Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 212 มาถึงชางจี

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 212 มาถึงชางจี

ตอนที่ 212 มาถึงชางจี

 

ในเขตพิเศษที่เก้ามีทั้งหมดสามเมือง เมืองด่านหน้านั้นคือเมืองเฟิ่งเปย นอกเหนือจากนั้นอีกสองเมืองคือเมืองซ่งเจียงและเมืองชางจี

ชางจีตั้งอยู่ระหว่างเมืองเพิ่งเปยกับเมืองซ่งเจียง จะมีพื้นที่ราบค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ ด้านเศรษฐกิจและการปกครองนั้นพอๆเมืองซ่งเจียง แต่ยังด้อยกว่าเมืองด่านหน้าอย่างเฟิงเปยไม่น้อย

 

แมวเฒ่าพาคนในกองทัพมาถึงเมืองจางชีทั้งหมดสองกลุ่มรวมสิบสองนาย หลังลงจากรถไฟฟ้าแล้วผู้กํากับของเขตอันผิงก็มารับไปทันที

 

เมื่อมาถึงในอาคารสํานักงานเขตอันผิง ก็มีรองผู้อํานวยการท่านหนึ่งมาพาแมวเฒ่าไปที่ห้องประชุม

 

“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่เพิ่งเปยก็อยู่ในห้องพักเดียวกันกับหัวหน้าตงของพวกคุณ ส่วนมิตรภาพก็ใช้ได้เลยทีเดียว มาทํางานอยู่ที่นี่ก็คิดซะว่าเป็นเขตของตัวเองก็แล้วกัน ต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้เลยนะ”

“เหอะๆ” แมวเฒ่าหัวเราะ แล้วก็พูดอย่างถูกคอว่า “ก่อนจะมา ผมก็ยังกลัวว่าจะเกิดปัญหาเรื่องการประสานงานอยู่เหมือนกันครับ แต่พอได้ยินท่านพูดแบบนี้ก็เหมือนว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว”

 

“ไม่ขนาดนั้นหรอก ตอนที่เราเรียนจบเฒ่าตงยังให้ความเป็นชนชาติจีนมาให้ผมตั้งครึ่งหนึ่งด้วย” รองผู้บังคับบัญชาหัวเราะ แล้วก็ถามขึ้นอีกว่า “เป็นยังไงบ้าง?! จะพักผ่อนสักหนึ่งวันก่อนไหม? พรุ่งนี้ค่อยมาปรึกษาหารือเรื่องคดีกัน”

“ช่างมันก่อนเถอะครับ” แมวเฒ่าตอบด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “เบี้องบนเร่งจนแทบแย่ เราเริ่มปรึกษาเรื่องคดีกันก่อนเถอะครับ พอเสร็จงานแล้ว เดี๋ยวผมจะได้เรียกมารวมพล”

 

“เด็กหนุ่มช่างกระตือรือร้นจริงๆ” รองผู้กํากับหัวเราะตอบไปทีนึง แล้วก็หันไปบอกกับตํารวจนายหนึ่งที่อยู่ข้างๆว่า “นายไปอธิบายคดีให้เสี่ยวหลี่ฟังอย่างละเอียดหน่อยนะ”

“ครับ” จ่าสิบตํารวจพยักหน้า แล้วก็หันไปอธิบายให้แมวเฒ่าฟัง “ตอนนี้หัวทางเราได้ควบคุมตัวหมอนั่นไว้ได้แล้ว แต่ข่าวที่เขาโดนจับยังไม่ได้รั่วไหลออกไป”

 

“อืม” แมวฆ่าพยักหน้าแล้วถาม “รูปใหม่ของหวังปิงน่าจะถูกส่งมาแล้ว พวกคุณได้สอบสวนหมอคนนี้ใหม่แล้วหรือยัง?”

“เอารูปถ่ายให้เขาดูเรียบร้อยแล้ว หมอคนนั้นยอมรับแล้วว่าคนที่มาซื้อยากับเขาก่อนหน้านี้ก็คือหวังปิง” จ่าสิบตํารวจพูดอธิบายเสียงเบา “ยาที่เธอซื้อเบื้องต้นเป็นยารักษาบาดแผลจากกระสุนปืน แต่ไม่ได้ให้หมอคนนี้ได้ดูอาการของคนเจ็บด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น ผมเลยคาดว่ามีผู้บาดเจ็บอยู่ในกลุ่มของพวกเขา แล้วก็ยังมีคนที่รู้วิธีรักษาอาการบาดเจ็บอีกด้วย”

“ใช่” แมวเฒ่าพยักหน้าตอบรับ “ก่อนที่หวี่เหวินเพิ่งจะหลบหนีก็ได้เกิดเหตุปะทะด้วยปืนกับพ่อค้าปืนอีกกลุ่มหนึ่งด้วย ต้องมีคนดีที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ในกลุ่มของพวกมันแน่นอน”

 

“ครับ” จ่าสิบตํารวจพยักหน้า “ความคิดเห็นของผมก็คือ เราต้องนิ่งเฉยไว้ก่อน เพราะยาเป็นของประเภทผลิตภัณฑ์สิ้นเปลือง ถ้าพวกของหวังปิงใช้หมดแล้วก็ต้องซื้อเพิ่มอีกแน่นอน ผมจะให้คนจับตามองโทรศัพท์ของหมอคนนี้เอาไว้ ขอแค่ให้เขาติดต่อกับคนคนนี้เมื่อไหร่เราก็จะเข้าจับกุมทันที”

แมวเฒ่าครุ่นคิดสักพักจึงขมวดคิ้วแล้วตอบกลับว่า “ผมกลัวแค่ว่าต่อไปฝ่ายตรงข้ามจะไม่ซื้อยาจากหมอคนนี้อีก”

“ผมว่าเป็นไปได้ยากครับ” จ่าสิบตํารวจส่ายหน้า “หมอคนนี้เป็นคนที่แพทย์ในพื้นที่ชางจีเป็นคนแนะนําให้กับหวังปิงแล้ว พวกเขาก็คงรู้จักคนจะมีความสัมพันธ์กับคนที่นี่ไม่มากนัก เพราะฉะนั้นขอแค่ข่าวที่หมอถูกจับกุมยังไม่รั่วไหลออกไป ผมว่า หวังปิงต้องซื้อยาอีกแน่นอนครับ”

“ให้หมอสาวไปถึงคนกลาง แล้วเราก็เข้าจับกุมก่อนไม่ได้หรอครับ” แมวเฒ่าถาม

 

“คนกลางคนนี้เป็นเอเย่นต์ในพื้นที่นะครับ” จ่าสิบตํารวจแสดงท่าทางไม่แน่ใจ “มันอยู่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง หมอเองก็ไม่รู้ว่าปกติ แล้วมันกบดานอยู่ที่ไหนกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้นคือถ้าเกิดข่าวการจับกุมเขารั่วไหลออกไป หวังปิงต้องไหวตัวทันแน่ๆ”

แมวเฒ่าเงียบไปสักพัก “เอาเถอะ งั้นก็ทําตามที่นายเสนอมาก็แล้วกัน”

“รับทราบครับ” จ่าสิบตํารวจพยักหน้า “เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเจอกับหมอท่านนี้นะครับ”

 

หลังจากปรึกษาอยู่ในห้องประชุมอยู่ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง รองผู้กํากับออกไปแล้ว ส่วนจ่าสิบตํารวจก็พาแมวเฒ่าไปเจอกับหมอคนนั้น

แมวเฒ่าเข้าไปสอบถามหมอในห้องสืบสวนสักสองสามประโยค แต่ก็ไม่ได้คําตอบอะไรเพิ่มเติม ถ้อยคําที่เขาให้การมาก็เหมือนกับที่จ่าสิบตํารวจพูดอธิบายไปเมื่อครู่นี้ทั้งหมด

ในเมื่อตกลงแผนการจนถึงขั้นตอนนี้แล้ว ขั้นตอนต่อมาก็ทําได้แค่รอ แต่จ่าสิบตํารวจคนนั้นก็เกรงใจมากเลยเชิญให้แมวเฒ่า ไปนั่งพักผ่อนที่สถานบันเทิงให้ได้ ถึงแม้ว่าแมวเฒ่าจะเป็นคนชอบเที่ยวกับเล่นแต่ในเวลาที่จริงจังเขาก็ไม่กล้าติดเล่นเกินไป พอเอ่ยปากปฏิเสธไปแล้วจึงกลับไปที่โรงแรมเจิ้งเอฟที่ทางเขตอันยิ่งได้จัดเตรียมไว้เพื่อรองรับพวกเขา

 

แมวเฒ่าพาทุกคนไปทามื้อเย็นที่ห้องอาหาร จากนั้นจึงทําการเปิดประชุมเล็กๆขึ้น แล้วก็กลับไปพักผ่อนพร้อมกับจู้เหว่ย

 

ก่อนจะนอน แมวเฒ่าก็ได้คุยกับจู้เหว่ยคร่าวๆ ในใจของทั้งสองต่างก็รู้ว่าเวลาที่หวังปิงจะใช้ติดต่อกับหมอ อย่างน้อยก็คงจะต้องผ่านไปสามถึงสี่วันก่อน แต่พวกเขากลับนึกไม่ถึงว่าตอนกลางวันของวันถัดมาโทรศัพท์ของหมอก็ดังขึ้นแล้ว!

 

ราวสิบเอ็ดโมง

 

แมวเฒ่ารีบเดินไปที่ห้องสอบสวนก่อนถามจ่าสิบตํารวจด้วยน้ําเสียงที่รีบร้อนว่า “ฝั่งนั้นส่งข่าวมาแล้วใช่ไหม?”

 

“ใช่ นายลองฟังเสียงที่บันทึกไว้ดูสิ” จ่าสิบตํารวจเอื้อมมือไปกดเครื่องขยายเสียง

 

จากนั้นเสียงจากเครื่องขยายเสียงก็ดังขึ้น

 

เสียงของหวังปิงดังขึ้นก่อน “หมอหลิว ฉันต้องการยาเพิ่ม”

“ได้สิ” หมอตอบกลับด้วยน้ําเสียงปกติ “เป็นยาเหมือนครั้งที่แล้วใช่ไหม?”

 

“ใช่ แต่ลดจํานวนลงครึ่งหนึ่ง” เสียงของหวังบังฟังชัด “ถ้าหมอสะดวกคืนนี้ก็ช่วยเอามาส่งให้ฉันหน่อย”

“ที่เดิมใช่ไหม?”

 

“ไม่ เราไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว” หวังปิงตอบกลับเสียงเบา “คืนนี้หลังสองทุ่ม หมอมาที่กลุ่มบ้านไท่จวง ถ้ามาถึงก็แค่โทรหาฉันก็พอ เดี๋ยวฉันไปรับหมอเอง”

“ไท่จวงที่อยู่ตรงตีนดอยใช่ไหม?”

 

“ใช่”

“ได้ ผมรู้แล้ว”

 

พอจ่าสิบตํารวจฟังถึงตรงนี้ก็เอื้อมมือไปปิดเครื่องขยายเสียงแล้วหันมาพูดกับแมวเฒ่าว่า “ไท่จวงอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณเจ็ดสิบกิโลเมตร เป็นกลุ่มบ้านที่เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นได้ไม่นาน ที่นั่นมีคนกลุ่มชาติพันธุ์ X อยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ดีที่การปกครองดีมาก มีกองรักษาการณ์พิเศษดูแลอยู่”

 

“ครั้งก่อนที่เธอนัดหมอก็ไกลแบบนี้เหมือนกันเหรอ?” แมวเฒ่าเอ่ยปากถามหมอไปคําหนึ่ง

 

“ใช่ ก็ไม่ใกล้ ห่างจากตัวเมืองประมาณห้าสิบกิโลเมตร หมอพยักหน้า

 

แมวเฒ่าฟังแล้วจึงหันตัวไป มองจ่าสิบตํารวจแล้วพูดว่า “งั้นตอนนี้เราก็เตรียมตัวกันได้แล้วล่ะ จํานวนคนของผมมีไม่เยอะ หวังว่านายจะสามารถส่งคนสักสองกลุ่มมาช่วยเราจับกุมได้”

 

“ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ผมมีคดีที่ต้องจัดการเดี๋ยวนี้เลยหาโอกาสปลีกตัวไปกับคุณไม่ได้” จ่าสิบตํารวจพูดอธิบายอย่างหมดหนทาง “แต่ผมติดต่อกับทางหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ของไท่จวงไว้แล้วครับ เขาจะส่งกําลังคนมากองหนึ่ง เพื่อมาร่วมจับกุมหวังปิงกับคุณ”

 

แมวเฒ่าอึ้งไป “ทําไมที่ไท่จวงยังมีผู้กํากับแยกอีกล่ะ?”

 

“ผมบอกแล้วว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในไท่จวงคือกลุ่มชาติพันธุ์ X เราไม่จําเป็นต้องไปจัดการ เพราะฉะนั้นทางกรมจางชีเลยให้ผู้กํากับการพิเศษไปปฏิบัติงานอยู่ที่นั่น แบบนี้คนในพื้นที่นั้นก็จะไม่รับรู้สถานการณ์ และยังทําให้ควบคุมได้ดีด้วย” จ่าสิบตํารวจพูดอธิบายอย่างละเอียด

 

“อ้อ แบบนี้นี่เอง” แมวเฒ่าพยักหน้าแล้วถามว่า “ทางเขาจะส่งคนมากลุ่มหนึ่งใช่ไหม?”

“ใช่ครับ ประสานเรียบร้อยแล้ว คุณต้องรีบไปที่กลุ่มบ้านไท่จวงก่อน พวกเขาจะพาคนมาปฏิบัติงานร่วมกับคุณ เดี๋ยวผมจะส่งช่องทางติดต่อให้คุณอีกที่หนึ่ง”

 

“แบบนั้นก็ได้” แมวเฒ่าจะทําเรื่องสุ่มสี่สุ่มห้าในถิ่นของคนอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นเลยทําได้แค่หยักหน้าตอบตกลงไป “นายเอาช่องทางติดต่อมาให้ฉัน แล้วเดี๋ยวฉันจะติดต่อประสานงานกับพวกเขาเอง คนแค่กลุ่มเดียวก็พอแล้วล่ะ”

“ครับ คุณช่วยบันทึกเอาไว้หน่อย” จ่าสิบตํารวจก็ควักโทรศัพท์ออกมาแล้วจึงเริ่มอ่านเบอร์

 

ผ่านไปสี่สิบนาที

 

แมวเฒ่าขับรถสี่ล้อโดยมีหมอนั่งไปด้วย เขารีบขับไปยังกลุ่มบ้านไถจวนอย่างรวดเร็ว. ศึกสุดท้ายก็กําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

 

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset