีจากที่นี่ พวกมันไม่ได้เคลื่อนไหวคล้ายกับกำลังรอบรรพบุรุษของพวกมัน

“บูม”

ทันใดนั้น แท่นบูชาห้าสีก็สั่นสะเทือนและอักษรโบราณห้าสีก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ราวกับดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับก่อนจะปรากฏภาพสัญลักษณ์ไท่จี๋ขึ้นบนท้องฟ้า

จากนั้นถนนขนาดใหญ่ก็ยื่นลงมาที่แท่นบูชาดูเหมือนมันพร้อมจะเคลื่อนย้ายทุกคนออกจากที่นี่

อย่างไรก็ตามในบริเวณของวัดต้าเล่ยหยินก็เกิดเสียงดังอย่างบ้าคลั่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าบรรพบุรุษจระเข้ตัวนั้นรู้ว่าพวกเขากำลังจะหนีไปดังนั้นมันจึงพยายามมาที่นี่ให้เร็วที่สุด

พวกเราต้องหนีออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้! นี่คือความคิดของทุกคน และหลายคนกำลังอธิษฐานหวังว่าเส้นทางโบราณจะนำพวกเขาออกไปจากที่นี่ทันที

ขณะนี้เย่ฟ่านและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นกระบวนการสร้างแผนภาพไท่จี๋อีกครั้ง พวกเขากำลังเป็นพยานอันยิ่งใหญ่ของการเคลื่อนย้ายข้ามจักรวาลครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

น่าเสียดายที่เย่ฟ่านและคนอื่นๆตื่นเต้นได้ไม่นาน พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะหนีออกจากที่นี่ได้ตอนไหน และอันตรายยังคงบีบคั้นเข้าหาพวกเขาอย่างไม่สิ้นสุด

ซากปรักหักพังของวัดต้าเล่ยหยินอยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร แม้ว่าเสียงจากที่นั่นจะเงียบหายไปแล้ว แต่ดวงตาสีแดงขนาดใหญ่คู่นั้นยังคงเคลื่อนที่เข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

แผนภาพไท่จี๋บนท้องฟ้าได้ก่อตัวขึ้นแล้ว โดยพวกมันถูกรวมกันเข้าด้วยเศษเสี้ยวของโลหะที่กระจัดกระจายไปทั่วดาวอังคาร

รูปหกเหลี่ยมแปดแฉกกะพริบเป็นร้อยๆครั้งและจัดเรียงเข้าด้วยกันอย่างซับซ้อน แต่ถึงมันจะดูเหมือนว่าเสร็จสมบูรณ์แล้วแต่พวกเขายังคงอยู่ที่นี่ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน

“ทำไมมันไม่ส่งเราไปสักที…”

หลายคนหวาดกลัว หากพวกเขาไม่สามารถเปิดเส้นทางโบราณได้ นั่นหมายถึงความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงสำหรับพวกเขา

ม่านแสงที่ปกคลุมอยู่บนแท่นบูชาห้าสีนั้นมืดสลัวลงเรื่อยๆ และมีเพียงลำแสงจางๆเท่านั้นที่ยื่นไปหาแผนผังไท่จี๋บนท้องฟ้า ในทันใดนั้นทุกคนก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ดูเหมือนพลังงานจะไม่เพียงพอ!”

“เราควรทำอย่างไร เราจะตายที่นี่หรือเปล่า…”

มีบรรพบุรุษจระเข้กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันเป็นเหมือนตาข่ายมรณะที่กำลังดักจับพวกเขา

“บูม”

จระเข้หลายสิบตัวที่อยู่รอบๆบริเวณแท่นบูชาเริ่มทนไม่ไหว พวกมันกลัวว่าพวกเขาจะหนีออกจากที่นี่ก่อนดังนั้นพวกมันจึงคิดจะจู่โจมพวกเขาเพื่อถ่วงเวลาให้กับบรรพบุรุษของพวกมัน

“คลิก คลิก”

ด้านนอกแท่นบูชาห้าสี มีจระเข้หลายหมื่นตัวพุ่งชนม่านแสงที่เกิดขึ้นจากของวิเศษที่พวกเขาถืออยู่อย่างรุนแรง

แม้ว่าพวกมันจะตัวเล็กแต่พวกมันก็ไม่มีความแตกต่างจากกระสุนปืนกลเลย

“พวกเราต้องยืนชิดกันแล้วทำเป็นโล่ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายกันทั้งหมด” ผังป๋อตะโกน

จากนั้นเขาก็แกว่งแผ่นป้ายทองแดงกระแทกลงพื้นทำให้มันสร้างม่านแสงขนาดใหญ่สามารถปกป้องงคนได้ประมาณ 3-4 คน

“นายทำหน้าที่ปกป้องคนอื่นๆ เดี๋ยวฉันจะลองฆ่ามัน” เย่ฟ่านเร่งเร้าผังป๋อ จากนั้นเขาก็ถือตะเกียงโบราณและเดินไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ

ทันใดนั้น จระเข้หลายสิบตัวก็พุ่งเข้ามาจู่โจมเขา แสงมืดนับสิบดวงเป็นเหมือนสายฟ้าสีดำ

พวกมันรวดเร็วและโหดเหี้ยมเหมือนกระสุนปืนกลและพยายามโจมตีม่านแสงที่เกิดจากตะเกียงอย่างบ้าคลั่ง

“เข้ามาสิวะ”

เย่ฟ่านรอจระเข้หลายสิบตัวเข้ามาใกล้ จากนั้นจึงปลดปล่อยไฟที่อยู่ในตะเกียงออกไปทำให้มันเผาผลาญจระเข้ที่เพิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งทั่วบริเวณ และเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นไม่หยุด เมื่อเปลวเพลิงค่อยๆลดลง เย่ฟ่านก็ไร้ซึ่งมลทินและล้อมรอบด้วยรัศมีอันเจิดจ้าราวกับเซียนอมตะที่ลงมาจากท้องฟ้า

สิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายสองสามตัวที่รอดจากภัยพิบัตินั้นยังคงมีเปลวไฟเผาไหม้ร่างกายไม่หยุดก่อนที่พวกมันจะส่งเสียงร้องคร่ำครวญเรียกหาบรรพบุรุษให้รีบมาที่นี่

“ฉันเอาด้วยดีกว่า!”

ผังป๋อตะโกนไล่หลังจะรีบเข้าไปโจมตี แต่เพื่อนๆอีกสามคนรีบกอดเอวเขาไว้ไม่ให้เขาเคลื่อนไหว หากไร้ซึ่งการปกป้องจากแผ่นป้ายทองแดงนี้พวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน

“คลิก คลิก”

เสียงแตกร้าวดังขึ้นเรื่อยๆจากจระเข้หลายพันตัวที่โจมตีม่านแสงไม่หยุดไม่หย่อน

“ ไม่ได้การแล้วฉันต้องช่วยเย่ฟ่าน” ผังป๋อสลัดเพื่อนคนอื่นออกไป

“แต่ … เราจะทำอย่างไร” เพื่อนทั้งสามคนมีสีหน้าอ้อนวอน

“รับรองได้ว่าฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนายตาย”

ผังป๋อหันกลับหลังแล้วตะโกนเรียกหวังจื่อเหวินรวมไปถึงโจวยี่ให้เข้ามาช่วยเหลือ

“พวกนายปกป้องพวกเขาไว้เดี๋ยวฉันจะไปช่วยเย่ฟ่าน “

“โอเค ให้เป็นหน้าที่ของหวังจื่อเหวิน ฉันจะไปกับนาย” โจวยี่ยืนขึ้น

ผังป่อไม่ค่อยสนิทกับโจวยี่เพราะคิดว่าเพื่อนคนนี้มีความคิดลึกซึ้งมากเกินไป แต่เขาก็ยอมรับว่าโจวยี่เป็นหนึ่งในคนที่กล้าหาญมากเช่นกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset