Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 232 ตะลุมบอน

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 232 ตะลุมบอน

 

ตอนที่ 232 ตะลุมบอน

 

ทางเดินชั้นบนสุดของจอยพาเลซ

 

ทันทีที่ฉินอวี่และแมวเฒ่าไปถึง พวกเขาก็เห็นคนหลายสิบคนตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด

 

“เยอะกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย!” แมวเฒ่าพูดพลางคิดว่าไม่อยากเข้าไปเจ็บตัวกับเรื่องของคนอื่น “ไม่ใช่เรื่องของเรา รอให้พวกยามมาจัดการดีกว่า เราไปกันเถอะ”

 

ฉินอวี่ยืดคอมองไปยังกลุ่มคนที่ตะลุมบอนกัน “ไม่เดี๋ยวก่อนทำไมฉันรู้สึกว่าไอ้คนที่โดนซ้อมอยู่คือรู้เหว่ยล่ะ?”

 

“หืม?!” แมวเฒ่าชะงักก่อนเพ่งมองย้อนกลับไปอย่างระมัดระวัง “เวรล่ะ! งูเหว่ยจริงๆ ด้วย!”

 

หลังพูดจบทั้งสองวิ่งไปข้างหน้าขณะที่ฉินอวี่ก้มตบกระเป๋าเพื่อหาตราตำรวจ แต่พอลูบๆ คลำอยู่ครู่หนึ่งก็นึกได้ว่าเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าจึงไม่ได้นำมันมาด้วย

 

“หยุด อย่าขยับ”

 

“บอกให้หยุดไง!”

 

แมวเฒ่าวิ่งเข้ามาก่อนตะเบ็งสุดเสียง “นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งรัฐพื้นทมิฬ!”

 

ทุกคนหันกลับมาหลังจากได้ยินเสียงนั้น ชายฉกรรจ์คนหนึ่งมองดูชุดแมวเฒ่าก่อนจะดึงคออีกฝ่าย “แกมีตรารึเปล่าล่ะ? ขนาดชุดยังไม่ใส่มาเลย”

 

“ก็แกกำลังพูดกับตำรวจอยู่นี่ไง!” แมวเฒ่าซื้อีกฝ่ายพร้อมกับดุเสียงดัง “ยืนหันหน้าเข้ากำแพงเดี๋ยวนี้!”

 

“ยืนบ้าอะไรวะ!” ชายฉกรรจ์พูดพลางเหวี่ยงหมัดใส่หน้าแมวเฒ่า

 

แมวเฒ่าหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ขณะตะโกนกลับ “แกกล้าทำร้ายตำรวจเหรอ?!”

 

“เห้ย! จัดการมัน!”

 

อีกฝ่ายที่กำลังเลือดขึ้นหน้าไม่สนใจว่าแมวจะเป็นตำรวจจริงหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามาขัดขวางคนกลุ่มนั้นจึงรีบพุ่งเข้าไปหาทั้งสองคนพร้อมระดมจ้วงหมัดเท้าเข่าศอกใส่ทันที

 

แมวเฒ่าหลบออกจากมุมกำแพงก่อนตั้งการ์ด ป้องกันหัวด้วยมือซ้าย เนื่องจากสภาพร่างกายที่เพิ่งพักฟื้นมาเขาจึงถูกถีบกระเด็น

 

“โครม!”

 

ฉินอวี่รีบวิ่งไปกระทั่งเข่าเข้าที่เอวของชายฉกรรจ์ด้านซ้ายจนต้องถอยกลับไปสองก้าว

 

“พลั่ก!”

 

ฉินอวี่จิกผมชายคนนั้นทันทีแล้วดึงกลับอย่างแรง ในขณะเดียวกันเขาก็ยกเท้าขึ้นและเตะหัวของชายที่โดนเข่ากระทุ่งไปที่แรกให้กระเด็นล้มไป

 

“โครม!”

 

ชายฉกรรจ์นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ไหวติง

 

ทางเข้าห้อง ด้วยความเมาจู้เหว่ย ฟู่เสี่ยวห่าว ติงกั๋วเซินและคนอื่นกำลังเสียเปรียบอย่างมาก และอีกฝ่ายยังมีร่างสูงใหญ่กำยำ

 

มีคนเคยเล่าถึงตำนานไอ้หนุ่มหมัดเมาแห่งฝอซานที่แข็งแกร่งกว่าใครๆ ว่ากันว่าเขาใช้ศิลปะต่อสู้ผนวกกับความเมาได้อย่างลงตัว

 

แต่กับคนประสบการณ์ชีวิตต่ำ หากได้ลองฟังเรื่องเล่านี้อย่างถี่ถ้วนพวกเขาจะพบว่านี่เป็นหลุมพรางที่เลวร้าย เพราะคนเมาไม่สามารถครองสติได้ดีเท่าคนปกติในแง่ของพละพลังก็ถดถอยลง แถมพวกหม่าเหลาเอ๋อยังดื่มไวน์ต่อเนื่องกันมาเป็นสองชั่วโมง แม้แต่จะยืนโพสต์ท่าดีๆ ก็ยากแล้ว

 

ไม่จำเป็นต้องถูกคนอื่นทุบตี พวกเขาก็มีโอกาสล้มลงในทางเดินได้ตลอดเวลาจะเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาเหวี่ยงหมัด? นอกจากนี้หมิงเฟยยังพาคนมากว่าครึ่งโหล แถมยังมีพรรคพวกที่รออยู่ด้านล่างอีกแปดคน แค่จำนวนคนก็ได้เปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด

 

ที่ประตู

 

หม่าเหลาเอ๋อทำได้เพียงยกแขนปกป้องศีรษะไว้ ก่อนจะตะ โกนว่า “ปืน…เอาปืนในกระเป๋าของฉันมา!”

 

“ปืน? คิดว่าแกจะมีโอกาสได้ใช้มันเหรอวะ?” หมิงเฟยยกเท้าเหยียบหัวหม่าเหลาเอ๋อ

 

ในห้องรับรอง ฉีหลินที่เมามากจนหลับพับอยู่บนโซฟาตื่นขึ้นหลังจากได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย

 

ฉีหลินสะบัดหน้าแรงๆ ก่อนจ้องไปหน้าประตูครู่หนึ่งถึงรู้ตัวว่าทุกคนกำลังสู้กันอยู่ เขาจึงหยิบขวดไวน์ขึ้นมาสองขวดแล้ววิ่งตรงเข้าไป

 

“เพล้ง!”

 

“เพล้ง!”

 

เสียงขวดแก้วแตกดังขึ้น ฉีหลินกระชับปากขวดไวน์ไว้แน่นพร้อมแทงเข้าไปที่อีกฝ่าย

 

“ฉีก!”

 

ทางด้านซ้ายหมิงเฟยหยิบถังขยะบนพื้นก่อนยกทุ่มใส่หัวของฉีหลินสองครั้งติดต่อกันเหมือนกับท่าสแลมดังก์

 

ฉีหลินหันกลับมาแล้วเดินไปข้างหน้าสองก้าว

 

“สอยมันให้ร่วง!” หมิงเฟยตะโกนพลางชี้ไปทางฉีหลิน

 

สิ้นเสียงนั้น ชายสามคนจึงรีบพุ่งเข้าประกบตัวจากด้านซ้ายและขวา เอื้อมมือไปหมายจะจับฉีหลินไว้

 

“ฉวบ!”

 

“ฉึก!”

 

ฉีหลินโยกหลบไปทางซ้ายและแทงสวนกลับไป ก่อนโยกหลบไปอีกทางพร้อมแทงในท่าเดียวกัน ขวดที่หนาก็แตกคามือด้านซ้ายแสดงให้เห็นว่ามือเขาหนักแค่ไหน

 

หลังจากชายทั้งสองถูกแทงล้มไป ฉีหลินก็เดินปรี่ไปหาหมิงเฟยก่อนเตะที่ท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง

 

หมิงเฟยกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงก่อนยกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณเพื่อป้องกันใบหน้า

 

“ฉึก!”

 

ฉีหลินแทงขวดไวน์ที่เอวหมิงเฟยด้วยมือขวาจนเลือดไหลทะลักก่อนจะเอื้อมือเพื่อแทงอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีชายพุ่งมาหาเขาอีกสี่คน

 

“กระทืบมัน!”

 

ชายฉกรรจ์ที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นตอบรับคำสั่งก่อนเตะขาฉีหลินเต็มแรง

 

ในที่แรกฉีหลินยังพอมีช่องว่างพอจะหลบหลีก แต่เมื่ออีกฝ่ายกรูกันเข้ามาอย่างหนักเขาจึงถูกสกัดล้มลงกับพื้น

 

หมิงเฟยพยายามก้าวถอยหลังไปทางซ้าย แต่ฉีหลินคว้าแขนของเขาด้วยมือขวาไว้ทันก่อนกระชากลงมา

 

เลือดที่นองอยู่บนพื้นค่อนข้างลื่นหมิงเฟยจึงลื่นล้มมานอนอยู่ด้านข้างฉีหลิน

 

“ตุบ! ตับ! ตุบ! ตับ!”

 

ฉีหลินใช้หัวโขกหน้าผากของหมิงเฟยในขณะที่เขาโดนรุมเตะอย่างไม่หยุดหย่อน

 

ตรงทางเดินฉินอวี่ผู้เคยรอดพ้นจากการต่อสู้อันดุเดือดถึงสองครั้ง ในที่สุดก็กลายเป็นกำลังหลักในวันนี้เพราะเขาไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มากนักจึงพอมีสติอยู่บ้าง หลังจากช่วยแมวเฒ่าได้เขาก็ดึงขวานดับเพลิงในตู้ตรงทางเดินออกมา

 

เขาลากขวานสีแดงที่ด้ามค่อนข้างยาวไปยังชายสองคนกำลังเตะจี้เหว่ยอย่างเมามัน

 

“ตุบ!”

 

ฉินอวีไม่พูดพร่ำทำเพลง เขายกขวานขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างก่อนเหวี่ยงอีกด้านของขวานทุบลงกลางหลังชายฉกรรจ์ตรงหน้า

 

ทันทีที่ชายคนนั้นถูกขวานทุบก็ล้มลงไปนอนกับพื้นพลางแผดเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

 

ฉินอวี่มองไปยังชายอีกสามคนตรงหน้า เนื่องจากขวานที่หนักมากเขาจึงเคลื่อนไหวลำบากแต่ถ้าเหวี่ยงสุ่มสี่สุ่มห้าเขาก็อาจฆ่าคนได้

 

ฉินอวี่จึงก้าวไปข้างหน้าพร้อมตะโกนขณะถือขวาน “ใครอยากตายก็เข้ามา! จะทุบแม่งให้หมด!”

 

หลังพูดจบฉินอวี่จึงเหวี่ยงขวานและหันหน้าไปทางกลุ่มชายฉกรรจ์

 

“ย๊าก!”

 

ฝูงชนก็รีบแยกย้ายออกไป

 

“อยากตายมากใช่ไหม?” ฉินอวี่จ้องชายคนหนึ่งที่กำลังจะง้างหมัดชกเพื่อนของตนทางด้านขวา

 

“พลั่ก!”

 

ฉินอวี่รู้สึกว่ามีเสียงมาจากด้านหลังจึงหันกลับก็เห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบวิ่งเข้ามา

 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย! จะฆ่ากันส่งท้ายปีเก่าไง?!”

 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชั้นนำตะเบ็งเสียงดัง “เก็บกวาดพวกนี้ให้หมด!”

 

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset