Shrouding the Heavens อำพรางสวรรค์ – ตอนที่ 29 – ความอดอยาก

29 – ความอดอยาก

นกเผิงในตำนานถูกกล่าวถึงในหนังสือโบราณหลายเล่ม ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นตำราซานไห่จิง(ตำราขุนเขาทะเล)

“ในเป่ยหมิงมีปลาตัวหนึ่งชื่อคุน มันมีขนาดยาวมากกว่าหมื่นลี้และเมื่อมันบินขึ้นสู่ท้องฟ้ามันจึงเป็นนกที่ถูกเรียกว่าเผิง ว่ากันว่าในตอนที่มันเป็นคุนเผิงมันอาจจะมีความยาวลำตัวมากกว่าเก้าหมื่นลี้เลยทีเดียว”

เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกของการมีอยู่ปกติ ต่อให้นกตัวใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถมีรูปร่างแบบนี้ได้ นี่เป็นคำอธิบายที่เกินจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

โจวยี่และคนอื่นๆมองดูเงาสีทองที่หายไปบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าซีดเผือด

” วิหคในตำนาน !”

หลายคนอุทานออกมา นกตัวนั้นน่ากลัวมากแค่ไหน มันสามารถฉีกช้างขนาดใหญ่ออกเป็นชิ้นๆได้ในพริบตา

“อยู่ให้ห่างฉันอย่าเข้ามาใกล้!”

ผังป๋อรู้สึกว่าในระยะหลังเคดดูเหมือนจะคิดว่าเขาเป็นเพื่อนดังนั้นจึงพยายามตีสนิทด้วย และในตอนนี้เคดก็ขยับเข้ามาใกล้และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

“ผังป๋อ ทำตัวให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง?”

หลี่เสี่ยวม่านแสดงท่าทางไม่พอใจ ดวงตากลมโตของเธอมีความขุ่นเคืองเล็กน้อย

“ฉันไม่ทำอย่างนี้กับเธอด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว…” ผังป๋อกระซิบเบาๆ

“เราอยู่ในโลกแบบไหน?” หลังจากสงบสติอารมณ์แล้วทุกคนก็นึกถึงคำถามนี้

เมื่อเดินทางผ่านจักรวาลอันเงียบงัน มาถึงทุ่งดาวแห่งนี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มดาวกระบวยใหญ่(ดาวไถ) และเข้าสู่โลกลึกลับเช่นนี้ มันเป็นดินแดนของทวยเทพจริงๆหรือ?

วิธีการเอาตัวรอดคือสิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดในตอนนี้

หลายคนจับของวิเศษไว้ในมือ แต่ในขณะนี้วัตถุทางพุทธศาสนาทั้งหมดดูหมองคล้ำและบางส่วนก็มีรอยแตกในขณะที่บางส่วนก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้ว

ดูเหมือนว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของอาวุธวิเศษพวกนี้จะถูกดูดกลืนไปโดยโลงศพทองแดง ในขณะนี้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากพวกมันเหมือนกับว่าพวกเขาเพียงถือเศษเหล็กไว้ในมือเท่านั้น

แต่ทุกคนก็ไม่รู้ว่ามันหมดพลังแล้วจริงหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่มีใครทิ้งพวกมันไปและยังคงเก็บไว้กับตัวเอง

“คุรุ”

ไม่รู้ว่าท้องใครร้อง หลายคนรู้สึกอาย ในตอนแรกพวกเขาเต็มไปด้วยความกดดันจึงลืมนึกถึงเรื่องนี้ แต่ว่าพวกเขาออกจากแท่นบูชา 5 สีบนโลกมาเกือบครบวันแล้วจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะหิวโหย

“โชคดีที่ฉันคิดการไกล น้ำพวกนี้ฉันเก็บขึ้นมาจากซากศพของเพื่อนที่ตายไปพวกนั้น…” ผังป๋อกลั้วหัวเราะ

“แม่เองสิ!”

เย่ฟ่านที่เพิ่งจะดื่มน้ำเข้าไปก็อ้วกออกมาและโยนขวดน้ำทิ้ง

“พ่อแกไม่สอนหรือไงวะว่าอย่าพูดเรื่องนี้ตอนคนอื่นกำลังกิน” เย่ฟ่านยังคงบ่นออกมาไม่หยุด

ผู้คนที่อยู่ข้างๆไม่ได้รอพวกเขา ทุกคนเดินไปข้างหน้าและพยายามหาอาหารที่สามารถกินได้

ผังป๋อหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน จากนั้นเขาก็ไอหนักๆ ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างจงใจ และทำหน้าตาว่าจะข้ามไป ทางนั้นโดยไม่สนใจว่าทุกคนจะแก้ปัญหายังไง

ในขณะที่ทุกคนเลิกสนใจเขา ผังป๋อก็หัวเราะแล้วนั่งยองๆหยิบก้อนหินสองก้อนแล้วขว้างออกไป เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหลี่ฉางชิงดังออกมาจากป่าที่อยู่ไม่ไกล

“ฝีมือใครวะ?” ตามด้วยเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความโกรธของหลิวหยุนจื่อ

เมื่อเห็นชายคนนี้หยิบก้อนหินขึ้นมาอีกครั้งและพยายามโยนเข้าไปในป่าเย่ฟ่านก็รีบหยุดเขา

หลังจากนั้นผังป๋อก็มองอย่างจริงจังและชักชวนเย่ฟ่านให้เข้าไปในป่าเพื่อตามหาผลไม้ที่สามารถกินได้

แม้ว่าเย่ฟานจะรวบรวมจระเข้มากมายมาจากดาวอังคาร แต่หากไม่ถึงที่สุดก็ไม่มีทางที่เขาจะกินพวกมันอย่างแน่นอน

“มีสระน้ำด้วย” ผังป๋อวิ่งไปข้างหน้า

ด้านหน้าพวกเขาไม่ถึง 10 เมตรมีเถาองุ่นโบราณที่มีความหนาประมาณถังไม้มิหนำซ้ำยังมีลำธารที่กว้างประมาณ 2 เมตรและมีน้ำที่ใสเป็นอย่างมาก

มีต้นไม้เล็กๆหลายสิบต้นที่อยู่ถัดจากบ่อน้ำ ใบกว้างสีเขียวเหมือนฝ่ามือคน ที่ด้านบนสุดของต้นไม้เล็กๆแต่ละต้นมีผลไม้สีแดงห้อยอยู่ราวกับเชอร์รี่แต่มีขนาดใหญ่เท่ากับไข่ไก่

เย่ฟ่านและผังป๋อเดินผ่านเถาวัลย์ไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นผลไม้ที่เข้มข้นทักทายจมูกของพวกเขาทันที

“มันหอมจริงๆไม่คิดว่าจะมีผลไม้ที่หอมขนาดนี้”

ผลไม้พวกนี้ส่งกลิ่นหอมมากเทียบได้กับไวน์อายุมากกว่าพันปี

“ตามธรรมดาแล้วผลไม้ที่หอมขนาดนี้ต้องมีพิษแน่นอน?” ทั้งสองมองหน้ากันแล้วจะจำทฤษฎีนี้ได้

“พวกเราไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้วยังไงก็ดีกว่ากินจระเข้ที่มุดเข้าไปในสมองคนพวกนั้น”

“นายลองดูก่อนดีกว่านายตัวใหญ่ถ้ามันมีพิษจริงๆอาจจะช่วยได้ทัน”

“หน้าของนายก็หนาไม่ใช่น้อยถ้าใช้นายเป็นตัวทดลองพิษฉันคิดว่าต้องดีกว่าฉันแน่ๆ”

