27 – แผนที่ท้องฟ้าดวงดาวโบราณ
เย่ฟ่านใช้มือสัมผัสกับโลงศพโบราณทองแดง เขายืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับว่าสติล่องลอยออกไปจากร่าง
ลมหายใจที่แผ่วเบาดังออกมาจากโลงศพทองแดง เหมือนกับว่าคนที่อยู่ภายในนั้นไม่สามารถรักษาสภาพร่างกายในปัจจุบันไว้ได้แล้ว
ในระยะไกล ทุกคนมองไปที่เย่ฟ่านอย่างเงียบๆ พวกเขาแสดงสีหน้าที่อธิบายไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เพียงรู้สึกว่าเย่ฟ่านเป็นเหมือนเซียนที่บริสุทธิ์สูงส่งและไม่มีตัวตน
ตัวตนของเย่ฟ่านอยู่ตรงนั้น เสียงของทวยเทพเหมือนระฆัง ยาวและกว้างใหญ่ ในตอนที่เขาได้ยินครั้งแรกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ทันทีที่เสียงระฆังดังขึ้นสิ่งที่เทพคนนั้นพูดเขาก็เข้าใจทุกถ้อยคำ
“พวกเจ้าจะเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งทวยเทพ” เสียงนั้นทำให้เย่ฟ่านตกตะลึง
ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม มีเพียงเสียงสวดมนต์ของพุทธศาสนาที่ยังคงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง
เสียงสวดมนต์นี้พุ่งตรงเข้าหาจิตใจของเย่ฟ่าน ทำให้เขาเกิดความสั่นสะเทือนเหมือนกับมองเห็นภูเขาและแม่น้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
จากนั้นแสงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็สาดส่องลงมาที่ผิวน้ำ มีอักขระโบราณหลายร้อยตัวที่สลักไว้อย่างชัดเจนในหัวใจของเย่ฟ่านแต่เสียงสวดมนต์ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างกระบวนการนี้ เมล็ดโพธิ์ที่อยู่บริเวณหน้าอกของเย่ฟ่านยังคงมีความร้อนอยู่ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาอบอุ่นและเกิดความสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตำนานเล่าว่าต้นโพธิ์สามารถทำให้มนุษย์ตระหนักถึงเส้นทางที่จะเป็นเทพเจ้า เห็นได้ชัดว่าเมล็ดโพธิ์นี้คือต้นไม้อ่อนของต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่หน้าวัดต้าเล่ยหยิน
เย่ฟ่านสัมผัสกับโลงศพทองแดงมาเป็นชั่วโมงแล้ว ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวบางคนก็พยายามส่งเสียงแนะนำให้เขาเลิกทำสิ่งนี้
แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าเสียงของทุกคนจะไม่สามารถส่งผลต่อเย่ฟ่านได้
ผังป๋อเดินไปเขย่าตัวเย่ฟ่านสองสามครั้งแต่เห็นได้ชัดว่าเย่ฟ่านไม่ได้รู้สึกถึงการกระทำของเขา ดังนั้นผังป๋อจึงทุบไหล่ของเย่ฟ่านหนักๆอีกครั้งเพื่อเรียกสติของเขากลับคืนมา
แต่การกระทำของผังป๋อก็เปล่าประโยชน์ มิหนำซ้ำยังมีพลังที่ไร้รูปลักษณ์บางอย่างกระแทกมือของผังป๋อให้ออกห่างจากเย่ฟ่านอีกด้วย
ท้ายที่สุดผังป๋อก็ได้แต่ยืนรออยู่ตรงนั้น เขาไม่คิดว่าเย่ฟ่านจะได้รับอันตรายเพราะใบหน้าของเย่ฟ่านในเวลานี้มีความสงบเป็นอย่างมาก
“หรือว่าปีศาจตัวนั้นพยายามจะแย่งชิงร่างกายของเขา?” หลี่ฉางชิง จ้องไปที่โลงศพโบราณแล้วพูดออกมาด้วยความกลัว
เมื่อคนอื่นๆได้ยินคำพูดนี้พวกเขาก็ถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว โลงศพทองแดงนี้มีความแปลกประหลาดเป็นอย่างมากมันทำให้ทุกคนรู้สึกไม่วางใจเมื่ออยู่ใกล้
“พ่**สิ แม้แต่ตอนนี้แกก็ยังจะพยายามใส่ร้ายเย่ฟ่าน ถ้าแกยังขืนพูดมากอีกระวังจะได้กินกำปั้นของฉัน”
ผังป๋อหันกลับมามองด้วยสีหน้าดุร้าย
“อย่าส่งเสียงดัง บางทีเขาอาจจะกำลังเข้าสู่ภาวะรู้แจ้งเหมือนที่ในตำราโบราณว่าไว้” โจวยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นจึงมองไปรอบๆโลงศพทองแดงแล้วกล่าวว่า
“ไม่รู้ว่าจระเข้พวกนั้นติดมาที่นี่กี่ตัว พวกเราน่าจะมองหามันดีกว่า”
หลังจากที่ถูกโจวยี่เตือนสติพวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
ในตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่าจระเข้ตัวหนึ่งได้แอบขึ้นมากับพวกเขา ไม่รู้ว่ายังมีพี่น้องของพวกมันอีกเท่าไหร่ที่แอบขึ้นมาด้วย
ผู้คนไม่ได้กระจัดกระจายเกินไป พวกเขาแยกกันเป็นสองกลุ่ม เพื่อดูแลกัน ในเวลานี้โทรศัพท์ของใครที่ยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ต่างก็ถูกใช้ออกมาเพื่อตามหาจระเข้พวกนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วพวกเขาก็ไม่เห็นจระเข้เพิ่มเติม ในเวลานี้พวกเขากลับมารวมกันอีกครั้งด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าพูดคุยกันเสียงดัง โลงศพทองแดงนั้นมีขนาดใหญ่เกินไปและไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือก็ไม่ใช่ว่าจะสว่างมากนัก พวกเขาจึงไม่กล้ารับประกันว่าจะไม่มีจระเข้เหลืออยู่จริงๆ
“ระมัดระวังเกาะกลุ่มกันไว้อย่าเดินไปไหนคนเดียว” หลินเจี๋ยเตือนทุกคนและในขณะเดียวกันก็โล่งใจเล็กน้อย
แคร่ง!
ทันใดนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงแปลกๆ แม้ว่ามันจะเบามากและแทบไม่ได้ยิน แต่ก็ทำให้จิตใจของผู้คนตกตะลึง!
มันเป็นเสียงดังที่เหมือนจะมาจากห้วงเวลาอันห่างไกล มืดมนและเต็มไปด้วยความโศกเศร้า จากนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้นทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู่หัวใจเป็นอย่างมาก
“เสียงมาจากไหนวะ”
ผังป๋อตะโกนออกมาและมองหาไปรอบๆ
แต่เสียงระฆังที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกนั้นดูเหมือนจะดังมาจากด้านนอกของโลงศพทองแดง
“นี่…เป็นเพลงไว้ทุกสำหรับจักรพรรดิโบราณที่เสียชีวิตไม่ใช่หรือ?”
ทันใดนั้นเสียงจากเครื่องดนตรีชนิดอื่นก็ชัดเจนมากขึ้น ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้ยินเสียงสวดภาวนาของใครหลายๆคนดูเหมือนจะกำลังเรียกชื่อของผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
คนพวกนั้นกำลังคร่ำครวญและร้องไห้ให้กับผู้ยิ่งใหญ่ที่จากไปคนนั้น เสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนมีงานศพขนาดใหญ่ถูกจัดขึ้นที่ด้านนอกของโลงศพทองแดง
ในทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่สูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นเก้าครั้งติดต่อกัน พร้อมกันนั้นรูปสลักบนฝาของโลงศพทองแดงก็เรืองแสงขึ้นมา
ในเวลานี้ทุกคนมีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าพวกเขาได้เห็นฉากของจักรพรรดิโบราณที่เสด็จมายังดินแดนอันกว้างใหญ่ จากนั้นก็เป็นงานศพที่มีผู้คนมากมายเข้าร่วม มันยิ่งใหญ่ระดับที่พวกเขาไม่เคยเห็น
หลังจากนั้นภาพก็หายไป แต่เสียงร้องคร่ำครวญของผู้คนจำนวนมากยังคงตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขา
“วัตถุวิเศษในมือของเราส่องแสงอีกครั้งแล้ว … “
ในเวลานี้ของวิเศษที่เคยดับลงไปแล้วบนแท่นบูชาห้าสีก็ได้เรืองแสงออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพื่อฟื้นฟูพลังศักดิ์สิทธิ์ พลังเทพทั้งหมดของพวกมันถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว
แสงหลากสีหลายพันเส้นถูกดูดออกจากของวิเศษพวกนั้นแล้วไปรวมกันที่ผนังของโลงศพทองแดง
ผนังของโลงศพถูกปกคลุมด้วยคราบสนิมสีเขียวแต่ในเวลานี้ภาพที่ถูกแกะสลักไว้ก็ปรากฏขึ้นรอบๆผนังของโลงศพขนาดใหญ่
“ดูผนังพวกนั้นสิเหมือนกับท้องฟ้าเลย … “
ทุกคนสังเกตเห็นความผิดปกติที่นั่น มันเป็นภาพแกะสลักโบราณที่จำลองท้องฟ้าและดวงดาวทั้งหมดขึ้นมา
นี่เป็นเหมือนท้องฟ้าจำลองและดวงดาวทุกดวงก็ส่องประกายอยู่ในขณะนั้น แต่ผนังโลงศพที่มืดเป็นพื้นหลังนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงเฉกเช่นท้องฟ้ายามค่ำคืน
“มีเส้นบางๆลากผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพวกนี้ หรือว่านั่นคือเส้นทางโบราณที่พวกเราใช้เดินทางมาที่นี่”
ทุกคนมารวมตัวกัน มองดู พูดคุย และแสดงความคิดเห็น
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวนี้กว้างใหญ่ราวกับทะเล ดวงดาวจำนวนมากมีขนาดเล็กเท่าฝุ่นธุลี แต่ก็ยังมีดาวบางดวงที่สว่างเป็นพิเศษ สะดุดตากว่าดาวดวงอื่นๆ และดึงดูดความสนใจของทุกคนได้อย่างรวดเร็ว
“ดาวทั้งเจ็ดดวงนี้สว่างเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าจะเป็นดาวฤกษ์ขนาดใหญ่!”
เมื่อได้ยินหวังจื่อเหวินกล่าว ทุกคนต่างก็จ้องมอง และตรงปลายสุดของเส้นทางโบราณ ดวงดาวขนาดใหญ่นั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ
โจวยี่ไม่เพียงแต่เป็นลูกคนรวยเท่านั้นแต่เขายังเป็นคนที่มีความรู้มากมายจากการอ่านหนังสือหลายเล่มด้วย
“นี่คือดาวไถในแผนที่ดวงดาวของจีนโบราณ ฉันได้ดูแผนที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนี้แล้ว” โจวยี่วิเคราะห์ออกมา
“ใช่ ดูเส้นทางโบราณนี้สิ หรือว่ามันเป็นสิ่งที่พระผู้สร้างเดินทางมาที่โลกของเราและสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตขึ้น… ”
ทุกคนประหลาดใจและไม่สามารถพูดได้เป็นเวลานาน
“ดูสิ เส้นบางๆวาววับบนท้องฟ้ากำลังขยายออกไป มันแสดงถึงทิศทางที่เรากำลังจะไป นี่มันเป็นเหมือนมอนิเตอร์ที่จำลองเส้นทางการเดินทางของพวกเรา”
“เส้นบางๆนี้กำลังเข้าใกล้ดาวไถแล้ว!”
ทุกคนงุนงงอยู่พักหนึ่ง เดิมทีพวกเขาอยู่บนภูเขาไท่ซานของโลก แต่ในเวลาไม่นานพวกเขาก็เคลื่อนตัวเข้าหาดาวไถที่อยู่ห่างจากโลกหลายล้านปีแสง
“หรือว่าปลายทางของพวกเราจะเป็นดาวไถนั้น” บางคนคิดขึ้นเช่นนี้ และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง
“มันยากที่จะบอกได้ ดาวไถนั้นมีขนาดใหญ่และส่องสว่างมากเกินไป บางทีมันอาจจะเป็นดาวฤกษ์ บรรพบุรุษโบราณของพวกเราคงไม่สร้างประตูไว้ตรงนั้นอย่างแน่นอน”
ในเวลาเดียวกันก็เกิดแรงสั่นสะเทือนเบาๆที่โลงศพทองแดง
“หรือว่ามันลงจอดแล้ว … “
“นี่เป็นสิ้นสุดเส้นทางโบราณหรือเปล่า?”
“เทพในตำนานจะอยู่ที่นี่หรือไม่… “
“ไม่แน่หรอก บางทีอาจจะเป็นอารยธรรมที่รุ่งเรืองมากกว่าโลกของเรา”
แม้ว่าทุกคนจะประหม่าแต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง ในเวลานี้พวกเขาไม่ต้องการอยู่ในโลงศพทองแดงนี้อีกแล้ว