116 – ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
มีเพียงบทเรียนเดียวที่จะได้เรียนในสถาบันศิลปะการต่อสู้และทุกบทเรียนใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม ไม่มีหลักสูตรการเรียนประจำตัวของนักเรียน!
ทุกคนจะต้องเลือกเอาว่าจะเรียนวิชาอะไรกันแน่ นักเรียนไม่ได้ถูกจัดกลุ่มตามอายุหรือชั้นเรียน บทเรียนทุกวิชาสามารถเข้าเรียนได้ทุกคนโดยไม่จำกัด
ที่สำคัญที่สุดคือไม่มีบทวิจารณ์หรือการสอบในสถาบันศิลปะการต่อสู้เลย! ทุกคนจะต้องออกจากสถาบันหลังจากเวลาผ่านไปหกปีหรือสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นนักรบได้
สภาพตอนนี้มันคล้ายกับตอนที่เอี้ยนลี่เฉียงเรียนในมหาวิทยาลัยในชีวิตเดิม เขาจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
สำหรับเด็กหนุ่มอย่างเขาที่ได้ร่วมเรียนหนังสือกับคนรุ่นเดียวกันและเด็กสาวมากมายนี่จึงเป็นเหมือนสวรรค์วิมานอย่างแท้จริง
กล่าวอีกนัยหนึ่งสถาบันศิลปะการต่อสู้ของแคว้นผิงซีไม่เหมือนกับสถาบันการศึกษา แต่เป็นเหมือนชมรมศิลปะการต่อสู้มากกว่า
อาจารย์พิเศษของสถาบันศิลปะการต่อสู้อย่างสือฉางเฟิงและอาจารย์คนอื่นๆก็คล้ายๆกับประธานชมรม
มีห้องสมุดขนาดใหญ่ในสถาบันศิลปะการต่อสู้ที่อนุญาตให้นักเรียนยืมคู่มือทุกประเภทเพื่ออ่าน อย่างไรก็ตามคู่มือทั้งหมดนี้เป็นวรรณกรรมและหนังสือคลาสสิกในประวัติศาสตร์ ไม่มีคู่มือเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้แม้แต่เล่มเดียว
ในตอนแรกเอี้ยนลี่เฉียงพบว่ามันแปลกเล็กน้อยเพราะจำนวนบทเรียนในสถาบันศิลปะการต่อสู้น้อยเกินไป จนกระทั่งเริ่มบทเรียนเขาจึงเข้าใจว่าการเข้าร่วมบทเรียนสัปดาห์ละครั้งไม่ได้น้อยเกินไป แต่มากเกินไปต่างหาก
นั่นเป็นเพราะในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ต้องใช้ทักษะฝึกฝนและไม่เพียงแต่ฟังการบรรยายเท่านั้น ทักษะและเทคนิคเกือบทั้งหมดต้องใช้การฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง
ในที่แห่งนี้อาจารย์จะสอนเพียงทฤษฎีส่วนเรื่องการปฏิบัติและพื้นฐานพวกเขาต้องหมั่นฝึกฝนด้วยตัวเอง
บทเรียนแรกที่เอี้ยนลี่เฉียงเข้าเรียนที่สถาบันศิลปะการต่อสู้นั้นสั้นมากจนเกินจินตนาการของเขา
บทเรียนนั้นดำเนินการโดยชายชราในห้องเรียนขนาดใหญ่ภายในสถาบันศิลปะการต่อสู้
ในระหว่างบทเรียนชายชราคนนั้นแสดงท่าทางม้าที่ถูกต้องต่อหน้านักเรียนที่ได้รับคัดเลือกใหม่ทั้งเจ็ดร้อยคนในปีนี้และบอกพวกเขาสามสิ่ง
ประโยคแรกของเขาคือ “ท่าม้าเป็นผลมาจากการทำงานหนักและความพากเพียรเมื่อเวลาผ่านไปก็จะสามารถทำมันได้สำเร็จหากเจ้ามีความพยายามมากพอ!”
ประโยคที่สองของเขาคือ “เจ้าจะต้องสามารถรักษาท่าทางไว้ได้จนกว่าเจ้าจะสามารถผ่อนคลายราวกับกำลังนอนเล่นเมื่อทำท่าม้า นั่นจึงจะถือได้ว่าประสบผลสำเร็จ “
ประโยคที่สามคือ “หากเจ้าไม่สามารถฝึกฝนท่าม้าได้สำเร็จทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสถาบันศิลปะการต่อสู้แห่งนี้จะไม่มีประโยชน์ใดๆต่อพวกเจ้า! “
บทเรียนทั้งหมดจบลงในเวลาไม่ถึงสามนาที เมื่อชายชราออกจากห้องเรียนนักเรียนต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบทเรียนแรกของพวกเขาในสถาบันศิลปะการต่อสู้จะจบลงเช่นนั้น
ท่าม้าเป็นบทเรียนที่กำหนดไว้สำหรับสัปดาห์แรกของทุกเดือน เนื่องจากชายชราไม่ได้มาสอนอีก พวกเขาจึงไม่ได้เข้าเรียนในวิชานี้อีกต่อไป
นี่คือรูปแบบบทเรียนของสถาบันศิลปะการต่อสู้ สถาบันจะไม่สนใจจำนวนนักเรียนที่ได้รับคัดเลือกหรือว่านักเรียนมีอาการอย่างไร
พวกเขาจะถ่ายทอดสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงให้กับทุกคนเพียงไม่กี่คำและจบบทเรียนนั้น ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับความขยันของฝึกฝนเอง
เอี้ยนลี่เฉียงเพิ่งค้นพบในภายหลังว่าชายชราที่สอนพวกเขาในระหว่างบทเรียนคือปรมาจารย์โต๋โจวแห่งสำนักธงมังกรที่มีชื่อเสียงในเมืองผิงซีนามว่าซ่งเทียนฮ่าว
เทคนิคลับท่าม้านี้เป็นเทคนิคที่ซ่งเทียนห่าวสามารถสอนทุกคนในที่สาธารณะได้อย่างเปิดเผย หากใครอยากเรียนรู้เทคนิค ขั้นสูงมากกว่านี้พวกเขาจะต้องไปที่สำนักธงมังกรเพื่อฝึกฝนอย่างเป็นทางการ
แต่ก็อย่างว่าเงินถึงหนึ่งร้อยเหรียญทองไม่ใช่ว่าใครๆจะสามารถจ่ายไหว
อาจารย์พิเศษของสถาบันการศึกษาสองสามคนหลังจากนั้นดำเนินบทเรียนในลักษณะเดียวกับซ่งเทียนหาว คำแนะนำของพวกเขากระชับชัดเจนและรวดเร็ว หลังจากเรียนจบทุกคนต้องฝึกฝนด้วยตนเอง
นั่นรวมถึงบทเรียนวิชาดาบของสือฉางเฟิง
ในช่วงสองเดือนแรกที่เอี้ยนลี่เฉียงมาถึงสถาบันศิลปะการต่อสู้วิชาดาบขั้นพื้นฐานของสือฉางเฟิงได้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาสี่บทเรียน
ในบทเรียนทั้งสี่บทนั้นแต่ละบทประกอบด้วยการบรรยายจากสือฉางเฟิงซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ในช่วงสิบนาทีนั้นเขาสอนการเคลื่อนไหวพื้นฐานเพียงสองหรือสามท่าเท่านั้น
หลังจากจบบทเรียนเขาจะปล่อยให้ทุกคนฝึกฝนด้วยตัวเอง
ในทางตรงกันข้ามสือฉางเฟิงจะพูดมากขึ้นในระหว่างบทเรียนวรรณคดีและประวัติศาสตร์แทน โดยปกติการบรรยายของเขาจะใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามในทุกบทเรียนเกี่ยวกับวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
ในตอนท้ายของทุกบทเรียนสือฉางเฟิงจะแนะนำชื่อหนังสือให้กับทุกคนเพื่อให้พวกเขาสามารถค้นหาและอ่านได้เมื่อทุกคนมีเวลาว่าง
บางทีความสามารถของอาจารย์พิเศษของสถาบันที่นี่อาจไม่ได้ จำกัดอยู่เพียงแค่ในขอบเขตนี้ แต่เพื่อให้ได้ทักษะที่แท้จริงจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนให้เป็นระดับปรมาจารย์เสียก่อน
อย่างไรก็ตามการจะก้าวให้ถึงระดับนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากหากไม่ได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ที่เหมาะสม ได้ยินมาว่านอกเหนือจากซ่งเทียนฮ่าวที่สำนักธงมังกรโต๋โจวแล้วอาจารย์พิเศษคนอื่นๆแทบจะไม่รับลูกศิษย์เลย
สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังนั้นเนื่องมาจากต้นกำเนิดของพวกเขามาจากเผ่าที่แตกต่างกัน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องคัดเลือกลูกศิษย์ด้วยความระมัดระวังและไม่สามารถถ่ายทอดวิชาที่แท้จริงให้กับคนนอกได้
ความรู้ที่ได้รับจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เชิงลึกขนาดนั้นและไม่มีคู่มือลับให้อ่านด้วย อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมของที่นี่ก็เหมาะสมในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก
ในสถาบันศิลปะการต่อสู้มีสนามยิงธนูที่มีไว้ให้เฉพาะผู้ที่มีความสนใจในเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังมีสนามม้าหากต้องการฝึกขี่ม้า ม้าทุกตัวที่ถูกเลี้ยงไว้ที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นม้าแรด
สถาบันศิลปะการต่อสู้ยังมีสถานที่เฉพาะสำหรับการฝึกวิชาทวน
หากว่ามีนักเรียนคนใดต้องการที่จะต่อสู้กันมันจะสะดวกเป็นอย่างมากสำหรับพวกเขาเพราะมีสนามประลองมากมายอยู่ที่นี่
หากต้องการฝึกท่าม้าสถาบันศิลปะการต่อสู้ก็มีสถานที่ให้ฝึกฝนเป็นการเฉพาะอยู่ในป่าสนหลังสำนัก
เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินมาว่าการฝึกท่าม้าร่วมกับคนจำนวนมากสามารถสร้างบรรยากาศที่ดีที่ทุกคนสามารถดูแลซึ่งกันและกันและปรับปรุงซึ่งกันและกันในขณะที่แข่งขันกันด้วยความเพียร
ผลลัพธ์ที่ได้ดีจะดีกว่าการฝึกเดี่ยวและจะพบว่ามันง่ายกว่าที่จะผ่านขั้นตอนท่าม้าด้วยวิธีนี้
แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเรียนรู้ในสถาบันศิลปะการต่อสู้นั้นง่ายเกินไปแต่เขาก็ไม่เคยลดละความพยายาม เขายังคงขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนทุกวันที่สถาบันศิลปะการต่อสู้
ในสองเดือนนี้ความแข็งแกร่งของเอี้ยนลี่เฉียงค่อยๆโดดเด่นกว่านักเรียนอีกเจ็ดร้อยคนในกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะเขามักจะทะเลาะกับสือต้าเฟิงอย่างเปิดเผยในเวทีของสถาบัน
บางครั้งพวกเขาจะต่อสู้กันด้วยหมัดและฝ่ามือบางครั้งพวกเขาก็จะต่อสู้กันด้วยอาวุธ บางครั้งเขาก็จะเชิญนักเรียนใหม่บางคนที่กำลังดูพวกเขาด้วยความอิจฉาและอยากจะท้าทายพวกเขาให้มาร่วมต่อสู้ในเวที
ชื่อเสียงของเอี้ยนลี่เฉียงค่อยๆเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นนักเรียนใหม่ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดของสถาบันศิลปะการต่อสู้ประจำแคว้นผินซี
มีคนประกาศว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่เพียงแต่เป็นคนที่แข็งแกร่งมากที่สุดจากมณฑลชิงไห่ แต่เขาคือนักเรียนใหม่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในแคว้นผิงซีอีกด้วย
แน่นอนเอี้ยนลี่เฉียงเพียงแค่ยิ้มให้กับฉายาที่ถูกมอบให้กับเขา การเป็นนักเรียนใหม่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร
ในเวลาเพียงสองเดือนนี้เอี้ยนลี่เฉียงมีความรู้สึกว่าเขากำลังจะผ่านขั้นตอนการยืดเส้นเอ็นและการขยายกระดูก
สือฉางเฟิงเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ว่า เขาหวังว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะสามารถผ่านขั้นตอนนี้ไปได้อย่างรวดเร็วมากที่สุดและหวังว่ามันจะเกิดขึ้นภายในสองปีนี้
อย่างไรก็ตามความเร็วในการบ่มเพาะของเอี้ยนลี่เฉียงเกินความคาดหมายของทุกคน แม้แต่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะผ่านด่านนี้ไปได้เร็วขนาดนี้ …