26 – เสียงเหมือนระฆัง
“อะไร?!”
ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาเชื่อว่าเย่ฟ่านไม่ได้พูดไร้จุดหมายและต้องค้นพบอะไรบางอย่างแน่นอน แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นหญิงของหลิวหยุนจื่อที่มุ่งเป้าไปที่เย่ฟ่านก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เย่ฟ่านมองสีหน้าทุกคนอย่างนิ่งเฉย ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด เขาทำตัวเหมือนน้ำนิ่งของทะเลสาบผิงหู
ในตอนนี้เขาได้เรียนรู้แล้วว่าใครจริงใจและเสแสร้ง ตอนนั้นเองที่เขาเริ่มพิสูจน์ความบริสุทธิ์สำหรับตัวเองและกล่าวข้อสงสัยที่สำคัญโดยตรง
“จับดูที่คอของเขาดู ต่อให้คนที่แข็งแรงที่สุดในโลกก็ไม่สามารถบีบกระดูกคอของมนุษย์ให้แหลกละเอียด”
เมื่อใครบางคนได้ยินเช่นนี้ก็รีบวิ่งเข้ามาสัมผัสกับคอเพื่อนร่วมชั้นที่ตายคนนั้น ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากถอยหลังกลับด้วยความหวาดกลัว
“เย่ฟ่าน นายคิดว่าไอ้ตัวนั้นมันยังอยู่ในนี้หรือเปล่า” มีคนถามเสียงสั่น
รอยแผลเป็นสีม่วงที่คอของร่างกายคล้ายกับรอยนิ้วมือที่ผีทิ้งไว้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของใครหลายคนอดไม่ได้ที่จะมองโลงศพทองแดงเล็กๆที่อยู่ภายในโลงศพทองแดงขนาดใหญ่
“หรือว่ามีจระเข้บางตัวติดมากับพวกเราด้วย … “
ผังป๋อเสนอความคิดที่ทำให้ทุกคนหนาวสั่น
นักเรียนหญิงคนหนึ่งได้ยินเช่นนั้นก็ร้องไห้ออกมา
“หรือว่ามันจะเป็นวิญญาณของบรรพบุรุษจระเข้ตัวนั้น”
มันเป็นปีศาจที่ยิ่งใหญ่มีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่สามารถจัดการมันได้ แม้ว่าทุกคนจะได้เห็นมันเพียงชั่วครู่ แต่ก็เพียงพอแล้วที่พวกเขาจะจดจำภาพสยองขวัญเหล่านั้นไปตลอดชีวิต
“เป็นไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ตามเรามา!”
ใบหน้าของหลี่ฉางชิงซีดขาว และพยายามเดินเข้าใกล้ไม้เท้าวัชระของหลิวหยุนจื่อ
“ฉันไม่ได้บอกว่าบรรพบุรุษของจระเข้ตามมา ฉันหมายถึงจระเข้ตัวเล็กอาจจะแอบเข้ามาในโลงศพทองแดงก็ได้” เย่ฟ่านพูดจบก็ส่องไฟฉายจากโทรศัพท์ไปที่ซากศพของเพื่อนคนนั้น
“สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ดวงตาของเขาเบิกกว้าง สีหน้าของเขาเหมือนกับสีหน้าของเพื่อนร่วมชั้นอีก 13 คนที่จากเราไป”
“นอกจากคำอธิบายรูปร่างของมันแล้ว บันทึกเกี่ยวกับจระเข้ที่ฉันเห็นในบทความเบ็ดเตล็ดของหนังสือโบราณเล่มนั้นยังบันทึกว่า ‘จระเข้กินคนและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่แหลกสลาย’”
แม้ว่าตะเกียงทองแดงที่อยู่ในมือของเย่ฟ่านจะหม่นหมองไปแล้วแต่เขาก็ยังถือมันไว้แน่น ในตอนนี้เขากล่าวออกมาเบาๆว่า
“นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การตายแบบนี้เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นสิบสามคนของพวกเรา ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือโบราณวิญญาณที่กระจัดกระจายออกจากร่างจะเต็มไปด้วยความกลัว”
เย่ฟ่านใช้ตะเกียงของเขาเขี่ยเปิดริมฝีปากของเพื่อนคนนั้น ในเวลานี้มีรูเลือดขนาดใหญ่เจาะเข้าไปในกะโหลกศีรษะของเขาโดยตรง
มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างจระเข้เท่านั้นที่สามารถเจาะเข้าไปในร่างกายมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย และโดยธรรมชาติแล้วการจะบดขยี้คอของมนุษย์ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
โลงศพยักษ์ทองแดงมีจระเข้เข้ามามีกี่ตัว? ในตอนนี้อาวุธวิเศษของทุกคนหม่นหมองไปแล้วไม่รู้ว่าจะปกป้องพวกเขาได้อีกหรือไม่
“แล้วจระเข้ยังอยู่ในร่างเขาเหรอ?”
“มันยากที่จะพูด” เย่ฟ่านส่ายหัว
“ยังอยู่ในตัวเขา มีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในหน้าอกของเขา!” จางจื่อหลิงร้องออกมาแล้วชี้ไปที่ศพ
“ผลั่ก!”
ดอกไม้โลหิตปรากฏขึ้น และสิ่งมีชีวิตที่มันเยิ้มมีลักษณะที่คุ้นเคยก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของศพมุ่งเข้าหาหน้าผากของเย่ฟ่าน
“บูม”
เย่ฟ่านมีการตอบสนองที่รวดเร็วตะเกียงของเขาถูกทุบออกไปข้างหน้าและจระเข้ตัวนั้นก็บินไปกระแทกเข้ากับผนังของโลงศพทองแดงอย่างรุนแรง
“ไม่เป็นไรนะ?”
ผังป๋อถือแผ่นป้ายทองแดงของวัดต้าเล่ยหยินออกมาเพื่อนดูว่าเย่ฟ่าได้รับอันตรายหรือไม่ หลังจากนั้นเขาก็ใช้แผ่นป้ายทองแดงทุบจระเข้ให้บี้แบน
“หลิวหยุนจื่อ มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า?” ผังป๋อถามหลิวหยุนจื่อโดยถือแผ่นทองแดงที่ชุ่มเลือดไว้ในมือ
“ฉันใจร้อนเกินไป แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีจระเข้เข้ามาในโลงศพทองแดง”
หลิวหยุนจื่อไม่ได้พูดอะไรอีกและไม่แม้แต่จะขอโทษ ด้วยสภาพของพวกเขาในปัจจุบันมันใกล้จะแตกหักเต็มที ดังนั้นเขาไม่คิดจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอีก
“พลั่ก!”
ในขณะนั้นผังป๋อตบหน้าหลิวหยุนจื่ออย่างแรงจนเขาล้มลงกับพื้น
ในระหว่างกระบวนการนี้ไม้เท้าวัชระและแผ่นป้ายทองแดงได้เรืองแสงออกมาปะทะกันเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามฝ่ามือของผังป๋อยังคงกระแทกเข้ากับใบหน้าของหลิวหยุนจื่ออย่างรุนแรงจนเลือดไหลซึมออกจากปากเขา
“ขอโทษนะ ฉันหุนหันพลันแล่นเกินไป” ผังป๋อล้อเลียนหลิวหยุนจื่อ
“แก……”
ผู้คนรีบหยุดวิ่งเข้ามาแยกทั้งสองออกจากกัน
ในเวลานี้ใบหน้าของหลิวหยุนจื่อมืดมนอย่างยิ่งเขารีบวิ่งกลับไปถือไม้เท้าวัชระของตัวเองเตรียมจะเอาคืนผังป๋อ
“หุบปากให้หมด!”
เย่ฟ่านตะโกนเสียงดังและทุกคนก็หยุดการกระทำทั้งหมด ในเวลานี้เมื่อพวกเขามองเห็นสายตาของเย่ฟ่านที่จ้องมองไปยังโลงศพทองแดงใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“ได้ยินหรือเปล่า?”
ทุกคนตกตะลึง ในตอนแรกพวกเขาไม่ได้ยินอะไรแต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเย่ฟ่านพวกเขาก็ค่อยๆขยับตัวเข้าหาโลงศพทองแดงนั้น
ในขณะนั้นเมล็ดโพธิ์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเย่ฟ่านก็เริ่มเรืองแสงออกมา
เขาเอื้อมมือออกไปและลูบโลงศพที่ปกคลุมไปด้วยภาพแกะสลักเทพเจ้าโบราณมากมาย เผยให้เห็นลมหายใจที่เรียบง่ายทว่าผันแปร
ในขณะนี้ เย่ฟ่านคิดว่าตัวเขาน่าจะได้ยินเสียงนี้อยู่เพียงคนเดียวด้วยอิทธิฤทธิ์ของเมล็ดถั่ววิเศษที่เขาเก็บได้
เสียงมันแผ่วเบามากแต่มันก็เริ่มดังขึ้นพร้อมกับความร้อนของเมล็ดโพธิ์
ต้นโพธิ์หรือที่เรียกกันว่าต้นไม้แห่งปัญญา ต้นไม้แห่งการตรัสรู้ และต้นไม้แห่งความคิด
ว่ากันว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ เมล็ดโพธิ์ของเย่ฟ่านมีภาพธรรมของพระพุทธเจ้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของมัน
ในขณะนี้เสียงที่ดังอยู่ในโลงศพทองแดงก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
“เส้นทางแห่งสวรรค์ พวกเจ้าสูญเสียมามากพอแล้ว พวกเจ้าจะได้รับการชดเชย..”
นี่เป็นเสียงพูดของมนุษย์อย่างชัดเจน มิหนำซ้ำเขายังพูดด้วยภาษาจีนโบราณทำให้เย่ฟ่านต้องใช้เวลาขบคิดใคร่ครวญอยู่เป็นเวลานานกว่าจะจับใจความได้
‘เสียงมันก้องกังวานและลึกซึ้งดูเหมือนจะมาจากแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาวที่ไม่สิ้นสุด
และในที่สุดก็มีเสียงเหมือนระฆังดังขึ้นทำให้เย่ฟ่านสามารถเข้าใจในคำพูดเหล่านั้นทุกคำ