Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 171

ตอนที่ 171 หลักฐานสําคัญ

 

บริเวณหน้าห้องหกศูนย์หก

 

ฉินอวี่ได้ยินคําอุทานของติงกั๋วเซินจึงเล็งปืนไปที่ห้องครัวทันที

 

“อย่าขยับ!”

 

“ยกมือขึ้น!”

 

“วางอาวุธลง!”

 

จู้เหว่ยในชุดกันระเบิดบุกเข้าไปในครัวทันที่ วุ้นเส้นเล็งปืนไปทางดังกล่าวพร้อมยิงศัตรูทุกเมื่อ

 

“อย่าขยับ!” ฉินอวี่ตะโกนเสียงดัง

 

ห้องครัวมืดสลัว มีเสื้อผ้าแขวนอยู่บนราวขนาดเท่ามนุษย์พลิ้วไหวตามลมซึ่งดูเหมือนคนติดอาวุธยืนอยู่

 

“บ้าเอ้ย! จะตะโกนทําไม?!” จู้เหว่ยเดินไปในห้องครัวเพียงสองก้าวก็สังเกตเห็นว่ามันเป็นเพียงราวแขวนเสื้อผ้า เขาจึงหันมาต่อว่าติงกั๋วเซินก่อนถอยกลับอย่างรวดเร็ว

 

ติงกั๋วเซินถือปืนอย่างประหม่าพลางตอบตะกุกตะกัก “ขะ..ขอโทษครับ ผมมองผิด”

 

“แยกกันค้นให้ทั่ว!” ฉินอวี่สั่งการ

 

ทั้งทีมกรูเข้าในห้องทันที ในทีมพวกเขาแบ่งเป็นกลุ่มละสามคนและเริ่มค้นห้องอย่างรวดเร็ว

 

ประตูทุกบานถูกถีบเปิดตามด้วยเสียงรายงาน

 

“ห้องนอนใหญ่เคลียร์”

 

“ห้องครัวเคลียร์”

 

“ห้องน้ำเคลียร์ครับ”

 

“ห้องนอนเล็กเคลียร์”

 

เสียงรายงานดังขึ้นจนครบทุกห้องบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่ในนี้เลย ฉินอวี่ถอนหายใจโล่งอกก่อนลดปืนลง

 

หลิวเปาเฉินยังคงยิงคําถามรัวผ่านวิทยุสื่อสาร “ฉินอวี่สภาพในห้องเป็นยังไงบ้าง? ตอบฉันด้วย! เฮ้ย..ได้ยินไหมรองผู้หมวด? เร็วเข้าและ…”

 

ฉินอวี่หยิบไมค์หูขึ้นด้วยท่าที่สุดจะทนพร้อมตอบสวนไป “หยุดตะโกนได้แล้ว ไม่มีใครอยู่ในนี้”

 

สิบนาทีต่อมา

 

หลิวเปาเฉินเดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ติดอาวุธนับสิบก่อนถามอย่างหงุดหงิด “ผู้ต้องสงสัยอยู่ไหน?! พวกนายไม่เห็นสักคนเลยรึไง?”

 

ฉินอวี่ชาเลืองมองหลิวเป่าเฉินขณะถอดหมวกกันกระสุน “คุณคิดจริงๆ เหรอว่าจะขึ้นมาหาคนร้ายได้ง่ายขนาดนั้น ถ้าพวกมันอยู่ที่นี่?”

 

หลิวเป่าเฉินจ้องฉินออย่างเย็นชาก่อนมองไปรอบห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงบ่นกับตัวเอง “จะบอกว่าข้อมูลที่ได้มาผิดเหรอวะ?”

 

ฉินอวี่ไม่ใส่ใจที่จะตอบ จึงหันไปสํารวจรอบห้องอย่างระมัดระวัง

 

จู้เหว่ยถอดชุดกันระเบิดออกหน้าห้องนอนขณะตั้งข้อสังเกต “ผ้าปูที่นอนในห้องนอนใหญ่มีรอยย่นเล็กน้อย สายชาร์จโทรศัพท์ก็ยังเสียบอยู่ พวกถุงเท้าเข็มขัดก็ยังอยู่ในลิ้นชัก แถมมีกางเกงในถอดทิ้งไว้ใต้เตียงด้วย…”

 

หลิวเป่าเฉินอาจไม่ใช่ตํารวจที่มีความสามารถมากนักแต่ก็ไม่ใช่ตัวตลก ไม่มีใครขึ้นไปยังตําแหน่งเขาได้โดยไร้ซึ่งไหวพริบ เมื่อได้ยินคําพูดของจู้เหว่ยก็สั่งการทันทีว่า “ถ้ามีร่องรอยคนอาศัยอยู่เป็นไปได้ว่าข้อมูลไม่ได้ผิดพลาด หาเบาะแสในห้องนี้ให้ละเอียด!”

 

ฉินอวี่ยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องครัวขณะสํารวจข้าวของรอบข้าง

 

มีกาต้มน้ำไฟฟ้าเสียบปลักอยู่ด้านข้างเตา และยังมีซองบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปเบิดไว้บนโต๊ะพร้อมกับตะเกียบที่ผ่านการใช้งานแล้วคู่หนึ่ง

 

ฉินอวี่หันกลับไปห้องนั่งเล่น โทรทัศน์และไฟก็คงเปิดทิ้งไว้อย่างนั้นถ้าจู้เหว่ยไม่ยิงจนไฟช็อตเสียก่อน ทั้งถ้วยน้ำชาและบุหรี่ไฟฟ้ายังวางอยู่บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์

 

“กําลังมองหาอะไรอยู่เหรอ?” จู้เหว่ยเดินไปถาม

 

ฉินอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “ในห้องยังไม่ได้ทําความสะอาดเลย อย่างกับคนพวกนั้นรีบหนีออกไป”

 

“ผมก็คิดอย่างนั้น” จู้เหว่ยพยักหน้าเห็นด้วย “สรุปได้ว่าผู้ต้องสงสัยถูกจับโดยไม่ทันตั้งตัวเพราะสภาพห้องยังเรี่ยราดข้าวของเพิ่งถูกใช้ไม่นาน สันนิษฐานได้ว่าพวกนั้นเพิ่งออกไปไม่นาน แต่ตอนเรารวมตัวกันอยู่นอกอพาร์ตเมนต์พวกมันก็ไม่น่าจะเห็นเราได้นะ ทําไมถึงไหวตัวทันก่อนล่ะ?”

 

ฉินอวี่มองจู้เหว่ยพลางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่ายหัว “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”

 

ที่ห้องนั่งเล่นหลิวเปาเฉินตะโกนไปทางห้องน้ำ “ตรวจสอบห้องน้ำเสร็จรึยัง?”

 

ติงกั๋วเซินเดินออกมา “ตรวจเสร็จแล้วครับ!”

 

“เจออะไรไหม?” หลิวเป่าเฉินถาม

 

“ มีแปรงสีฟัน มีดโกน และของใช้ในห้องน้ำสําหรับผู้ชายอีกห้าชุด เอ่อ…และมีสิ่งปฏิกูลอยู่ในชักโครกยังไม่ได้กดครับ!” ติงกั๋วเซินรายงานอย่างละเอียดแต่ไม่มีข้อมูลไหนที่เป็นประโยชน์เลย

 

หลิวเป่าเฉินได้ยินคําพูดเหล่านั้นจึงไล่เขาออกไปทันที “ชิ่ว! ไปยืนเฉยๆ อยู่ข้างประตูไปไอ้เด็กใหม่ คอยดูและเรียนรู้จากรุ่นพี่ซะ!”

 

ฉินอวี่กวักมือเรียกจู้เหว่ยและวุ้นเส้น “ไปดูห้องนอนห้องใหญ่กัน”

 

ทั้งสองพยักหน้าพลางพากันเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ พวกเขาสวมถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งและเริ่มพลิกดูสิ่งของภายในห้อง

 

ในห้องพื้นที่ประมาณยี่สิบตารางเมตร มีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากนัก ประกอบไปด้วยเตียง ลิ้นชัก ตู้สองตู้ และชั้นวางเสื้อผ้าหนึ่งชั้น

 

ฉินอวี่เดินไปดึงลิ้นชักข้างเตียงออก

 

มีถุงเท้าใหม่สองสามคู่ บุหรี่อย่างดีสองกล่องและโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องอยู่

 

ฉินอวี่หยิบกล่องบุหรี่ออกมาแล้วโยนให้จู้เหว่ย “ไว้เอาไปสูบกัน”

 

“เฮอะ! เยี่ยมเลย” จู้เหว่ยตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“โทรศัพท์…” ฉินอวี่พึมพําพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากลิ้นชักแล้วตะโกน “เอาถุงหลักฐานมา”

 

ในขณะกําลังลุกไปก็สะดุดตาเข้ากับหมอนบนเตียง เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนย้ายหมอนไปด้านข้างและพบสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่ง

 

“มันคืออะไรน่ะหัวหน้า?” วุ้นเส้นถามขณะเดินไปดู

 

ฉินอวี่เปิดอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวทันที

 

“พื้นทมิฬ: เสี่ยวเฟิง M Gun สี่กระบอก กระสุนสามพันนัดหนึ่งหมื่นหักพันเหรียญ จ่ายแล้ว”

 

“พื้นทมิฬ: อีหว่อปี่ Colt M1902 สิบห้ากระบอก กระสุนสี่พันห้าร้อยนัด สามหมื่นหนึ่งพันเหรียญ จ่ายแล้ว”

 

“เจียงหนาน: เสี่ยวเหมียวและต้าจิน M Gun สี่กระบอก ทุ่นระเบิด Army Type 99 สิบลูก ปืนพกสั้นยี่สิบกระบอก กระสุนสามพันนัด ขอเพิ่มอีกหนึ่งพันห้าร้อยนัด แปดหมื่นดอลลาร์ หมายเหตุ…หวู่เหย้าเจ้านายของต้าจินผู้จัดจําหน่ายรายใหญ่ในเจียงหนานอาจจะโกง ยากที่จะตามรอย”

 

“เหอะ!” ฉินอวี่หลุดหัวเราะออกมาทันที

 

“มันเขียนว่าอะไรเหรอครับ?” วุ้นเส้นเอียงคอไปดูหนังสือเล่มเล็ก

 

“รายชื่อลูกค้าที่คนร้ายติดต่อหนะ” ฉินอวี่ตอบ “เขียนไว้ชัดเจนเลยว่าต้าจินขัดแย้งกับคนร้ายเพราะเขาโกงเงินค่าอาวุธ นั่นคือสาเหตุที่คนร้ายลักพาตัวเขา และฉันเดาว่าหวู่เหย้าไปพบพวกมันเป็นการส่วนตัวและไม่คิดจะจ่ายเงินจึงจบลงด้วยการถูกแทงจนตาย”

 

“แทนที่จะค้นหาหลักฐานผู้กระทําผิดกลับเจอเรื่องอื้อฉาวของหวู่เหย้าแทนเหรอเนี่ย” วุ้นเส้นพูดเยาะเย้ย

 

“แสดงว่าหวู่เหย้ามีส่วนร่วมในการลักลอบขนอาวุธ” ฉินอวี่ส่ายหัว “แต่ยังไม่พอจะใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้อง อย่างแรก…บันทึกของคนร้ายยังขาดความน่าเชื่อถือและที่นี่ก็ไม่มีหลักฐานอื่นอีกแล้ว”

 

“นายไปเจออะไรมางั้นเหรอ?”

 

หลิวเป่าเฉินรู้ดีราวมีจมูกสุนัขคอยดมและเขากําลังเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่

 

“เร็ว! รีบถ่ายรูปเก็บไว้แล้วค่อยส่งต่อให้ผู้หมวดหลิว” ฉินอวี่สั่งวุ่นเส้นทันที

 

วุ้นเส้นหยิบหนังสือเล่มเล็กมากางออกและรีบถ่ายรูปเนื้อหาในนั้นอย่างรวดเร็ว

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

 

หยวนเค่อโทรไปหาหลิวเปาเฉิน “จัดการมันได้รึเปล่า?”

 

“ภารกิจล้มเหลว” หลิวเป่าเฉินตอบ

 

“นายแน่ใจนะว่าคนร้ายอยู่ในอพาร์ตเมนต์นั่น” หยวนเค่อถามอีกครั้ง

 

“แน่ใจครับ ยืนยันได้ว่าคนร้ายเพิ่งออกไป และเรายังเจอสมุดบัญชีและโทรศัพท์…”

 

“ได้หลักฐานสําคัญจากในนั้นรึเปล่า?” หยวนเค่อถามด้วยน้ำเสียงกระวนกร

 

“หลักฐานค่อนข้างสําคัญเลยล่ะ แต่ปัญหาก็คือคนร้ายพวกนั้นมันปัญญาอ่อน มันดันไปเขียนว่าต้าจินเป็นหนี้และพวกมันยังชี้ให้เห็นอีกว่าหวู่เหย้ามีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องการค้าอาวุธในเจียงหนาน” หลิวเป่าเฉินอธิบายอย่างช้าและชัดเจน

 

หยวนเค่อครุ่นคิดครู่หนึ่งจนเข้าใจสถานการณ์ได้ทั้งหมด “นายไม่ใช่แค่ล้มเหลวในการจับคนร้าย แต่ยังหาหลักฐานการทําผิดของหวู่เหย้ามาได้อีก ให้ตายเถอะ! นายทําอะไรของนายวะ?!”

 

“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะเจอเรื่องอะไรแบบนี้”

 

“ทําลายหลักฐานได้ไหม?” หยวนเค่อถามอย่างกังวล “ถ้านายไม่นํามันกลับไปที่สํานักงานตํารวจคงดีกว่า”

 

“เอ่อ คือ…ผมทํางั้นไม่ได้หรอกครับ คนที่เจอสมุดเล่มนั้นคือฉินอวี่!” หลิวเป่าเฉินตอบอย่างสุภาพและรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าเขาซีดเผือด

 

“แม่งเอ๊ย! ซวยจริงๆ!” หยวนเค่อโมโหจากความงี่เง่าและก่นด่าด้วยความขุ่นเคือง

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset