Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 117

ตอนที่ 117 ขั้นตอนที่ผิดพลาดและเกมที่จบลง

บริเวณสี่แยก ชายหัวโล้นนั่งอยู่ในรถคํารามเสียงดังผ่านวิทยุสื่อสาร “หยงตงหายไปแล้ว รถทุกคันที่อยู่ด้านหลังเปิดไฟหน้า ถ้าเจอทางแยกให้แยกย้ายกันไป รถหนึ่งคันต่อถนนหนึ่งเส้น เราต้องไล่ตามมันให้ทันไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม!”

“รับทราบ!”

“รับทราบ!”

เสียงขานรับเซ็งแซ่ดังลอดวิทยุสื่อสาร

กริ้ง!

ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

ชายหัวโล้นกดรับสายอย่างรวดเร็วโดยไม่มองชื่อที่อยู่บนหน้าจอ “ฮัลโหล?”

เขาได้ยินเพียงเสียงลมกระโชกแรงผ่านลําโพง แต่ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย

“ฮัลโหล? พูดสิวะ!” ชายหัวโล้นตะโกนพลางเหลือบมองหมาย เลขผู้โทรเข้าร่างกายของเขาแข็งที่อทันทีที่เห็นชื่อบนหน้าจอ

“อีกไกลแค่ไหน? ฉันเห็นป้ายที่นายบอกแล้ว” เสียงของหยงตงดังลอดโทรศัพท์ “ฉันอยู่ไกลจากป้ายประมาณหนึ่งร้อยเมตร…ให้ไปต่อไหม? ต้องเลี้ยวตรงไหนอีกรึเปล่า?”

ชายหัวโล้นตกตะลึงกับเสียงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนอุทานดังลั่นพร้อมตบต้นขาของตัวเองด้วยความตื่นเต้น “ฉันคิดไว้แล้ว! หยงตงไม่มีทางทรยศเราได้ง่ายๆ!”

“พี่หยงตงโทรมาเหรอ?” คนขับรถเอ่ยถาม

“ใช่!” ชายหัวโล้นที่นั่งอยู่บนเบาะผู้โดยสารพยักหน้ารัวก่อนหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นสั่งการอีกครั้ง “ทุกคนฟังให้ดี ลดความ เร็วลง ปิดไฟหน้าและขับตรงไป ศัตรูน่าจะอยู่บริเวณป้ายด้านหน้า”

หลังจากชายหัวโล้นพูดจบ เสียงของหยวนหัวก็ดังขึ้นทันที “นายรู้ได้ยังไง? ใครบอก?”

“หยงตงโทรหาผมครับ” ชายหัวโล้นตอบกลับทันควัน “เขาคงแกล้งแปรพักตร์เพื่อหลอกให้พวกมันตายใจ…เฒ่าหยวน หยงตงไม่ได้ทรยศเรา”

หยวนหัวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าด้วยท่าที่เคร่งขรึม “ทําดี มากไอ้น้อง!”

ในทุ่งหญ้าแห้งแล้ง

แมวเฒ่ากล่าวอย่างหมดความอดทนขณะจ้องมองฉินอวี่ “หยงตงมาถึงแล้ว ทําไมยังไม่สั่งให้ลุงหม่าเคลื่อนไหว? นายกําลังเล่นอะไรอยู่?”

“รออีกแป๊บหนึ่ง อย่าเพิ่งรีบร้อน” ฉินอวี่เงยหน้า ขึ้นพร้อมตอบกลับ

“นายมัวรออะไรอยู่? มันสลัดคนอื่นได้แล้ว เราควรออกไป จับมันเดี๋ยวนี้!” แมวเฒ่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ฉันบอกให้รอก่อนไง!” ฉินอวี่ตะโกนอย่างหมดความอดทนใส่ แมวเฒ่าพร้อมใช้ฝ่ามือปิดโทรศัพท์

ริมฝีปากของแมวเฒ่าเม้มสนิททันที

สองนาทีต่อมา

หยงตงวิ่งมาถึงป้ายสัญลักษณ์พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนกรอกเสียงไปตามสาย “ฉันถึงแล้ว นายอยู่ไหน?”

“เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งไปอีกหนึ่งร้อยเมตร ฉันอยากให้พี่เข้าไปในตรอก” ฉินอวี่ออกคําสั่ง “ไปขึ้นรถอาหม่า ฉันจะให้คนอื่นสกัดลูกน้องของหยวนหัว”

หยงตงขบฟันแน่นพลางหันไปทางซ้าย และพุ่งเข้าไปในตรอกโดยไม่ปริปาก

ไม่กี่วินาที หยงตงก็มาถึงจุดที่ฉินอวี่กล่าวถึง แต่เมื่อหันไปมอง กลับไม่พบรถยนต์แม้แต่คันเดียว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขามีเพียงรถมอ เตอร์ไซค์คันเก่าที่จอดพิงกําแพง

หยงตงตะลึงงันก่อนคํารามพร้อมกําโทรศัพท์ในมือแน่น “แกเล่นบ้าอะไรอยู่วะ?”

ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ครู่หนึ่งก่อนฉินอวี่จะเปิดปากถาม “พี่มีไพ่ตายซ่อนอยู่รึเปล่า? ถ้ามีแนะนําให้พี่ใช้ซะไม่งั้นคนของหยวน หัวคงมาถึงเร็วๆ นี้แน่!”

“แม่งเอ๊ย! ฉันทิ้งไมโครโฟนไปแล้วนายยังจะเล่นแง่อะไรกับฉันอีก?!” หยงตงตะโกนด้วยความโกรธจัด “ถ้ามีไพ่ตายฉันจะตกอยู่ ในสภาพแบบนี้เหรอ?”

“โอเค” ฉินอวี่ตอบกลับด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย “ในเมื่อพี่บอกว่าไม่มี ฉันจะรออยู่ตรงทางแยกข้างหน้า”

หยงตงกวาดสายตามองรอบๆ พลางขบกรามแน่นด้วยความโมโหก่อนตะโกนเสียงดัง “นายไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ? ล้อฉัน เล่นเหรอวะ!”

“พวกเรายังวางใจไม่ได้” ฉินอวี่กล่าวตอบ “แต่มั่นใจได้ว่าครั้งนี้ฉันจะไม่หลอกพี่แล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ตรงไป ฉันจะรอพี่อยู่ตรงทางแยก พวกมันขับรถจี๊ปไม่มีทางตามเข้ามาในตรอกแคบๆ ได้ทัน”

“ทําไมถึงไม่ไปตายซะ!”

หยงตงคํารามด้วยความโมโหพร้อมปาโทรศัพท์ลงกับพื้นก่อนเดินกระทืบเท้าออกไป

ในทุ่งหญ้าแห้งแล้ง

ฉินอวี่แสดงสีหน้าครุ่นคิดพร้อมลดมือที่จับโทรศัพท์ลงช้าๆ

“เราควบคุมหยงตงไม่ได้เหรอ?” หนึ่งในลูกน้องของเฒ่าหม่า เดินเข้ามาก่อนเอ่ยถาม

ฉินอวี่ตอบกลับพลางเหลือบมองอีกฝ่าย “เขาตัดสายฉัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลูกน้องของเฒ่าหม่าจึงตําหนิด้วยท่าที่ไม่เข้าใจ “ก่อนหน้านี้เรามีโอกาสจับเขาแล้ว แต่ทําไมนายถึงไม่อนุญาตให้ เราเคลื่อนไหว? เราวิ่งวุ่นกันทั้งคืนเพื่อล้อเล่นกับหยงตงงั้นเหรอ? หมายความว่ายังไงกัน?”

ฉินอวี่มองอีกฝ่ายเงียบๆ

ลูกน้องของเฒ่าหม่าจ้องมองฉินอวี่ด้วยความขุ่นเคือง ก่อนตะโกนสั่งคนอื่นๆ “เตรียมปืนให้พร้อม เราจะไปจับตัวไอ้หยงตงกัน!”

“อย่าขยับ!” ฉินอวี่คํารามหนักแน่น “ไม่เห็นรึไงว่าพวกมันมีกัน กี่คน! จํานวนคนแค่นี้จะทําอะไรได้? ลืมสิ่งที่หม่าเหลาเอ๋อทําลงไปแล้วเหรอ?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นลูกน้องของเฒ่าหม่าพลันตัวแข็งที่อ

“รออีกสักหน่อยเถอะ!” ฉินอวี่กล่าวอย่างเคร่งเครียด “เรายังควบคุมสถานการณ์ได้ตราบใดที่ยังมีสิ่งจื่อห่าวอยู่ในกํามือ แม้คืนนี้จะคว้าน้ําเหลว เราแค่กลับมายังจุดเริ่มต้น ตราบใดที่ฉันต้องการต่อรอง หยวนหัวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับสายฉัน”

ในตรอกรอบโกดังเก็บของ

หยงตงที่เพิ่งปาโทรศัพท์ทิ้งได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นจากทิศทางที่เขาเพิ่งเดินมา

หลังจากนั้น เสียงของชายหัวโล้นดังขึ้นจากโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง “หยงตง! นายติดต่อกับศัตรูได้หรือยัง? โดนจับได้ไหม? ฉันได้ยินนายทะเลาะกับพวกมันก่อนหน้านี้ รออยู่ตรงนั้นนะ อย่าขยับฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ!”

หยงตงจ้องหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าหม่นหมอง เขารู้ว่าการ โกหกนั้นไม่มีประโยชน์อีกต่อไป จึงวางสายและออกตัววิ่งไปทางขวา

ภายในรถ

ชายหัวโล้นตะโกนใส่โทรศัพท์เมื่อถูกตัดสาย เขาสบถพลางเผย สีหน้างุนงง “หยงตงทําอะไรอยู่? ทําไมเขาตัดสายอีกแล้ว?!”

“เรายังจะตามเขาอยู่ใหมครับ?” คนขับรถเอ่ยถาม

“อืม ตามเขาไป!” ชายหัวโล้นออกคําสั่ง “เราค่อยคุยเรื่องนี้กับเขาตอนที่หาตัวพบ”

“บรื้น บรื้น!”

รถยนต์เลี้ยวไปทางซ้ายและแล่นเขาไปในส่วนลึกของตรอก

หลังจากหยงตงวิ่งมาอีกสองร้อยเมตรก็พบว่าตนเองยืนอยู่ด้านหน้าทุ่งหญ้าแห้งแล้ง เขาหยิบไมโครโฟนไร้สายอีกชุดหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงและพูดด้วยความโมโห “อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์เกินไป พวกมันไม่ต้องการเผชิญหน้ากับพี่หัว นายไม่ต้องรอแล้ว มาหา ฉันตอนนี้เลย”

สามสิบวินาทีต่อมา รถยนต์แล่นมาจอดข้างตรอก ไฟหน้ารถสว่างจ้าส่องมาทางหยงตงผู้ยืนอยู่ในทุ่งหญ้าแห้งแล้ง ชายหัว โล้นกระโดดลงจากรถก่อนตะโกนเสียงดัง “นายทําอย่างนี้หมายค วามว่าไง? อยากให้ฉันยิงนายทิ้งงั้นเหรอ?”

หยงตงปิดปากเงียบ เขายังคงวิ่งไปด้านหน้าด้วยพละกําลัง ทั้งหมดที่มี

“ยิ่ง! หยุดมันให้ได้” ชายหัวโล้นออกคําสั่งอย่างไม่ลังเล

พวกลูกน้องที่อยู่ในรถต่างกระโดดลงมาและกระหน่ํายิงไปทางหยงตงทันที

“ตึก ตึก ตึก”

ทันใดนั้นเสียงฝีเท้ามากมายดังขึ้นทางด้านซ้ายของตรอก ชายสี่ คนซึ่งสวมเสื้อผ้าหนาเตอะปรากฏตัวขึ้น สองคนในนั้นถือปืนกล ขณะที่อีกสองคนถือปืนไรเฟิลจู่โจม

“ปัง ปัง ปัง!”

การดวลปืนอันดุเดือดบังเกิดขึ้น ชายสามคนจากฝั่งหยวนหัวล้ม ลงภายในเวลาสั้นๆ

ท่ามกลางทุ่งหญ้าแห้งแล้ง ฉินอวี่เงยหน้าขึ้นหลังจากได้ยินเสียงปืน เขากํามัดแน่นพร้อมสบถ “เวรเอ๊ย นึกแล้วเชียว! คนฉลาดอ ย่างหยวนหัวจะยอมเสี่ยงเพื่อคนโง่อย่างสิงจื่อห่าวได้ยังไง? นายได้ ยินเสียงปืนไหม? หยงตงเป็นนกต่อ! ถ้าเราออกไปรับมันเร็วกว่านี้ คนที่ปะทะกับตระกูลหยวนคงเป็นพวกเรา และมันคงหนีไปในระหว่างนั้น!”

ฝูงชนจ้องมองฉินอวี่ด้วยสายตางุนงง พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ลูกน้องของเฒ่าหม่าหันมาทางฉินอวี่และเอ่ยถาม “แล้วถ้า นายคิดผิด และหยงตงไม่ใช่นกต่อล่ะ?”

“ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าสิ่งอื้อห่าวตาย เรายังสามารถจูงจมูกหยวนหัวได้เป็นพันครั้ง แต่ถ้าทําพลาดแม้แต่ครั้งเดียว เกมทั้งหมดจะจบลงและหัวของพวกเราก็จะหลุดออกจากบ่า” ฉินอวี่ตอบกลับ

จากนั้นเขาหันกลับไปตะโกนว่า “แจ้งอาหม่าให้มุ่งหน้าไปทางเหนือ ถึงเวลาที่เราต้องลงมือแล้ว!”

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset