163 – แก้ไขเรื่องทุกอย่าง
หมู่บ้านตั้งอยู่ครึ่งทางบนเนินเขา มีประชากรประมาณสามร้อยครอบครัว ด้านล่างของหมู่บ้านเป็นถนนสาธารณะที่เชื่อมกับอีกสองมณฑลทางตะวันตกของแคว้นผิงซี
เนื่องจากไม่มีเมืองใหญ่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนนสายนี้ จึงมีคาราวานและคนเดินถนน จํานวนน้อยกว่าปกติมาก
ดังนั้นหมู่บ้านและเมืองทางตะวันตกของเมืองผิงซีจึงมีความเจริญน้อยกว่าทุกที่ในเมืองอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเทียบกับหมู่บ้านและเมืองทางตะวันออกและทางใต้ หมู่บ้านนี้จึงมีความยากจนข้นแค้นจนไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในเมืองหลวงของมณฑล
หมู่บ้านอู๋หยางไม่เพียงแต่ยากจนกว่าที่อื่นๆ แต่ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของสุสานอนาถาอีกด้วย
มันเป็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคลเกินไปเนื่องจากหลุมฝังศพที่ใหญ่ที่สุดของเมืองผิงซีตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของเนินเขาที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านอู๋หยาง
ศพนิรนามซึ่งเสียชีวิตจากสาเหตุหลายประการในบริเวณรอบๆเมืองผิงซี มักจะถูกลากมาฝังที่นี้เป็นประจํา
ใครในโลกนี้ที่อยากจะนอนอยู่ข้างสุสานขนาดใหญ่? ดังนั้นคนที่มีความสามารถในการหาเงินก็มักจะออกจากหมู่บ้านแห่งนี้และไม่กลับมาอีก
นอกจากเอี้ยนลี่เฉียงแล้ว ยังไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดเอี้ยนลี่เฉียงจึงเลือกมาที่นี่
เมื่อมาถึงหมู่บ้านอู๋หยางท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
มีโรงเตียมขนาดเล็กและร้านอาหารสองแห่งในหมู่บ้านอู๋หยางใกล้กับถนนสาธารณะ เอี้ยนลี่เฉียงได้ห้องพักในโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่งและพักอยู่ที่นั่น
หลังจากนั่งลง เขาก็ทานอาหารแบบสบายๆที่โรงเตี้ยมและเรียกผู้รับใช้มาถาม
“ให้ข้าช่วยยังไงขอรับนาย”
“แถวๆนี้มีบ้านว่างหรือเปล่า”
“แน่นอน ทั้งให้เช่าและขาย!”
“ถ้าอย่างนั้น หานายหน้าให้ข้า แล้วให้เขานําทางข้าไปดูบ้านในบ่ายวันพรุ่งนี้!” เอี้ยนลี่เฉียงบอกกับผู้รับใช้พร้อมกับวางเศษเงินใส่มือเขาประมาณ 20 เหรียญทองแดง
เด็กรับใช้คนนั้นยิ้มออกมาพร้อมกับตบหน้าอกของตัวเอง
“ไม่มีปัญหา แต่ทําไมนายท่านถึงต้องการจะซื้อบ้านในหมู่บ้านอู๋หยางหรือขอรับ ที่นี่ไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น!”
“ที่นี่เงียบสงบและค่าครองชีพต่ํา” เอี้ยนลี่เฉียงมีสีหน้าจริงจัง
“บอกตามตรง พรุ่งนี้ข้าจะไปรายงานตัวที่สถาบันศิลปะการต่อสู้ของแคว้นผิงซีและข้าจะอาศัยอยู่ที่นั่นถึงหกปี ค่าครองชีพรวมถึงของใช้ประจําวันในเมืองนั้นแพงกว่ามากเมื่อเทียบกับข้างนอก หากจะอาศัยอยู่ในระยะยาวข้าก็ต้องรู้จักประหยัดเงิน!”
“อ๊ะ ข้าต้องขออภัยท่านด้วยนายท่าน ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของสถาบันการต่อสู้ของแคว้นจึงอาจใช้คําพูดลบหลู่ท่านไป!” เด็กรับใช้คนนั้นรีบขอโทษเอี้ยนลี่เฉียง
แต่สีหน้าของเขาไม่ได้มีความแปลกใจอะไรเมื่อได้ยินว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นลูกศิษย์ของสถาบันศิลปะการต่อสู้
ในพื้นที่ชนบทของมณฑลต่างๆภายในแคว้นผิงซีการหานักเรียนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามในเมืองผิงซี เป็นเรื่องปกติมากที่จะเดินสวนกันกับนักเรียนของสถาบันศิลปะการต่อสู้อยู่เป็นประจํา
“พูดตามตรง นายท่านคิดถูกแล้วที่จะเลือกหมู่บ้านอู๋หยาง เพราะว่าหมู่บ้านนี้ถือได้ว่ามีค่าครองชีพถูกที่สุดของเมืองแล้ว!
นักเรียนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้เคยเช่าที่นี่อาศัยอยู่ไม่น้อยเพราะที่นี่ถูกกว่าที่จะอาศัยอยู่ในระยะยาว นอกจากการเดินทางไกลซึ่งต้องใช้ความอดทนบ้าง ที่นี่ก็ถือว่าดีทุกอย่าง!”
“ใช่ นั่นคือสิ่งที่ข้ากําลังคิด!”
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเอี้ยนลี่เฉียงก็ฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นสี่รอบในห้องของเขาก่อนที่เขาจะนอนหลับ
ความคิดไม่รู้จบของเอี้ยนลี่เฉียงวิ่งวนอยู่ในสมองของเขาราวกับคลื่นกระแสน้ํา มันทําให้เขาพลิกตัวไปมาบนเตียง ก่อนจะหลับไหลไปอย่างยากลําบาก
แต่ในคืนนั้นการนอนของเอี้ยนลี่เฉียงก็ถูกรบกวนโดยความฝันของเขา เขามีความฝันที่แปลกประหลาดซึ่งมีเรื่องราวมากมายหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขาราวกับภาพนิมิต
เขาฝันว่าหินในใจเขาถูกเรียกว่าศิลาสวรรค์ และพื้นที่ที่เขาเข้าไปถูกเรียกว่าอาณาจักรสวรรค์
ภายในอาณาจักรสวรรค์มีโลกและจักรวาลคู่ขนานนับไม่ถ้วนควบคู่ไปกับความเป็นจริง
เมื่อเขาสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองมากพอในที่สุดเขาก็จะสามารถเดินทางผ่านสองโลก ทั้งในชีวิตที่กําลังศึกษาอยู่ในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งโลกที่เขาอยู่ตอนนี้ด้วย
เอี้ยนลี่เฉียงตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เขานอนอยู่บนเตียงและใช้เวลานานในการทบทวนความฝันที่แปลกประหลาดเหล่านั้น เขาไม่แน่ใจว่าความฝันเหล่านั้นเป็นจริงหรือเป็นเพียงจินตนาการที่เกิดจากการจิตใต้สํานึกของเขาเอง
หลังจากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงเพียงแค่ลุกขึ้นและอาบน้ําหลังจากรับประทานอาหารเช้าเขา ก็ฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นอีกครั้ง
เมื่อแน่ใจว่าสมาธิของตัวเองขึ้นสู่ระดับสูงสุดแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงจึงออกจากโรงเตี้ยมของหมู่บ้านอู๋หยาง เขาซื้อซาลาเปานึ่งสองชิ้นที่ริมถนนและเดินไปที่ประตูเมืองทางทิศตะวันตกพร้อมกับรับประทานซาลาเปาไปด้วย
เอี้ยนลี่เฉียงเข้าสู่เมืองผิงซีหลังจากจ่ายค่าธรรมเนียม 2 เหรียญทองแดง จากนั้นเขาก็เดินต่อไปจนกระทั่งถึงสถาบันศิลปะการต่อสู้ที่ตั้งอยู่บนภูเขาพันวาในเมืองผิงซี
นักเรียนมากมายต่างกําลังเข้าแถวเพื่อรายงานตัว เอี้ยนลี่เฉียงจึงเดินไปต่อที่ท้ายแถว
เนื่องจากเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงเร็วกว่า “ครั้งสุดท้าย” ที่สือฉางเฟิงส่งเขามาที่นี่เขาจึงพบ เห็นนักเรียนมากมายซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สําหรับเขา
อย่างไรก็ตามขั้นตอนยังคงเหมือนเดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
เอี้ยนลี่เฉียงรายงานชื่อของเขาและได้รับการยืนยันตัวตนพร้อมกับประทับลายนิ้วมือ และในที่สุดเขาก็ได้รับบัตรประจําตัวนักเรียน ดังนั้นการรายงานตัวของเขาจึงเสร็จสมบูรณ์
เมื่อเขาหันกลับมาและกําลังจะจากไป จู่ๆก็มีคนเดินเข้ามาในสายตาของเขา ฉีตงไหล!
ฉีตงไหลมาเพื่อรายงานตัวด้วย แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะพบ เอี้ยนลี่เฉียงที่นี่
การแสดงออกบนใบหน้าของเขาแข็งที่อเล็กน้อย ฉีตงไหลรีบเดินออกไปให้พ้นสายตาของเอี้ยนลี่เฉียง
ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันมากนักและเดินผ่านกันราวกับว่าพวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
…
เอี้ยนลี่เฉียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับตัวเองไม่ให้ลงมือสังหารฉีตงไหล
ครั้งแรกที่ฉีตงไหลทรยศต่อเอี้ยนลี่เฉียงคือร่วมมือกับตากูลหงหลังจากการทรยศครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องฉีตงไหล เขาคิดว่าฉีตงไหลควรจะสํานึกแล้ว
แต่เอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าฉีตงไหลจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหนุ่มแห่งตระกูลหวังในเมืองหวงหลง หวังฮ่าวเฟยคนนั้นนั่นเอง
ถ้าไม่ใช่เพราะฉีตงไหลที่ให้ข้อมูลกับหวังฮ่าวเฟยพ่อของเขาจะไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเย่เซียว เมื่อมาเยี่ยมเขาในเวลานั้น บางทีเขาอาจจะไม่ได้หุนหันพลันแล่นและหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายหลังสามารถหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้นฉีตงไหลจะไม่สามารถรอดพ้นความตายไปได้ในครั้งนี้
โชคร้ายที่ชีวิตที่แล้วถึงเขาจะฆ่าเช่เซียวและหวังฮ่าวเฟยได้ แต่กลับปล่อยให้ฉียงไหลมีรอดไปในที่สุด ดังนั้นเขาจะไม่ทําพลาดในเรื่องนี้อีก
หลังจากรายงานตัวที่สถาบันศิลปะการต่อสู้แล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็ซื้อของใช้จําเป็นประจําวันในเมืองผิงซี และจ้างรถม้าเพื่อขนสิ่งของทั้งหมดของเขากลับไปยังหมู่บ้านอู๋หยาง
หลังจากที่พบปะกับนายหน้าแล้วเอี้ยนลี่เฉียงก็เลือกเช่าบ้านแห่งหนึ่งในระยะยาว 6 ปี
บ้านที่เขาเลือกมาพร้อมกับลานภายในซึ่งมีเนื้อที่ประมาณหนึ่งมู่ มันอยู่ห่างออกไปเกือบจะนอกอู๋หยาง ครอบครัวที่เคยเป็นเจ้าของบ้านนี้พอจะมีเงินดังนั้นพวกเขาจึงย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองผิงซี หมดแล้ว