136 – อำมหิตถึงขีดสุด
ผู้ชายคนนั้นใช้เวลาเกือบครึ่งวันถึงสามารถลุกขึ้นได้ เขาแตะแก้มที่บวมและจ้องไปที่ร่างของเอี้ยนลี่เฉียงในระยะไกล
“เจ้าคอยดูเถอะ.”
เขาพูดอย่างฉุนเฉียวก่อนจะคลานไปยังอีกฟากหนึ่งของตลาดและหายตัวไป…
“นายน้อย ชายผู้นั้นคืออู๋เต้า เขาเป็นนายหน้าจากหอคอยพระจันทร์ขึ้นในเมืองหูซึ่งเป็นคนชั่วร้ายไร้เหตุผล ตอนนี้เจ้าทุบตีเขาแล้วเจ้าต้องรีบหนีออกจากเมืองนี้ไม่เช่นนั้นคุณชายของเขาจะส่งคนมาตามล่าเจ้าอย่างแน่นอน
อู๋เต้าเป็นคนเลวทรามต่ำช้าเจ้าไม่สามารถตกอยู่ในมือของเขาได้ ชายหนุ่มนับไม่ถ้วนที่เพิ่งมาถึงเมืองหูได้กลายเป็นเหยื่อของเขาแล้ว…” ก่อนที่เอี้ยนลี่เฉียงจะไปได้ไกลชายชราผู้ใจดีเดินเข้ามาหาเขาจากด้านหลังบนถนน
เขากระซิบเตือนเอี้ยนลี่เฉียงด้วยกลัวว่าชายคนนั้นที่อาจจะกลับมาเพื่อแก้แค้น
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า ขอสอบถามหน่อยว่าหอคอยพระจันทร์อยู่ที่ไหน” เอี้ยนลี่เฉียงกระพริบตาด้วยความอยากรู้
“นั่นเป็นสถานที่ที่ไม่มีผู้หญิงพวกเขาเป็นผู้ชายที่แสวงหาความสุขกับผู้ชายด้วยกัน ผู้อุปถัมภ์ของสถานที่แห่งนั้นเขาเลี้ยงดูพี่เลี้ยงชายไว้มากมาย”
แสวงหาความสุขจากผู้ชายด้วยกัน?
เอี้ยนลี่เฉียงแทบสำลักเมื่อได้ยินคำนั้น ที่เรียกว่า ‘พี่เลี้ยงชาย’ เหล่านี้คือพวกที่เป็นผู้ชายขายตัวและแต่งตัวเป็นสตรีเพื่อเอาใจผู้อุปถัมภ์ของเขา
คนที่ชื่ออู๋เต้าเป็นคนที่มีหน้าที่คอยหลอกล่อเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ความให้ตกเป็นเหยื่อของผู้อุปถัมภ์หอคอยพระจันทร์!
อะไรวะ!
นี่เป็นครั้งแรกที่สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเอี้ยนลี่เฉียงตลอดสองช่วงชีวิตของเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะเจอปัญหาแบบนี้เพราะหล่อเหลาเกินไป
หลังจากให้คำเตือนอย่างนุ่มนวลแก่เอี้ยนลี่เฉียงชายชราผู้ใจดีก็แยกทางกับเขา เพราะคงจะกลัวว่าใครบางคนจากหอคอยพระจันทร์จะมาล้างแค้น
เพียงไม่กี่นาทีที่แล้วเอี้ยนลี่เฉียงยังคิดหาวิธีหาเลี้ยงชีพจากการวาดภาพ แต่พริบตาคนพวกนั้นก็ทำลายความสงบในชีวิตของเขาไป
เอี้ยนลี่เฉียงเดินครุ่นคิดไปเรื่อยๆ เขาค่อยๆหรี่ตาลงเนื่องจากเขากำลังเดินเข้าสู่บริเวณตลาด
ตลาดเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มมากมาย มีแผงขายของตั้งเรียงรายริมถนน เอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถซื้อของได้ดังนั้นเขาจึงเดินไปเรื่อยๆแต่เพียงไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงสายตามุ่งร้ายที่มองมา
เมื่อเขาพยายามที่จะอ้อยอิ่งอยู่หน้าแผงขายขนมเอี้ยนลี่เฉียงก็แอบมองฝูงชนที่อยู่ข้างหลังเขา เขาค้นพบชายสองคนในวัยสามสิบซึ่งตามหลังเขามาแต่ไกล
แม้ว่าตลาดจะแออัดแต่ชายทั้งสองก็พยายามกลมกลืนกับฝูงชนและแสร้งทำเป็นว่ามาซื้อของรอบๆ ระยะห่างระหว่างพวกเขากับเอี้ยนลี่เฉียงมีถึงเจ็ดสิบหรือแปดสิบจ้าง แต่เอี้ยนลี่เฉียงยังคงตรวจจับพฤติกรรมแปลกๆของพวกเขาได้
ทั้งคู่แต่งกายด้วยชุดนักบู๊สีดำที่ทันสมัย ใบหน้าของพวกเขาซีดและสายตาของพวกเขาดูน่ากลัว ทุกคนสามารถบอกได้ในพริบตาว่าพวกเขาไม่ใช่คนดี
เอี้ยนลี่เฉียงจงใจวนอ้อมตลาดสองสามรอบ ทั้งสองยังคงติดตามเขาต่อไปเช่นกัน ไม่ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะไปไหนพวกเขาก็ตามมาด้วย เหตุนี้เอี้ยนลี่เฉียงลี่เฉียงจึงมั่นใจในสิ่งหนึ่ง
เขาเดาว่าน่าจะเป็นเพราะตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านและยุ่งมาก ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่กล้าที่จะลงมืออย่างเปิดเผยเพราะกลัวว่าคนทั่วไปจะโกรธแค้น ดังนั้นพวกเขาจึงสะกดรอยตามเขาก่อน
เอี้ยนลี่เฉียงพบกับแผงขายเนื้อย่างที่เจริญรุ่งเรืองเป็นพิเศษ โดยมีผู้คนจำนวนมากยืนรอเลือกอาหารอยู่ตรงหน้า เถ้าแก่ดูเหมือนจะยุ่งมาก ดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงเข้าร่วมฝูงชนและเฝ้าดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะจากไป
มีทางออกเส้นเล็กๆในตลาด หลังจากออกสำรวจตลาดครั้งหนึ่งแล้วเอี้ยนลี่เฉียงก็กลับมาที่ทางเข้าที่เขาเข้ามาจากก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกจากเมืองทันที
ครึ่งนาทีต่อมาอู๋เต้าที่มีใบหน้าบวมก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วที่ทางเข้าตลาดนี้พร้อมกับชายสองคนนั้น
“เจ้าตัวเล็กนั่นอยู่ที่ไหน” อู๋เต้ากัดฟันและตะโกนออกมาอย่างดุเดือด
“พี่อู๋ดู…!” คนในชุดดำชี้ไปให้เห็นทางเข้าของตลาด
“เจ้าหนูนั่นกำลังหนีไป…!”
อู๋เต้าเงยหน้าขึ้นและเห็นร่างที่วิ่งอยู่ในระยะไกลกว่า 200 วาภายใต้แสงจันทร์ จะเป็นใครอีกถ้าไม่ใช่เอี้ยนลี่เฉียง?
“ตามมันไป!” อู๋เต้าไม่เสียเวลาเขาพาอีกสองคนไล่ตามเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาตามเอี้ยนลี่เฉียงทันเขาไม่เพียงแค่ต้องการแก้แค้นเอี้ยนลี่เฉียงเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเงินอู๋เต้าจะปล่อยให้สมบัติเช่นเอี้ยนลี่เฉียงหลุดมือไปจากเขาได้อย่างไร?
โชคดีที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อู๋เต้าและอีกสองคนทำเรื่องนี้ ทั้งสามคนวิ่งไล่ตามเอี้ยนลี่เฉียงโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเอี้ยนลี่เฉียงวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม นำคนสามคนที่อยู่ข้างหลังเขาไปยังถนนที่เขามองเห็นในตอนกลางวัน
…
ในขณะนี้ ฝูงชนที่หน้าแผงขายเนื้อย่างที่ตลาดเริ่มเบาบางลงเล็กน้อย เถ้าแก่แผงขายเนื้อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าขอเกี่ยวเนื้อตัวหนึ่งที่เขาใช้แขวนเนื้อย่างนั้นหายไป
…
ยิ่งพวกเขาอยู่ห่างจากเมืองหูมากเท่าไร ผู้คนที่อยู่ตามถนนก็น้อยลงมากเช่นกัน นักเดินทางก็หายวับไปเมื่อหมู่บ้านที่สว่างไสวหายไปข้างถนน
ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มมืดลงและทุ่งนาก็หายากขึ้น ในขณะที่วัชพืชและต้นไม้กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไป
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไอ้สารเลว!” อู้เต้าตะโกนพร้อมกับไล่ตามมา เมื่อถึงจุดนี้ ระยะห่างระหว่างพวกเขากับเอี้ยนลี่เฉียงก็ลดลงกว่าครึ่ง สิ่งนี้กระตุ้นพวกเขาทั้งสามและพวกเขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้
การวิ่งใช้เวลาประมาณสามสิบถึงสี่สิบนาที พวกเขาวิ่งต่อไปจนกระทั่งอยู่ห่างจากเมืองหูไปสิบลี้ ภายใต้การจ้องมองของชายทั้งสามเอี้ยนลี่เฉียงรีบวิ่งเข้าไปในป่าข้างถนนอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งสามก็เดินตามไปโดยไม่คิดอะไรเลย
ณ จุดนี้บนถนนคนไม่มากนัก
“ระวัง…” อู๋เต้าหน้าซีดจากการวิ่ง
“ระวังนะ เผื่อว่าไอ้ตัวเล็กกำลังพยายามลอบโจมตีเรา…”
“อาจารย์อู๋เพวกเรามีกันสามคน จะกลัวอะไรกับเด็กอายุสิบสี่ปีถ้ามันกล้าปรากฏตัวขึ้นข้าจะบีบคอมันเอง…” คนข้างๆอู๋เต้าพูดขณะหอบ
…
อู๋เต้าและคนอื่นๆ เข้าไปในป่าหลายร้อยวาในพริบตา พวกเขาทั้งสามลืมตาขึ้นและค้นหาร่างของเอี้ยนลี่เฉียงในป่าด้วยกรามที่ขบแน่น
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นใกล้พุ่มไม้ใต้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งสามคนรีบวิ่งไปทันทีโดยไม่ทันคิดและแยกพุ่มไม้ออก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรซ่อนอยู่ในพุ่มไม้…
เมื่อทั้งสามคนงุนงง เงาดำก็ปรากฏขึ้นข้างหลังพวกเขาอย่างเงียบๆและห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ต้นหนึ่งข้างๆพวกเขา
เอี้ยนลี่เฉียงห้อยตัวลงมาจากต้นไม้ด้วยขา ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างเย็นชาและเขาถือตะขอเหล็กยาวอยู่ในมือ
“แปลก อาจจะเป็นหนูหรือกระต่าย?” ขณะที่ชายชุดดำที่ถือกริชหันศีรษะไปรอบๆ ดวงตาของเขาก็พบกับเอี้ยนลี่เฉียงที่ห้อยศีรษะคว่ำลงมา ระยะห่างระหว่างพวกเขาน้อยกว่าสองจ้าง
ก่อนที่คนๆนั้นจะกรีดร้องเอี้ยนลี่เฉียงได้ฟาดฟันตะขอเหล็กในมือของเขาออกไปแล้ว ตะขอที่แหลมคมแทงทะลุดวงตาของเขาและเจาะเข้าไปในสมองทันที ชายคนนั้นทรุดตัวลงก่อนที่เขาจะพูดอะไร
เอี้ยนลี่เฉียงกระโดดลงจากต้นไม้ด้วยการม้วนตัว ทันทีที่ชายชุดดำอีกคนได้ยินการเคลื่อนไหวข้างหลังเขาจึงรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
แต่ตะขอในมือของเอี้ยนลี่เฉียงได้แทงทะลุคอของเขาแล้ว ชายผู้นั้นกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังมือของเขาปิดอยู่ที่คอของตัวเองก่อนที่จะทรุดตัวลง
การปรากฏตัวที่คาดไม่ถึงของเอี้ยนลี่เฉียงและเสียงกรีดร้องของชายชุดดำทำให้อู๋เต้าที่อยู่ข้างๆตกใจ เขาส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวก่อนจะรีบตะเกียกตะกายออกจากป่าโดยทิ้งเพื่อนทั้งสองของเขาไว้ที่นั่น
เอี้ยนลี่เฉียงพลิกตัวลุกขึ้น แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถไล่ตามหวู่เต้าได้ทันเวลา เขาจึงหยิบหินขนาดเท่ากำปั้นขึ้นจากพื้นแล้วเหวี่ยงมันไปที่หวู่เต้าอย่างทรงพลัง
ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่มากนัก ดังนั้นก้อนหินจึงกระแทกขาของอู๋เต้าทำให้เขาล้มลงด้วยเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวช
เลือดสดไหลออกมาราวกับสายน้ำชายชุดดำคนที่ 2 ยังคงมีชีวิตอยู่ เขาเอามือปิดแผลที่คอขณะที่มองดูเอี้ยนลี่เฉียงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาด้วยความตื่นตระหนก
เอี้ยนลี่เฉียงยกตะขอที่ดูเย็นยะเยือกและน่ากลัวขึ้นสูงในอากาศภายใต้แสงจันทร์ เขาดูเหมือนพญายมที่ออกมาจากอเวจี
“ไม่…”
ตะขอที่เอี้ยนลี่เฉียงถือไว้ก็ตกลงมาจากด้านบนอย่างรุนแรง
เอี้ยนลี่เฉียงเหวี่ยงอาวุธในมืออย่างเย็นชาและแทงลงไปด้วยความโหดเหี้ยมไร้ปราณี ปลายแหลมของตะขอมุ่งไปที่ส่วนสำคัญของชายคนนั้น คอของเขา หัวของเขา
ครั้งหนึ่ง… สองครั้ง… สามครั้ง… สี่ครั้ง… สิบครั้ง…
เลือดกระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่งเลือดจากร่างกายของชายคนนั้นปกคลุมไปทั่วใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียง
หลังจากถูกแทงมากกว่าสิบครั้ง คนที่อยู่บนพื้นก็หยุดหายใจและร่างกายของเขาก็กลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน
เอี้ยนลี่เฉียงเช็ดเลือดที่กระเซ็นบนใบหน้าของเขาออกและหันกลับมาหาอู๋เต้าที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปได้ไกล
อู๋เต้าคลานไปได้ไม่กี่วา หินที่เอี้ยนลี่เฉียงขว้างใส่เขาก่อนหน้านี้ทำให้หน้าแข้งของเขาหักทันที และเขาไม่สามารถยืนขึ้นได้ในตอนนี้
เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวที่มาจากด้านหลังอู๋เต้าซึ่งกำลังคลานอยู่บนพื้นก็หันศีรษะไปรอบๆทันที สายตาของเอี้ยนลี่เฉียงและใบหน้าเปื้อนเลือดของเขาทำให้อู๋เต้าตกใจกลัว
“ข้ามาจากหอคอยพระจันทร์ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรข้า…” อู๋เต้ากรีดร้อง
เอี้ยนลี่เฉียงยังคงนิ่งเงียบ เขาเดินไปหาอู๋เต้าและไม่พูดอะไรก่อนจะกระหน่ำแทงตะขอเข้าใส่อู๋เต้าอย่างบ้าคลั่ง
ร่างกายของอู๋เต้ากระตุกและบิดด้วยความเจ็บปวด ตะขอถูกดึงออกมาอย่างไร้ความปราณีและแทงซ้ำเข้าไปอีกครั้ง
ผ่านไปสิบกว่าครั้ง อู๋เต้าก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
ป่ามืดครึ้มมีกลิ่นเลือดฟุ้งกระจาย