123 – สำรวจถ้ำเสือ
เอี้ยนลี่เฉียงหอบอย่างหนักเป็นเวลากว่าสิบวินาทีในขณะที่เขาเฝ้าดูชายคนนั้นทรุดลงไปกองกับพื้นก่อนที่จะหมดลมหายใจ จากนั้นเขาค่อยๆเดินไปด้านหน้า
ชั้นใต้ดินนี้เป็นเหมือนพระราชวัง พรมขนอูฐหนาวางอยู่บนพื้น ทั้งสองด้านของอุโมงค์ได้รับการตกแต่งด้วยเชิงเทียนบนผนังอันหรูหราที่ทำจากเงินและแม้แต่ผนังโดยรอบก็ตกแต่งด้วยขอบทองและเงิน
นอกจากนี้ยังมีอาวุธต่างๆที่แขวนอยู่บนผนังเป็นเครื่องประดับ การเดินไปตามอุโมงค์นี้ไม่ได้รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในที่ซ่อนของปีศาจ แต่กลับรู้สึกราวกับว่าเขาเดินเข้าไปในคลับเฮาส์ระดับสูง
หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงเต้นแรงยิ่งขึ้นเมื่อมาถึงบริเวณนี้เพราะเขารู้ว่าคนที่สามารถตกแต่งห้องใต้ดินที่หรูหราเช่นนี้ได้ไม่ใช่แค่คนรวยทั่วไปเท่านั้น
เมื่อเขาเพิ่งเข้าไปในห้องใต้ดินก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเป็นคุกใต้ดินบางอย่าง แม้ว่าจะมีคนอยู่ที่นี่ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและเขาคิดว่าเขาจะสามารถช่วยเด็กหญิงสองคนนั้นได้โดยมาที่นี่
เขาไม่คาดคิดว่าอุโมงค์ใต้ดินจะนำไปสู่สถานที่เช่นนี้ได้ เมื่อพิจารณาจากตำแหน่งปัจจุบันของเขาเขาน่าจะอยู่ด้านล่างคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีลานขนาดใหญ่ใกล้กับร้านขายเสื้อผ้า
ในช่วงเวลานั้นเองเอี้ยนลี่เฉียงก็สัมผัสได้ถึงอันตราย ที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เขาสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขาที่จะถอยหนีในตอนนี้และแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจัดการในภายหลัง
เมื่อความคิดนั้นเกิดขึ้น ทันใดนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็เหลือบไปเห็นธนูงูหลามเขาที่แขวนอยู่บนผนัง คันธนูงูหลามเขานั้นงดงามกว่าที่โจวหยงมอบให้เขามาก
กรอบสีฟ้าของมันดูสวยงามแปลกตา คันธนูแขวนอยู่บนชั้นวางคันธนูบนผนังโดยมีลูกศรห้อยอยู่ข้างๆ เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่คันธนูนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำเบาๆด้วยความโชคดี
สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงความแตกต่างในความแข็งแกร่งระหว่างการไม่มีธนูและมีธนูในมือของเขานั้นห่างกันนับสิบเท่า เมื่อเขาเห็นคันธนูงูเหลือมเขาวางอยู่ตรงนั้นก็เปรียบเสมือนกับการได้เห็นผู้ช่วยที่ทรงพลังของ
เอี้ยนลี่เฉียงไม่รอช้าเขารีบปลดคันธนูลงมาทันที เมื่อเขาได้สัมผัสมันเขาถึงรู้ว่าคันธนูตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าของเขาเสียอีก มันน่าจะเป็นธนูทรงพลังหกต้าน ในช่วงเวลาเช่นนี้ธนูทรงพลังหกต้านเป็นสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงต้องการ
ลูกศรห้อยอยู่ข้างคันธนูงูเหลือมเขา ในแวบแรกเอี้ยนลี่เฉียงพบว่ามีลูกศรสามสิบหกดอกอยู่ในนั้น ซองธนูทำมาจากหนังคุณภาพสูงที่ออกแบบมาสำหรับนักธนูโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ยังมีเข็มขัดพิเศษสำหรับห้อยศรลูกศรไว้ด้านข้างเอว ข้างเข็มขัดมีดาบสั้นแพรวพราวที่เหมาะสำหรับนักธนู เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้รู้สึกละอายในการหยิบฉวยของพวกนี้
บางทีเจ้าของอาวุธเหล่านี้อาจทิ้งไว้ที่นี่เพื่อวัตถุประสงค์ในการแสดงเท่านั้น ถ้าคนๆนั้นรู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงสามารถหยิบฉวยมันอย่างง่ายดายคนผู้นั้นจะต้องเสียใจเป็นอย่างมากที่วางมันไว้ที่นี่
ชุดเกราะต่างๆถูกแขวนไว้บนผนังเพื่อเป็นการตกแต่ง ถ้าเป็นไปได้เอี้ยนลี่เฉียงก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะสวมชุดเกราะทั้งสิบชุดนี้และจากไป
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าไม่สมควรที่จะหยิบฉวยมันออกไปจึงทำได้เพียงต้องตัดใจเท่านั้น เขาเพียงหยิบเสื้อเกราะหน้าอกมาสวมทับไว้เพื่อป้องกันชีวิตของตัวเอง
หลังจากทำสิ่งนี้ทั้งหมดเอี้ยนลี่เฉียงก็รวบรวมความกล้าพร้อมกับเดินเข้าไปในส่วนลึกของอุโมงค์
ทางเดินนั้นเงียบมากโดยไม่มีใครอยู่ภายในอุโมงค์แม้แต่คนเดียว หลังจากเดินไปได้สักระยะก็มีเสียงพูดคุยกันดังมาจากข้างใน เอี้ยนลี่เฉียงหยุดเดินในทันทีและพยายามเงี่ยหูฟัง
“ เอี้ยนลี่เฉียงไม่ธรรมดาเลยจริงๆเขาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งแต่กลับสามารถพัฒนาตัวเองได้ถึงขนาดนี้…”
เสียงนั้นดังมาจากที่ไหนสักแห่งข้างหน้า เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงได้ยินเสียงเขาก็สงสัยว่าหูของเขากำลังเล่นตลกกับเขาหรือไม่ มีคนพูดถึงเขาในสถานที่แบบนี้ได้อย่างไร?
เกือบจะในทันทีเสียงอื่นก็ดังขึ้นและเอี้ยนลี่เฉียงสามารถยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้จินตนาการไปเอง
“อาจารย์ซูบอกว่าเจ้าเด็กนั่นกำลังจะผ่านวิชาหอกในสวรรค์ชั้น สองไปแล้ว!” เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินเสียงนี้ในตอนเช้า เป็นหวังฮ่าวเฟยที่ขวางทางเขาพร้อมกับคนอื่นๆอีกสองสามคน
เมื่อเทียบกับความหยิ่งผยองเมื่อเช้านี้เสียงของหวังฮ่าวเฟยเต็มไปด้วยความระมัดระวังขณะที่กล่าวกับฝ่ายตรงข้าม
“นายน้อยเย่ควรจะรู้ว่าเจ้าคนแซ่ซูนั้นไม่ธรรมดาเขาคงจะไม่หลอกเรา นายน้อยเย่ก็เคยพบกับชิวหลงมาก่อนเขามีวิชาหมัดไม่ธรรมดาแต่กลับถูกเจ้าเด็กนั่นต่อยปลิวไปในหมัดเดียว”
ในขณะที่หวังฮ่าวเฟยกำลังพูด เอี้ยนลี่เฉียงได้เดินไปข้างนอกห้องนั้นแล้ว
ดูเหมือนจะมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ภายในห้อง ไอน้ำกำลังแผ่ออกมาจากด้านในและสามารถได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวในน้ำ
เอี้ยนลี่เฉียงยืนอยู่นอกห้องและแอบฟังการสนทนาของทั้งสองคนในห้อง
“เอี้ยนลี่เฉียงนั้นเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง บางทีการที่เขาแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้อาจมีวิชาลับบางอย่าง?”
“นั่นก็ไม่แน่เช่นกันข้าเคยได้ยินว่าเขาเป็นเพียงเด็กน้อยธรรมดาที่มีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ไม่นานมานี้เขากลับพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว นายน้อยเย่ได้ยินเรื่องการช่วยเด็กจมน้ำมาหรือไม่วิธีการเหล่านี้ล้วนได้มาจากเอี้ยนลี่เฉียง”
“ก็ได้ยินมาบ้าง รู้สึกว่าตอนนี้มันจะกระจายมายังเมืองผิงซีแล้ว?”
“ถูกตัอง!”
“ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาได้รับวิชานี้มาจากไหน”
“ลือกันอยู่ในเมืองหวงหลงว่าเขาได้วิชานี้มาจากเทพบางตน “
“โลกนี้ไหนเลยจะมีเทพเจ้า?” ชายคนนั้นที่ชื่อนายน้อยเย่ตะโกนอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ถ้าโลกนี้มีเทพจริงๆเหตุไฉนเขาไม่ไปเข้าฝันพวกราชวงศ์ที่มีอำนาจ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงเรื่องหลอกลวง! “
“ความคิดของท่านตรงกับข้าพอดี!” หวังฮ่าวเฟยเห็นด้วยอาจบางทีเขาพยายามประจบนายน้อยเย่
“ เอี้ยนลี่เฉียงต้องรู้เรื่องนี้มาจากคนอื่น หรือมีวิชาลับบางอย่างต่อให้เราเค้นเอาจากเขาไม่ได้ก็ต้องเอามาจากพ่อของเขา”
“ ที่จริงแล้วท่านตามข้ามาวันนี้ก็เพราะว่าต้องการให้ข้าส่งคนออกไปจัดการพ่อของเขาอย่างนั้นหรือ? “