106 – โหดเหี้ยม
ในอุโมงค์ที่สั้นและแคบนี้ไม่เพียงพอให้ม้าแรดวิ่งได้อย่างสะดวก เอี้ยนลี่เฉียงหลบเลี่ยงการโจมตีครั้งแรกของชายชาตูได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าชายคนนั้นจะยืมความได้เปรียบจากความเร็วและน้ำหนักจากการพุ่งของม้าแรดมังกรก็ตาม โดยไม่รอให้ชายคนนั้นและม้าของเขาหันกลับมาเอี้ยนลี่เฉียงได้เหวี่ยงแส้ในมือของเขาออกแล้ว
เงาของแส้หักเหผ่านอากาศ ก่อนที่มันจะฟาดร่างของชายชาตูคนนั้นมีเสียงที่คล้ายกับผ้าถูกฉีกขาดในอากาศ เอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยฝึกฝนวิชาแส้ใดๆ เขาเพียงเคยใช้มันหมุนลูกข่างในตอนที่เขายังเด็กเท่านั้น
อย่างไรก็ตามพลังที่เขาปลดปล่อยออกมานี้มันเหนือจินตนาการไปแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงใช้ความแข็งแกร่งเพียงหกในสิบส่วนของเขาก็สามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
ที่ด้านหลังชายชาตูอีกคนกระโดดเข้าหาเขาพร้อมกับดาบสองคมที่อยู่ในมือ เอี้ยนลี่เฉียงไม่แสดงความเมตตาใดๆเขาปล่อยหมัดเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง
ปัก…!
เสียงแตกดังขึ้นชายชาตูร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าเขาเพิ่งถูกใครบางคนฟันด้วยกระบี่ เขาตกลงจะมากองอยู่ที่พื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้ ที่ชุดเกราะของเขามีรอยกำปั้นขนาดใหญ่ประทับไว้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ส่วนชายชาตูที่ถูกแส้ฟาดไปในตอนแรก หนังศรีษะครึ่งหนึ่งทางด้านหลังหลุดออกจากร่างกายใบหูข้างหนึ่งของเขาหายไปแล้ว
ชายชาตูคนที่สามพุ่งเข้าใส่เอี้ยนลี่เฉียงพร้อมกับม้าแรดด้วยความเร็ว เอี้ยนลี่เฉียงหมุนตัวและไต่กำแพงอุโมงค์ประตูเมืองขึ้นไปบนอากาศห้าก้าวก่อนจะตวัดแส้ในมือออกไปอีกครั้ง
ชายชาตูคนนั้นกรีดร้องอย่างน่าสังเวชเมื่อเอี้ยนลี่เฉียงฟาดหน้าของเขาจนกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน เขาร่วงตกลงจากม้าอย่างแรงและแน่นิ่งไปไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
แต่เอี้ยนลี่เฉียงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามยังไม่ตายเขาได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเตะไปที่กรามของชายชาตูคนนั้น ชายชาตูคนนั้นถูกเตะลอยขึ้นไปในอากาศก่อนจะร่วงลงสู่พื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
ตอนนี้ชาวชาตูจำนวนมากจากด้านหน้าและด้านหลังของอยู่ในความโกลาหล เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินเสียงแหลมจากนกหวีดโลหะของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ประตูทางเข้า
ชายชาตูคนแรกที่เพิ่งถูกเอี้ยนลี่เฉียงหวดด้วยแส้สองครั้งกระชากดาบของเขาออกมาแล้ว เขาพุ่งไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยใบหน้าที่เปื้อนเลือด เขายกแขนขึ้นสูงขณะเล็งดาบไปที่ลำคอของเอี้ยนลี่เฉียง
ชาวชาตูเหล่านี้โหดเหี้ยมมากในการโจมตีของพวกเขาพวกเขาไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆเลย การโจมตีแต่ละครั้งพุ่งไปที่ส่วนสำคัญของร่างกายมนุษย์
ความโกรธฉายชัดทั่วดวงตาของเอี้ยนลี่เฉียง เมื่อเขาเห็นว่าคน ชาตูเหล่านี้เนรคุณเพียงใดเขาจึงไม่ได้ถอยกลับแต่ก้าวไปข้างหน้าแทน
เมื่อชายชาตูคนนี้ยกดาบสองคมขึ้น เอี้ยนลี่เฉียงก็พุ่งมาคว้าข้อมือของเขาจากนั้นออกแรงบิดอย่างรุนแรง นี่เป็นหนึ่งในท่วงท่าของหมัดพยัคฆ์คำรามต่อเนื่อง
เอี้ยนลี่เฉียงบิดแขนของชายคนนั้นเก้าสิบองศาแล้วเหวี่ยงชายชาตูออกไปด้านข้างอย่างสวยงาม เมื่อชายคนนั้นลงสู่พื้นอย่างแรง เอี้ยนลี่เฉียงก็รีบตามเข้าไปกระทืบซ้ำหน้าอกของฝ่ายตรงข้ามซ้ำอีกที
ในช่วงเวลาไม่กี่ลมหายใจชายชาวชาตูได้ล้มลงถึงสามคนแล้ว พวกเขาสองคนนอนแน่นิ่ง อีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถลุกขึ้นได้
ทันใดนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้สึกถึงอันตราย เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกและคลื่นแห่งไอสังหารจากระยะไกล โดยไม่ต้องเสียเวลาผมคิดแม้แต่วินาทีเดียวเอี้ยนลี่เฉียงตีลังกาและซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกลุ่มม้าแรดก่อนที่เขาจะจ้องมองไปในระยะไกล
ชายชาวชาตูที่อยู่นอกประตูเมืองได้เล็งธนูมาที่เขา
สค๊อดดด!
.. ทันใดนั้นก็มีลูกธนูพุ่งออกมาจากด้านบนกำแพงและแทงทะลุหลังของชายชาตูที่กำลังเล็งคันธนูมาที่เอี้ยนลี่เฉียง มันทำให้ลูกศรของชายชาวชาตูหลุดออกจากคันศรและเบี่ยงเบนไปเกือบจะแทงทะลุร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
“มารดาเจ้าเถอะ!” เสียงสบถดังสนั่นจากเหนือประตูเมือง
“พวกเจ้าตั้งใจจะโจมตีเมืองของเราอย่างนั้นหรือ จงวางอาวุธและลงจากม้าเดี๋ยวนี้ พี่น้องทุกคนหากผู้ใดไม่วางอาวุธและลงจากหลังม้าภายในสิบลมหายใจให้ประหารมันทันที!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ก็เกิดเสียงฝีเท้าและชุดเกราะจำนวนมากพุ่งมายังทิศทางของประตูเมือง ทหารติดอาวุธพร้อมหอกสองสามร้อยคนเดินหน้าล้อมรอบชาวชาตูทั้งหมดที่ติดอยู่ภายในประตูเมืองรวมทั้งเอี้ยนลี่เฉียงและกลุ่มคนที่รอเข้าเมือง
ชาวชาตูบางคนส่งเสียงโห่ร้อง หลังจากนั้นไม่นานชาวชาตูทั้งหมดก็ลงจากม้าและอูฐ พวกเขาทุกคนมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและบ่นอุบอิบ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางอาวุธที่พกติดตัวไว้เช่นดาบดาบและธนูลงบนพื้น
เมื่อเห็นทหารกลุ่มใหญ่ที่รีบมาที่ประตูเมือง เอี้ยนลี่เฉียงก็โยนแส้ที่เขาถือลงบนพื้นอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นเขาก็รีบถอยไปด้านข้างพร้อมกับใบหน้าที่ไร้เดียงสา
ผู้บัญชาการหน้าดำที่มีร่างกายทรงพลังคิ้วหนาคู่หนึ่งสวมชุดเกราะและหมวกเหล็กเดินลงมาจากหอประตูขณะสบถ
“สวีฉางโจวใครเป่านกหวีด เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
ทหารที่เฝ้าประตูคนหนึ่งรีบเดินไปรายงานด้วยเสียงอันดัง
“รายงานต่อผู้บัญชาการซู. ชาวชาตูเหล่านี้มีความขัดแย้งกับใครบางคนและเริ่มต่อสู้เมื่อครู่ ชาวชาตูเหล่านี้ล้วนพกอาวุธสงครามมาด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายข้าจึงได้เป่านกหวีด … “
ทหารชื่อสวีฉางโจวกล่าวขณะที่ชี้ไปที่เอี้ยนลี่เฉียง ผู้บัญชาการที่มีใบหน้าดำคล้ำก็ชำเลืองมองไปในทิศทางที่เขากำลังชี้ไป …