ทั้งคู่ร่าเริงมาก แม้ว่าพวกเขาจะมายังโลกที่แปลกประหลาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขมวดคิ้วและเผชิญหน้ากับความยากลำบากอย่างตรงไปตรงมา

เย่ฟ่านหยิบผลไม้สีแดงและวางไว้ในมือ มันดูมีเสน่ห์มาก สดใสราวกับหยกสีแดง

ในเวลานี้ผังป๋อก็เลือกผลไม้มาลูกนึงเช่นกัน

“ผลไม้นี่หอมเหลือเกินฉันทนไม่ไหวแล้ว”

“นายรอดูก่อนเดี๋ยวฉันจะเป็นคนชิม”

ทั้งสองบ่ายเบี่ยงกันอยู่นานในที่สุดพวกเขาก็กินผลไม้นั้นพร้อมกัน เมื่อผิวสีแดงวาววับถูกเปิดออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นก็กระจัดกระจายไปทั่วร่างกายของพวกเขา

“อร่อย!”

ผังป๋ออดไม่ได้ที่จะดูดนิ้วของตัวเองที่มีน้ำหวานจากผลไม้ติดอยู่ ความสดชื่นกระจัดกระจายไปทั่วท้องของเขา

“ฉันไม่เคยกินผลไม้อร่อยๆแบบนี้ มันเป็นเพราะว่าพวกเราหิวเกินไปหรือเปล่า?”

หลังจากกินผลไม้ชิ้นแรกแล้ว ทั้งสองก็รอครู่หนึ่งและพบว่าไม่รู้สึกถึงพิษร้ายอะไร

“ไม่มีพิษ”

“รออะไรอีก รีบจัดมันเร็ว!”

ทั้งสองคนนั่งข้างบ่อน้ำและเริ่มกลืนกินผลไม้อย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากกินไปจนใกล้จะอิ่มเย่ฟ่านก็กล่าวว่า

“ให้อี่อี้และจางจื่อหลิงสักสองสามลูก”

“ใช่ พวกเขาคงจะหิว”

ต้นไม้ขนาดเล็กชนิดนี้สูงเกินครึ่งเมตรมีสีเขียวและสดใสเป็นอย่างมาก พวกมันมีผลไม่มากนักนับรวมกันกับที่กินไปแล้วมีเพียง 13 ผลเท่านั้น

ผังป๋อสูดหายใจเข้าลึกๆยื่นศีรษะลงไปในน้ำและชิมน้ำไปคำเล็กๆ

“แปลก น้ำนี้ดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมด้วย”

เย่ฟ่านก็ใช้มือกอบน้ำขึ้นมาดื่มและสัมผัสได้ถึงความหอมหวานจริงๆ

“ต้นไม้เล็กๆเหล่านี้สามารถให้ผลที่แปลกประหลาดเช่นนี้ได้ ส่วนใหญ่อาจจะเกิดจากบ่อน้ำนี้”

ผังป๋อดื่มน้ำแร่อีกเล็กน้อยแล้วพูดว่า

“มีกลิ่นหอมหวานเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่มีรสชาติพิเศษดื่มเข้าไปมากๆก็จะไม่รู้สึกแล้ว” แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นพวกเขาก็กรอกน้ำใส่ขวดของตัวเองจนเต็ม

พวกเขาพักที่นี่ครู่หนึ่งและกินผลไม้เสร็จแล้วพวกเขาก็เก็บผลไม้ที่เหลืออีกห้าผล

ขณะที่เขาเดินกลับ ผังป๋อก็กระซิบว่า

“นายรู้สึกหรือเปล่าว่าผลไม้พวกนี้แค่กินเข้าไปนิดเดียวก็ทำให้พวกเราหายเหนื่อยและกระปี้กระเป่าเหมือนได้กินเครื่องดื่มชูกำลังด้วย”

เย่ฟ่านก็รู้สึกแปลกๆเช่นกัน

“ผลไม้สีแดงนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset