ตระกูลเอี้ยน
ผมแปลแซ่ของพระเอกผิดความจริงต้องเรียกว่าแซ่เอี้ยนต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยครับ
เมืองหลิ่วเหอเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลชิงเหอตั้งอยู่ไม่ไกลหรือใกล้เกินไปจากศูนย์กลางของมณฑล อย่างไรก็ตามมันยังคงอยู่ห่างออกไปสามถึงสี่ลี้ หลังจากการประลองเบื้องต้นในวันนี้ทั้งซูฉางและฉีตงไหลได้เดินทางจากมณฑลไปจนถึงเมืองหลิ่วเหอเพื่อแจ้งให้เอี้ยนเต๋อชางทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นเอี้ยนเต๋อชางได้เดินทางไปยังสำนักศิลปะการต่อสู้ของมณฑลชิงเหอทันทีพร้อมกับทั้งสองคน
โดยปกติระยะทางสั้นๆนี้จะไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับเอี้ยนลี่เฉียงในช่วงเวลาที่เขาใช้เวลากลับบ้านทุกๆวันถือเป็นการฝึกฝนสำหรับเขา เขาจะวิ่งเป็นระยะทางอย่างน้อยสิบลี้ทุกวันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาทำได้เพียงนั่งบนเกวียนวัวที่บิดาของเขาเรียกหามาเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่รุนแรงไม่น้อย ด้วยวิธีนี้พวกเขาเริ่มเดินทางกลับไปยังเมืองหลิ่วเหอในทันที
หลังจากผ่านประตูทางออกของเมืองแล้วก็สามารถมองเห็นพื้นที่ทำการเกษตรจำนวนมหาศาลทอดยาวไปทั่วแผ่นดินได้ไกลสุดสายตา
รถลากวัวที่พวกเขาขี่มาส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดและคร่ำครวญขณะล้อไม้ที่แข็งกลิ้งไปตามถนนดิน แม้ว่ารถจะโยกเยกเล็กน้อยในขณะที่มันเคลื่อนที่ แต่ก็ยังค่อนข้างมั่นคงและรองรับน้ำหนักได้โดยไม่มีปัญหา
ปัจจุบันค่ำคืนใกล้เข้ามาแล้ว ไม่มีสัญญาณของชาวนาที่ยังคงทำงานในฟาร์มอีกต่อไป ได้ยินเพียงเสียงหนอนแมลงอยู่ด้านหลังพร้อมกับกลิ่นหอมของทุ่งนาที่ลอยไปมาในอากาศ ดวงจันทร์สว่างไสวขนาดต่างๆสามดวงค่อยๆเริ่มเผยตัวออกมาภายใต้การปกคลุมของค่ำคืน ดวงดาวที่ส่องสว่างและสุกสกาวไล่ตามดวงจันทร์และเริ่มปรากฏขึ้นทีละดวง ความว่างเปล่าที่เคยลึกลับและไร้ขอบเขตตอนนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยแหล่งพลังงานทางจิตวิญญาณซึ่งกำหนดการเคลื่อนที่ของดาวบนฟ้า
เอี้ยนเต๋อชางนิ่งเงียบในขณะที่เขานั่งอยู่ในรถลาก ให้ความรู้สึกว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง ในทางกลับกันเอี้ยนลี่เฉียงเงยหน้าขึ้นเพื่อศึกษาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เขาลิ้มรสความงามและยิ่งใหญ่ของจักรวาลในขณะที่จิตใจของเขาหลงใหลในดวงดาว ในความเห็นของ เอี้ยนลี่เฉียงแม้ว่าเขาจะแพ้ในการประลองหรือแม้แต่ตกเป็นเหยื่อของแผนการร้ายบางอย่าง แต่เขาก็ยังไม่ใช่คนที่ท้อแท้แม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามเขารู้สึกดีใจเล็กน้อยเมื่อคนอย่างเขาที่ควรจะตายไปแล้วได้รับโอกาสให้มีชีวิตอีกครั้ง เขามีความสุขที่สามารถนั่งที่นี่และดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในลักษณะนี้
คนขับรถเข็นรู้จักกับเอี้ยนเต๋อชางอยู่ก่อน ในขณะที่เขานั่งอยู่ตรงหน้าควบคุมรถเขาไม่สามารถอ่านสถานการณ์บนใบหน้าของพ่อลูกคู่นี้ได้ เขายังคงชวนสนทนาอย่างไม่หยุดพัก “วันนี้เป็นการประลองเบื้องต้นของมณฑลชิงเหอ ข้าได้ยินมานานแล้วว่าลูกชายของท่านเป็นคนที่เก่งที่สุดในเมืองหลิ่วเหอ คิดว่าการต่อสู้ในวันนี้เขาคงได้รับการจัดอันดับให้เป็นคนที่เก่งที่สุดคนหนึ่งอย่างแน่นอน! เมื่อถึงตอนนั้นเขาอาจจะได้รับโอกาสเข้าศึกษาในสำนักศิลปะการต่อสู้แห่งผิงซี และมีโอกาสกราบปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในฐานะอาจารย์ วันแห่งความสำเร็จใกล้เข้ามาแล้ว! อาจารย์เอี้ยน ใช่หรือไม่ลูกชายของฉันสามารถติดอันดับ 1 ใน 3 จริงๆ…?”
“ ไม่!” เอี้ยนเต๋อชางตอบอย่างหดหู่โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเอี้ยนเต๋อชางคนขับรถก็เหลือบมองไปข้างหลังในที่สุดเขาก็รู้ว่าเอี้ยนเต๋อชางไม่ได้อารมณ์ดี เมื่อนึกขึ้นได้เขาเผยให้เห็นรอยยิ้มเขินอายและหุบปากเงียบทันที
เมื่อรถลากห่างจากเมืองหลิ่วเหอประมาณสองลี้ มีเสียงกีบเท้าที่ดังกึกก้องค่อยๆเข้ามาหาพวกเขาเอี้ยนลี่เฉียงหันไปรอบๆ เขามองเห็นคนรับใช้ของตระกูลหงสามคนขณะที่พวกเขากำลังขี่ม้าสามตัวและไล่ตามพวกเขาจากด้านหลัง เมื่อม้าสามตัวขับแซงเกวียนวัวของพวกเขาคนรับใช้จากตระกูลหงก็ดึงบังเหียนกระตุ้นให้พวกมันทั้งสามชะลอความเร็วพร้อมขวางทางรถของพวกเอี้ยนลี่เฉียงไว้ไม่ให้ผ่านไปได้
คนรับใช้ของตระกูลหงสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินมีหนวดสองข้างที่ริมฝีปากทั้งสองข้าง การแสดงออกที่ชาญฉลาดสามารถมองเห็นได้บนใบหน้าของเขา ในทางกลับกันคนรับใช้อีกสองคนสวมชุดรัดรูปสีเทาพร้อมกับกระบี่ที่รัดที่เหน็บไว้ที่เอวทำให้เกิดกลิ่นอายของการข่มขู่เกิดขึ้น
สายตาของหัวหน้าคนรับใช้ตระกูลหงสังเกตดูคู่พ่อลูกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายและทักทาย “นี่ช่างตีเหล็กเอี้ยนไม่ใช่เหรอมันจะบังเอิญอะไรอย่างนี้!ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมาเจอกันที่นี่!”
“โอ้พ่อบ้านหงมีเรื่องต้องไปข้างนอกด้วยหรือ?” เนื่องจากคนผู้นี้ทักทายเขาอย่างกระตือรือร้นเอี้ยนเต๋อชางจึงไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินได้ ดังนั้นเขาตอบในลักษณะไม่ใส่ใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า นายน้อยหงต๋าของตระกูลหงเราได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในสามอันดับแรกในการสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ของวันนี้ เมื่อนายท่านรู้ข่าวเขารีบส่งข้าไปแจ้งข่าวดีให้กับนายท่านสามหงเทาให้ทราบเรื่อง เรากำลังจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่นายน้อยหงต๋าชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในการติดหนึ่งในสามอันดับแรกของการสอบปีนี้! การเข้าสู่สถาบันศิลปะการต่อสู้ของจังหวัดผิงซีเป็นที่แน่นอนแล้ว สำหรับลูกชายของเจ้า … โอ้ใช่ข้าได้ยินมาว่าเขาถูกนายน้อยของเราทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า? “
ใบหน้าของเอี้ยนเต๋อชางมืดลงทันที เขากำหมัดแน่นเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับอย่างแข็งกร้าวว่า “ลูกของข้าสบายดีขอบคุณพ่อบ้านหงสำหรับความห่วงใย”
“เยี่ยมมาก! ดีมากที่เขาไม่เป็นไร!” การแสดงออกของพ่อบ้านหงไม่เปลี่ยนแปลงเขายังคงยิ้มแย้มแจ่มใส “ นายท่านของข้าพูดเสมอว่าทุกคนคือครอบครัวใหญ่เราควรช่วยกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นเราได้รวบรวมยารักษาที่ดีจำนวนมากในห้องยาของเรา หากมีความจำเป็นพวกเจ้าสามารถมาเอามันไปได้ นายท่านของข้าไม่เคยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือผู้ขาดแคลน … “
” ฮึ่ม … “เอี้ยนเต๋อชางใกล้จะระเบิดเต็มทน
“ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้แรดจากตระกูลหงของเราเดินทางไปได้ไกลมากจนเกือกของพวกมันได้รับความเสียหายเล็กน้อย คงต้องรบกวนช่างตีเหล็กเอี้ยนเพื่อสร้างเกือกที่แข็งแรงสำหรับแรดของตระกูลหงในสักวันหนึ่ง หากลูกชายของเจ้าไม่ประสบความสำเร็จในปีนี้เขายังสามารถมาเป็นคนรับใช้ของตระกูลหงของเราได้! นายท่านของเราชื่นชมเด็กๆ ที่มีความสามารถเสมอฮ่าฮ่าฮ่า … ” พ่อบ้านหงหัวเราะอย่างเต็มที่ เมื่อเขาหัวเราะเสร็จเขาก็ไม่สนใจที่จะเห็นการแสดงออกของ เอี้ยนเต๋อชางและกระตุ้นให้ม้าของเขาออกไป
“รบกวนพ่อบ้านหงฝากข้อความไปถึงนายน้อยของท่านด้วยจะได้หรือไม่ ” เอี้ยนลี่เฉียงพูดขึ้นหลังจากที่เงียบมาตลอดการสนทนาของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้การเคลื่อนไหวของพ่อบ้านหงหยุดลง
ผู้ติดตามของเขาก็เช่นกัน พวกเขาจ้องมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็ถามว่า “เจ้าต้องการฝากอะไรถึงนายน้อย?”