Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 165

ในห้องเก็บศพ

หวู่เวินเซิงมองดูศพลูกชายที่ถูกแทงจนคอเป็นรูพรุนด้วยแววตาว่างเปล่า ราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง

บนถนน

หยวนเค่อคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เขาอยู่ห้องเก็บศพที่ไหน? ขอที่อยู่ด้วย แล้วก็…พ่อเขาอยู่ที่นั่นรึเปล่า? โอเค ขอบใจ แล้วเจอกัน”

หัวโล้นหันไปถามหยวนเค่อทันทีที่เขาวางสาย “แน่ใจใช่ไหมว่าตายแล้ว?”

“อืม” หยวนเค่อพยักหน้าตอบ

“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ หมายถึง… เรื่องบ้าๆแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?” หัวโล้นถามขึ้นด้วยอยากรู้ที่มาที่ไป “เขาเพิ่งถูกปล่อยตัวจากสํานักงานตํารวจไม่ใช่เหรอ แล้วไปลงเอยอยู่ในห้องเก็บศพได้ยังไงกัน?”

หยวนเค่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเริ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น “ฉันรู้มาแค่ว่าปัญหาเกิดจากพวกค้าอาวุธเถื่อน และเขาก็ถูกพวกนั้นแทงตาย”

“แต่เขาเป็นถึงลูกชายของหนึ่งในคนกุมอํานาจของเจียงหนานเชียวนะ! ลูกน้องก็มีตั้งเยอะแยะทําไมถึงไม่ให้ไปเจรจาแทนตัวเอง!” หัวโล้นยังคงไม่ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ตกลงแล้วเรื่องเงินที่เกี่ยวข้องมันเท่าไหร่กันแน่?”

“แปดหมื่นดอลลาร์”

“ว่าไงนะ? แปดหมื่น?!” หัวโล้นตกตะลึง “บ้าอะไรเนี่ย? เสียสติกันไปหมดแล้วรียังไงถึงได้ยอมแลกชีวิตตัวเองกับเงินแปดหมื่น เชื่อเขาเลยให้ตายเถอะ”

“มันไม่ใช่เรื่องเงินหรอก แต่เป็นเรื่องชื่อเสียงต่างหาก หมอนั่นเคยชินกับการวิ่งไปทั่วเจียงหนานพร้อมกับอํานาจในมือ แต่ดันโชคร้ายไปเกิดเข้ากับพวกอันธพาลต่างด้าวที่ไม่รู้จักเข้า” หยวนเค่ออธิบายต่อ

“ฉันไปถามพวกลุกน้องหวู่เหย้ามาแล้ว ฝั่งนั้นเหมือนแค่จะมาเอาเงินที่ติดค้างกันไว้ แต่หวู่เหย้าไม่ให้แถมยังหักหน้าพวกนั้นอีก พอถูกยั่วโมโหหนักเข้าเรื่องก็เลยลงเอยแบบนี้แหละ”

“เฮ้อ…แต่ช่วงสองปีมานี้พวกหมู่เหย้าเหลิงกันจริงๆ นั่นแหละ” หัวโล้นถอนหายใจ “ตั้งแต่หวู่เวินเซิงได้รับเลือกให้เป็นประธานวุฒิสมาชิกและครอบครองธุรกิจมั่งคั่งทั้งหลายในเจียงหนาน หวู่เหย้ายิ่งก็เริ่มหลงมัวเมาในอํานาจ…แค่จิบไวน์แก้วเดียวก็คิดว่าทั้งโลกเป็นของตัวเองแล้ว”

“ฉันเองก็ไม่ทันคิดว่าหมอนั่นจะโหลยโท่ยได้ขนาดนี้ หยวนเค่อพูดด้วยความผิดหวัง “เพิ่งเจรจาทําธุรกิจกันแท้ๆ แถมของกพร้อมส่งให้แล้วด้วย ดันมาถูกฆ่าตายซะก่อน จะทําอะไรแต่ละทีต้องมีเฮงซวยเกิดขึ้นทุกครั้งไปให้ตายเถอะ”

“แล้วแผนตอนนี้เอาไงต่อครับ?” เสี่ยวจิ๋วถามจากที่นั่งคนขับ

“จากรัฐทั้งห้าในฮ่งเจียงเราผูกตลาดได้แค่สอง” หยวนเค่อครุ่นคิด “ถ้าอยากทํายอดให้ได้ตามเป้าของบริษัทหลงสิ่งยังไงเราก็ต้องเข้าตลาดของเจียงหนาน หวู่เวินเซิง เป็นใหญ่ในเรื่องการเมืองฝั่งนั้น ถ้าลากเขาลงเรือลําเดียวกับเราได้ รับรองว่าประธานสิ่งต้องประเมินอิทธิพลของเราใหม่แน่”

“หลู่เหย้ามันเป็นแค่ลูกคนรวยหลงตัวเอง แต่กับหวู่เวินเซิงนั้นไม่ใช่ คนคนนั้นไม่ต่างอะไรกับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์” หัวโล้นพูดต่อ “ลูกตัวเองดันมาตายแบบนี้ยิ่งไม่มีอะไรมารับประกันว่าเขาจะทํางานกับเราต่อหรือเปล่า”

“เราถึงต้องใช้โอกาสนี้ตีสนิทหวู่เวินเซิงไง” หยวนเค่อตอบพลางมองออกไปนอกหน้าต่างรถ “ถ้าเราสามารถหาตัวฆาตกรที่ฆ่าหวู่เหย้าและล้างแค้นให้เขาได้ เรื่องอื่นๆคงคุยกันได้ไม่ยาก”

“ไม่ใช่เรื่อง่ายเลยนะครับนั่น” เสี่ยวจึงส่ายศีรษะ “การที่ไอ้อันธพาลพวกนั้นกล้าฆ่าหวู่เหย้าแสดงว่าพวกมันเป็นคนนอก หลังจากทําเรื่องอุกอาจเสร็จก็คงหนีกันหัวซุกหัวซุนไปแล้ว”

“ทําเท่าที่ทําได้ก็พอ ที่เหลือก็แล้วแต่โชคจะนําพา” หยวนเค่อตอบกลับ “ถึงจะทําไม่ได้อย่างปากว่า แต่ความตั้งใจของเราคงพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”

“นั่นสินะครับ” เสี่ยวจิ๋วพนักหน้า

ราวยี่สิบนาทีต่อมา

หวู่เวินเซิงเดินโซเซออกจากโรงพยาบาลโดยมีคนสนิทช่วยประคอง คนที่ยืนอยู่ข้างเขาคือเจ้าหน้าที่ตํารวจระดับสูงจากสํานักงานตํารวจนครบาลรัฐเจียงหนาน และบรรดาสหายจากโลกใต้ดิน

ในสระนั้นเองมีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด หยวนเค่อและพรรคพวกเดินลงมาจากรถ

หวู่เวินเซิงมองผู้มาเยือนด้วยสีหน้าไม่รับแขก

“ผมเพิ่งได้ยินข่าว เสียใจด้วยนะครับคุณหวู่” หยวนเค่อเดินเข้าหาหวู่เวินเซิ่งด้วยท่าทีนอบน้อม

เมื่อได้ยินชื่อลูกชาย หวู่เวินเซิงก็รู้สึกหายใจไม่ออกราวกับถูกบีบคอ แต่เพราะอยู่ในที่สาธารณะจึงตําเป็นต้องตั้งสติ ก่อนหันไปพูดกับกลุ่มคนด้านหลังว่า “ผม…ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน เรื่องหารืออื่นๆค่อยคุยกันวันหลัง ยังไงก็ขอบคุณที่มากันนะครับ”

“ทําใจเถอะเฒ่าหวู่ อย่าคิดมากเลย”

“สํานักงานตํารวจจะทําอย่างสุดความสามารถเพื่อสืบสวนคดีนี้ วางใจเถอะครับ..ตราบใดที่ยังอยู่ในซ่งเจียง พวกมันหนีไม่รอดแน่นอน”

“ไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมใหม่แล้วกันนะเวินเซิ่ง”

ฝูงชนโบกมือพร้อมพูดอําลาหวู่เวินเซิง

“ขอบคุณทุกคนที่มาอีกครั้งนะครับ” หวู่เวินเซิงประสานหมัดคํานับให้ทุกคน

หยวนเค่อครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเข้าไปรั้งแขนหนึ่งในคนติดตามของหวู่เวินเซิงพร้อมกระซิบว่า “ให้ผมนั่งนั่งไปกับคุณหวู่นะ ผมมีเรื่องด่วนจะคุยกับเขา”

คนติดตามเห็นว่าหยวนเค่อสนิทกับหวู่เหย้าจึงเปิดทางให้

หยวนเค่อตามขึ้นรถของหวู่เวินเซิงไป หลังปิดประตูรถ เขาจึงพูดเปิดประเด็นทันที “คุณหวู่ครับ เสี่ยวหวู่เป็นเพื่อนสนิทผม การที่เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ขึ้นผมไม่สบายใจเลย”

“เสี่ยวหยวน ผม..ขอเวลาอยู่กับตัวเองสักพักเถอะ”

หลังจากขึ้นมาบนรถ อารมณ์ที่อดกลั้นไว้ของหวู่เวินเซิ่งก็ทะลักออกมา ความโศกเศร้าจากการสูญเสียนั้นมากเกินกว่าจะทนไหว เขาทําได้เพียงนั่งปาดน้ําตาเงียบที่หลั่งรินอยู่เงียบๆ

หยวนเค่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณหวู่ครับ ผมมีเพื่อนเป็นตํารวจ เชื่อใจผมเถอะ..ผมจะไม่ทําให้เสี่ยวหวู่ตายฟรี”

“มีเพื่อนเป็นตํารวจแล้วยังไง?” หวู่เวินเซิงก้มหน้าพูดพึมพำเสียงแหบ “ไอ้พวกอันธพาลนั้นหนีไปแล้ว”

“ผมได้คุยกับต้าจิน คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว” หยวนเค่อพูดต่อ “เขาบอกว่าพวกอันธพาลนอกคอกนั้นแอบลักลอบจ่ายยาในซึ่งเจียงและมีคนไม่น้อยเบี้ยวเงินมัน จากการที่พวกมันกล้าลงมือกับเสี่ยวหวู่ แสดงว่ามันไม่ได้เกรงกลัวพวกเราเลยแม้แต่น้อย เพราะงั้นจึงมีโอกาสสูงที่พวกมันยังกบดานอยู่ในซึ่งเจียงครับ”

หวู่เวินเซิงค่อยๆหันมามองหยวนเค่อด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ถ้างั้นผมจะเชื่อใจคุณ”

“ผมจะทําเพื่อเสี่ยวหวู่” หยวนเค่อตอบกลับ “คุณหวู่อย่าเศร้าไปเลยนะครับ ถ้าคนในครอบครัวมาเห็นเข้าจะยิ่งรู้สึกไม่ดีเอาเปล่าๆ”

สํานักงานตํารวจนครบาลรัฐพื้นทมิฬ

ฉินอวี่ตั้งใจจะไปที่บ้านของลุงตั้งเพื่อดูแลความเรียบร้อยให้หญิงชราและหลานชาย แต่ขณะเดียวกันโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

่ ่

“ฮัลโหล”

“ผมเพิ่งได้ข่าวดีมา ตั้งใจฟังแล้วอย่าตื่นเต้นเกินไปล่ะ” เสียงจู้เหว่ยตอบกลับมาจากปลายสาย

“ข่าวอะไร?”

“ไอ้หวู่เหย้าตายแล้ว”

“ห้ะ?!” ฉินอวี่ตกตะลึง “นี่จะโทรมาล้อเล่นกลางดึกรึไง?”

“มันตายแล้วจริงๆ โดนมีดแทงคอกว่าสามสิบแผลแถวกองขยะในเจียงหนาน” จู้เหว่ยอธิบายเรื่องราว “ตอนนี้นอนแข็งอยู่ในห้องเก็บศพนู่น ผมรู้เพราะพวกคนมีชื่อเสียงพากันไปที่โรงพยาบาลนั่นเมื่อกี้”

“พูดจริงงั้นเหรอ?!”

“ผมจะล้อหัวหน้าเล่นทําไมล่ะครับ อีกอย่างหยวนเค่อก็ไปที่นั่นด้วย”

ฉินอวี่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนรุดไปยังห้องทํางานรวมและตะโกน “วุ้นเส้นอยู่รึเปล่า?”

“ว่าไงครับ?” วุ้นเส้น หนึ่งในตํารวจไทยที่ทํางานอยู่ในหน่วยของฉินอวี่ขานรับ

่ ่

“รีบไปดูที่แผนกพลาธิการให้หน่อยว่ามีประทัดไหม!”

“หืม?”

“เราจะจุดประทัดส่งไอ้เสี่ยวหวุ่!” ฉินอวี่กู้ร้องด้วยความดีใจราวกับเงามืดในหัวใจได้หายไปหมดสิ้น “ดูเหมือนสวรรค์ยังไม่ทิ้งคนดีนะ!”

กลางดึก

หยวนเค่อต่อสายหาหลิวเปาเฉินและออกคําสั่ง “พรุ่งนี้มาเจอกันหน่อย เราจะคุยเรื่องคดีฆาตกรรมหวู่เหย้ากัน”

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset