Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 188 เด็กใหม่ที่น่าตกตะลึง
บริเวณประตูฝั่งตะวันตก ฉินอวี่ที่อยู่ตรงสวนหย่อมถามด้วยความประหลาดใจ “ยังมีพวกมันเหลืออยู่อีกเหรอ?”
อีกด้านบนฝั่งถนนรถวิบากที่มารับตัวหลีจือหายไปแล้ว เหลือแต่พวกอันธพาลสวมหน้ากากสองคนยังถือปืนอยู่บนถนนไม่ได้ไปด้วยกัน
“เปิดได้เลย” ชายหน้ากากหมูกระซิบผ่านโทรศัพท์อยู่ข้างกําแพง
ชายสวมหน้ากากอีกคนที่อยู่ตรงสวนหย่อมพับ โทรศัพท์เก็บและแนบตัวกับกําแพงก่อนเล็งยิงไปที่ฉินอวี่
“ปัง ปัง ปัง!”
ชายสวมหน้ากากสาดกระสุนยิงใส่ผนังของอาคาร
ฉินอวี่กดหัวติงถั่วเซินก้มลงพร้อมกับกระซิบพูด “ฟังนะ….ตอนนี้มีพวกคนร้ายอยู่ข้างนอก นายเลือกเอาแล้วกันว่าจะยิงหรือจะโดนยิง
ฟู่เสี่ยวห่าวผู้ห้าวหาญลุกขึ้นและเหนี่ยวไกกระหน่ำยิงไป ทางสวนหย่อมตามคําสั่ง
ฉินอวี่ดึงติงถั่วเซินให้ลุกขึ้นยืนพิงกําแพงและยิงไปทางมุมตึกที่มีชายสวมหน้ากากหมูอยู่ก่อนวิ่งเข้าไปยังสวนหย่อม
ติงถั๋วเซินยังคงหมอบตัวสั้น เขาตะโกนผ่านช่องอินเตอร์คอมว่า “ขอความช่วยเหลือ ขอความช่วยเหลือ คนร้ายมีอาวุธปืน…”
“ตรงไหน ขอสถานที่ที่ชัดเจน”
“ตั้งสติไว้ไอ้หนู รีบบอกสถานที่มา”
จู้เหว่ยและวุ้นเส้นถามกลับ
ตรงทางแยกของอพาร์ตเมนต์ ฉินอวี่ตัดสินใจวิ่งกลับเข้ามาด้านในเมื่อเห็นอีกฝ่ายบุกอย่างต่อเนื่อง เขาผลักติงกั๋วเซินออกไปก่อนจะโต้กลับด้วยปืนขณะที่ฟู่เสี่ยวห่าวตะโกนจากข้างหลัง “พวกมันบุกมาแล้ว”
เมื่อฉินอวี่หันไปมองก็พบว่ามีคนสองคนบุกเข้ามาจากฝั่งนอกอพาร์ตเมนต์พร้อมเล็งปืนมาที่ตัวเอง
“ปัง ปัง!”
แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ทําอะไรฉินอวี่ก็ชิงลงมือยิงก่อนชายสองคนเมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหาที่หลบ
ในเวลาเดียวกัน ติงกั๋วเซินบังเอิญเห็นชายร่างกํายําที่อยู่อีกฝั่งถึงปืนออกมาเข้าพอดี
เขาไม่มีเวลาคิดลังเลรีบเอาตัวเข้ากันฉินอวี่ทันที่ที่เห็นปลายกระบอกปันหันเข้าใส่ผู้บัญชาการของตน
“ปัง ปัง!”
ประกายไฟจากปากกระบอกปืนพวยพุ่ง กระสุนเจาะเข้าแขนของติงถั่วเซินจนเลือดทะลักก่อนเขาจะดึงฉินอวี่ออกไปให้พ้นทาง
ฉินอวี่ตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืนและหันกลับมาทันที เขาคว้าแขนของติงกั๋วเซินด้วยมือซ้ายและลากถอยหลังกลับเข้าประตูเหล็กที่หลีจือเปิดไว้ก่อนหน้า
เมื่อประตูเปิดออก ฉินอวี่รีบผลักติงกั่วเซินเข้าไป ชายหน้ากากหมูที่ตามมาเล็งปลายกระบอกปืนใส่ฉินอวี่อีกครั้ง
“ปัง ปัง!”
สิ้นเสียงปืนฉินอวี่ถูกยิงเข้าที่ต้นขาและหลังจนเซไปหลายก้าว แต่เขายังไม่ยอมแพ้เอื้อมมือไปคว้าฟูเสี่ยวห่าวที่เพิ่งมาถึงก่อนลากเข้าประตูไปพร้อมกัน
ในอาคารที่มีแสงสลัว ฉินอวี่กล่าวอย่างเร่งรีบว่า “คนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนร้ายที่เรามาจับ พวกมันตั้งใจมาหาฉันโดยเฉพาะ”
ทันทีที่พูดจบ เสียงฝีเท้าก็ของคนร้ายก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู
ฉินอวี่รีบเติมกระสุนและสั่งติงถั่วเซินด้วยสีหน้าซีดเผือดว่า “เรียกจู้เหว่ยมาสมทบเร็วเข้า”
ติงกั๋วเซินรู้สึกประหม่าบวกกับกลัวจนตัวสั่น ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตนเองถูกยิงเข้าที่แขน เขาหยิบชุดหูฟังอินเตอร์คอมขึ้นมาพร้อมติดต่อตามคําสั่ง “ขอกําลังสนับสนุนที่ประตูฝั่งตะวันตกด่วนครับ!”
ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับจากจุเหว่ยแต่อย่างใด ในช่องสัญญาณปรากฏเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างนุ่มนวลพร้อมกับดนตรีเปิดว่า “ชีวิตคู่ของท่านมีปัญหาหรือ ไม่? อยากย้อนคืนอดีตอันหอมหวานหรือเปล่า? เพียงแค่ติดต่อเรามาที่สายด่วนนี้ ท่านได้รับคําปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญและ…”
“ไหงช่องสัญญาณติดต่อกระโดดไปเป็นช่องขายของเนี่ย?!” ติงกั๋วเซ็นสบถพลางดึงตัวเครื่องอินเตอร์คอมด้านหลังออกมาปรับจูนหาสัญญาณใหม่
ฉินอวี่ตะโกนบอกติงถั่วเซิน “มันไม่ใช่สัญญาณกระโดด! แบบนี้เรียกว่าสัญญาณถูกเปลี่ยน! ไม่รู้ล่ะ รีบหาใหม่แล้วเรียกจู้เหว่ยมาซะ!”
“ผมว่าเราหนีไปจากตรงนี้กันก่อนน่าจะดีกว่า…” ติงกั๋วเซินเสนอแนวทางอย่างไม่มั่นใจนัก
“นายนั่นแหละที่ต้องรีบไป รองผู้หมวดวิ่งไม่ไหวแล้ว ไปหาสัญญาณเร็วเข้า” ฟู่เสี่ยวห่าวหันไปหาติงกั๋วเซิน “ไปห้อง ทีไอ้คนร้ายคนก่อนหน้าเพิ่งเข้าไปก็ได้”
ติงกั๋วเซินไม่ลังเลรีบลุกขึ้นวิ่งไปชั้นบน เป็นเวลาเดียวกันที่พวกคนร้ายสวมหน้ากากด้านนอกกระหน่ํายิงมาที่ประตูเหล็กพอดี
“ปัง ปัง ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แผ่นเหล็กบางๆ ถูกกระสุนเจาะพุ่งเข้าไปมา ฉินอวี่และฟูเสี่ยวห่าวพากันหลบไปคนละทาง
“ตึง!”
ประตูเหล็กถูกกระแทกกระเด็นออก ชายสวมหน้ากากเดินเข้ามาพร้อมกับเล็งปืนไปทางฉินอวี่
ฉินอวี่ลุกขึ้นเล็งปืนยิงสวนทันที
” ปัง ปัง ปัง!”
ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างจากกันไม่ถึงครึ่งเมตร แม้ว่าจะสวมชุดเกราะกันกระสุนแต่ทั้งคู่ก็ได้รับแรงกระแทกจากกระสุนไม่น้อย
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วหน้าอก ฉินอวี่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้เปรียบ เขากัดฟันและยกขาขึ้นเตะอย่างรวดเร็ว
“ปึก!”
ชายสวมหน้ากากเซถอยหลังไปหลายก้าวจากแรงเตะ
” หมับ!”
ขณะเดียวกันฟูเสี่ยวห่าวก็เข้าล็อกคอชายสวมหน้ากากจากด้านหลังและกระชากกลับอย่างแรง
ชายสวมหน้ากากตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการรั้งแขนของฟูเสี่ยวห่าวไว้และตะโกน “ข้างในนี้มีสองคน!”
เพื่อนที่อยู่นอกประตูได้ยินจึงถือปืนวิ่งพรวดพราดเข้ามา
“ปัง ปัง!”
ฉินอวี่ลุกพิงกําแพงและยิงใส่คนมาใหม่จนล้มลงทันที
ฟู่เสี่ยวห่าวโมโห เขากัดที่หูของชายสวมหน้ากากและกระชากไปข้างหลังอย่างเกรี้ยวกราด
“อ้าก!”
ชายสวมหน้ากากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและปล่อยมือจากแขนฟูเสี่ยวห่าวโดยไม่รู้ตัว
“ไม่แกก็ฉันต้องตายกันไปข้าง!”
ฟู่เสี่ยวห่าวคํารามพลางหันปากกระบอกปืนใส่ชายสวมหน้ากากตรงซี่โครงซึ่งไม่มีเกราะหุ้ม
“ปังๆๆ!”
เสียงปืนดังขึ้นสามครั้ง ชายสวมหน้ากากแน่นิ่งและทรุดตัวลงบนพื้น
“ปัง!”
ฟูเสี่ยวห่าวไม่ปล่อยโอกาส เขายิงซ้ําที่หัวของอีกฝ่ายทันที
ฉินอวี่มองเด็กใหม่ของตนด้วยความตกตะลึง
เด็กคนนี้แตกต่างจากติงถั่วเซินโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะด้านการควบคุมสติหรือแม้แต่การปะทะกับคนร้าย
ฟู่เสี่ยวห่าวโกยอากาศเข้าปอดด้วยความเหนื่อยก่อน จะถอยกลับไปหาฉินอวี่
ประตูเหล็กเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับชายสวมหน้ากากอีกคนที่วิ่งเข้ามา
ฟูเสียวห่าวกระชับกระบอกปืนพลางพูดด้วยความอ่อนแรงว่า ถ้าไม่สู้เราจะตายเอานะครับรองผู้หมวดฉิน”
ฉินอวี่รีบตั้งสติ ขณะกําลังพุ่งเข้าเผชิญหน้า อีกฝ่ายก็เอาปืนจ่อที่หัวฟูเสี่ยวห่าวแล้ว
“ปังๆ!”
ชายสวมหน้ากากร่างกํายําเกร็งแขนเหนี่ยวไกยิงทันที
ฟู่เสี่ยวห่าวใช้มือปัดกระบอกปัดและเบี่ยงหัวหลบ แต่ด้วยปลายกระบอกปืนนั้นมีแรงยิงอยู่จึงทําให้เขาโดนความร้อนลวกที่ฝ่ามือเล็กน้อย
“ปึก!”
ฉินอวี่เข้าประชิดตัวและแทงเข่าใส่หน้าท้องของชายสวมหน้ากากอย่างแรง
ฟู่เสี่ยวห่าวหาจังหวะถอยหลังและยกปืนขึ้นเล็ง “ถ้าคุณตายผมคงได้เป็นหัวหน้าทีมภายในสามเดือน”
ชายสวมหน้ากากร่างกํายําร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดและทรุดตัวลงต่อหน้าฟู่เสียวห่าว
ฉินอวี่ลากอีกฝ่ายไปยังประตูเหล็กและตะโกนว่า “ถ้าพวกแกยังไม่หยุดฉันจะฆ่ามัน!”
ชายสวมหน้ากากคนสุดท้ายที่อยู่ด้านนอกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอยกลับด้วยความกลัว