140 – ถูกปฏิเสธ
เอี้ยนลี่เฉียงออกจากสถานที่ลงทะเบียนอย่างผิดหวัง เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะล้มเหลวในการเข้าเป็นนักเรียนของนิกายภูเขาวิญญาณ
ความฝันที่จะแข็งแกร่งขึ้นถูกทำลายโดยความจริงอันโหดร้ายในชั่วพริบตา
ก่อนจะมาที่นี่เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้คาดหวังว่านิกายภูเขาวิญญาณจะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดเช่นนี้เมื่อกล่าวถึงภูมิหลังของผู้สมัคร
เอี้ยนลี่เฉียงทำหน้าบึ้ง นิกายภูเขาวิญญาณไม่ได้เป็นคนผิด เป็นเขาที่มองข้ามข้อเท็จจริงที่สำคัญเช่นนี้
มีนิกายหลักหลายนิกายเช่นนิกายภูเขาวิญญาณและมันเป็นบรรทัดฐานสำหรับพวกเขาที่จะตรวจสอบประวัติอย่างเข้มงวดก่อนที่จะรับสมัครลูกศิษย์ทุกครั้ง
มีเพียงละครปัญญาอ่อนทางทีวีในชีวิตก่อนหน้าของเขาเท่านั้นพี่จะรับลูกศิษย์อย่างง่ายดาย
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไป แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างภูมิหลังที่เหมาะสมสำหรับตัวเขาเองขึ้นจากอากาศ
การหลอกลวงของเขาจะถูกเปิดเผยได้อย่างง่ายดายเมื่อนิกายภูเขาวิญญาณส่งคนไปค้นหาความจริงและเขาจะไม่สามารถอยู่ในนิกายภูเขาวิญญาณได้อย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะถูกสังหารด้วยซ้ำ
เอี้ยนลี่เฉียงถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตในสายตาของหลายๆคน แล้วเขาจะบอกว่าเขาได้เกิดใหม่อย่างนั้นหรือ? และบ้านเกิดของเขาคือเมืองหลิวเหอซึ่งตั้งอยู่ในเขตชิงไห่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นผิงซี?
ในขณะนั้นเมืองประจำมณฑลหูที่เฟื่องฟูไม่ได้ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงสนใจอีกต่อไป
มันต้องมีสักทาง… ต้องมีสักทางหนึ่ง…! ถ้าเขาไม่สามารถเข้าร่วมนิกายภูเขาวิญญาณได้ ก็มีนิกายอื่นเช่นกัน…
นั่นคือสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงบอกตัวเอง เขายังคงจำคำพูดของคนขับเกวียนเมื่อวันก่อนได้ มีอีกนิกายหนึ่งในมณฑลหู นิกายหลงหู่ ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาหลงหู่ เขาสามารถไปเสี่ยงโชคที่นั่นได้
…
ภูเขาหลงหู่กว้างหนึ่งหมื่นลี้และอยู่ห่างจากเมืองหูแปดร้อยลี้ มันขยายออกไปอย่างต่อเนื่องข้ามขอบฟ้าและเป็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในมณฑลหู
นี่เป็นนิกายเดียที่สามารถยืนหยัดร่วมกับนิกายภูเขาวิญญาณในมณฑลหูได้ หากนิกายภูเขาวิญญาณถูกกล่าวขานว่าเป็นมังกรของมณฑลหู ดังนั้นสำนักหลงหู่ก็คือเสือของมณฑลหูนั่นเอง
ห้าวันต่อมาเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงประตูหลักของนิกายหลงหู่
…
“นิกายหลงหู่จะรับสมัครลูกศิษย์รุ่นใหม่ในช่วงเดือนจันทรคติที่สามของทุกปี แต่ผู้สมัครจะต้องมีภูมิหลังที่ชัดเจน ผู้ที่ไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนได้จะถูกปฏิเสธ
นั่นคือหลักปฏิบัติของนิกายหลงหู่มาหลายร้อยปี มันก็เหมือนกันสำหรับนิกายอื่นๆทั้งหมด หนุ่มน้อยเจ้าออกไปได้แล้ว … “
คำพูดของเจ้าหน้าที่รับสมัครที่ทางเข้าหลักของนิกายหลงหู่เป็นเหมือนถังน้ำเย็นที่สาดใส่เอี้ยนลี่เฉียงทำให้จิตวิญญาณของเขาดับลง .
กฎดังกล่าวก็เหมือนกันสำหรับนิกายนิกายภูเขาวิญญาณและนิกายโดดเด่นอื่นๆ การไม่สามารถให้ต้นกำเนิดที่ชัดเจนเป็นอุปสรรคที่ปิดกั้นเอี้ยนลี่เฉียงออกจากนิกายทั้งหมด
ด้วยความขมขื่นในใจเอี้ยนลี่เฉียงออกจากทางเข้านิกายหลงหู่ด้วยก้าวหนักๆขณะที่มุ่งหน้าลงจากภูเขา
ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงหรือ? เอี้ยนลี่เฉียงตะโกนในใจ
ในโลกนี้ศิลปะการต่อสู้และวิชาลับทั้งหมดได้รับการฝึกฝนโดยนิกายหลักและตระกูลขุนนาง วิชาลับของเหล่าขุนนางบุคคลภายนอกย่อมไม่มีสิทธิ์ได้เรียนรู้
เมื่อการเข้าสู่นิกายหลักของอาณาจักรเขาก็ถูกปฏิเสธอีก แล้วเขาจะไปเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้จากที่ไหน?
…
ทิวทัศน์บนภูเขาหลงหู่นั้นสวยงามมาก มีต้นไม้และหินกระจายอยู่ทั่วด้านหน้าของภูเขา
เอี้ยนลี่เฉียงอยู่ในความงุนงงขณะที่เขาเดินลงมาจากภูเขา ในสายตาของเขา ทิวทัศน์ที่สวยงามนั้นไม่น่าสนใจราวกับกระดาษธรรมดา
ขณะที่เขากำลังเดินทาง มีเสียงหนึ่งดึงดูดความสนใจของเอี้ยนลี่เฉียง
“ไอ้หยา ช่วยด้วย”
ดูเหมือนจะเป็นคนที่คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด และคนคนนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากเขา
เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปในทิศทางของบุคคลนั้น หลังจากเลี้ยวที่มุม เอี้ยนลี่เฉียงก็พบชายชราผมขาวสวมชุดผ้าขี้ริ้วถือตะกร้าไว้บนหลัง ชายชรานั่งข้างถนน คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ดูจากเสื้อผ้าแล้ว ชายชรามาจากครอบครัวที่ยากจนและคงจะขึ้นเขามาเพื่อเก็บสมุนไพร
มีหน้าผาอยู่ทางด้านซ้ายของถนน มีหินรูปร่างแปลกประหลาดและขนาดต่างๆกระจายอยู่ประปราย
หินขนาดเท่าแตงโมกระจัดกระจายไปทั่วถนนบนภูเขา ขาของชายชราที่อยู่ใต้เข่าซ้ายบิดเบี้ยวเป็นมุมแปลกๆ ขาของเขาต้องหักแน่ๆ
ใบหน้าของชายชราซีดขาวและเหงื่อหยดลงบนหน้าผากอย่างล้นเหลือ เขาดูเหมือนไม่สามารถยืนขึ้นได้เลย
“อ๊ะ! เกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโส…?”
“วันนี้ข้ามาที่ภูเขาหลงหู่เพื่อเก็บสมุนไพร จู่ๆก้อนนี่ก็ตกลงมาถูกขาของข้า ขาข้าคงหักแล้วคิดว่าคงจะเดินไม่ได้อีก” ชายชรากล่าวอย่างเหนื่อยยากร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
ภูเขาหลงหู่เป็นสถานที่ที่สวยงาม นอกจากนิกายหลงหู่ที่อยู่บนยอดเขาแล้ว ทิวทัศน์ที่สวยงามยังมักจะดึงดูดผู้มาเยือนอีกด้วย
มีสมุนไพรและพืชแปลกๆมากมายที่ปลูกบนภูเขาเช่นกัน ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงเดินทางไปยังสำนักหลงหู่ เขายังเห็นนักท่องเที่ยวและผู้คนที่อยู่ที่นั่นเพื่อรวบรวมสมุนไพร
พวกเขาไม่ได้มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกับเขาแต่ไปตามทางแยกต่างๆ ชายชราคนนี้น่าจะพูดความจริง
เอี้ยนลี่เฉียงคุกเข่าและตรวจสอบอาการบาดเจ็บของชายชรา ขาของเขาบวมและจากรูปร่างของกระดูกของเขา อาการบาดเจ็บนั้นร้ายแรงมาก
“ผู้อาวุโสมาที่นี่คนเดียวหรือ หากท่านมีเพื่อนร่วมทางอยู่ใกล้ๆข้าจะส่งท่านไปหาพวกเขา”
“ข้ามาคนเดียว…” ชายชราส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นบ้านของท่านอยู่ที่ไหน”
“ข้าอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆไม่ไกลจากภูเขาหลงหู่ หนุ่มน้อยเจ้าช่วยพาข้าไปส่งบ้านได้หรือไม่”
แม้จะมีถนนหนทางมากมาย แต่คงเป็นการยากลำบากมากที่จะแบบชายชราคนหนึ่งเดินลงเขาถึงยี่สิบลี้
“เอาล่ะ พวกเราไปกันช้าๆก็แล้วกัน…” เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้คิดมากอะไรนักหนาเขาแบกชายชราไว้บนหลังก่อนจะเดินลงเขาไป
“หนุ่มน้อยเจ้าเป็นคนดีจริงๆขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก” ชายชรารู้สึกซาบซึ้ง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ยังไงข้าก็ต้องลงเขาอยู่แล้ว”
“ถนนที่นี่ค่อนข้างลื่นเจ้าระวังด้วย…”
“ไม่ต้องกังวลผู้อาวุโส…”
สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงพี่อุ้มชายชราคนหนึ่งซึ่งมีน้ำหนักประมาณ เจ็ดสิบจินก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากอะไร
“หนุ่มน้อย เจ้ามาจากไหน…”
ขณะที่พวกเขาเดินทางลงจากภูเขา ชายชราได้พูดคุยกับเอี้ยนลี่เฉียง
“ข้าไม่มีบ้าน…” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มเศร้า
“เจ้าล่องลอยไปในวัยหนุ่มเช่นนี้ แล้วพ่อแม่ของเจ้าล่ะ…”
“พวกเขาล่วงลับไปแล้ว…”
“ไม่คิดว่าเจ้ายังหนุ่มแน่นแต่ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์แบบนี้” ชายชราถอนหายใจ
“ยังมีคนอีกมากที่โชคร้ายกว่าข้า! อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ยังมีแขนขาอยู่”
“หนุ่มน้อยเจ้าค่อนข้างมองโลกในแง่ดี เจ้าดูไม่เหมือนเด็กเลยความคิดของเจ้าคล้ายกับผู้ใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน!”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกในฐานะมนุษย์เราก็ควรจะทำตัวให้มีความสุข ไม่เช่นนั้นชีวิตของเราจะลำบากไปเสียเปล่าๆ”
มันเป็นโอกาสที่หายากกว่าจะได้เจอผู้รู้ใจ ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงสามารถสนทนากับชายชราโดยไม่รู้สึกเบื่อ