Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 254 ชายสองคนของมหาวิทยาลัยเฟิงเปย

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 253 ยังจําอิสระในสมัยเรียนได้อ…

 

ตอนที่ 253 ยังจําอิสระในสมัยเรียนได้อยู่ไหมเพื่อน?

 

ที่อาศัยของถังหยวนนั้นเป็นบ้านเช่าเขตสลัมในรัฐพื้นทมิฬ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉีหลินเท่าไหร่

 

ในบังกะโลพื้นที่มากกว่าสามสิบตารางเมตร ตู้หนังสือคร่ําครึขนาดใหญ่สองตู้วางตรงผนังทิศเหนือ เตียงเดี่ยวหันหัวไปทิศตะวันออก มีเครื่องครัวกระทัดรัดสําหรับอาหารจานด่วนและคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทํางานเก่าหนึ่งตัว

 

ห้องดูสกปรกและเลอะเทอะมาก เสื้อผ้าใช้แล้วถุงเท้าเหม็นหึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่ว ผนังก็เป็นปูนเปลือยที่ชะโลมไปด้วยคราบควัน

 

จ่าวเปามองโดยรอบจึงขมวดคิ้วและถามทันที “ความเป็นศิลปะผสมผสานแบบนี้มันอะไรกัน….นายอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง?!”

 

ถังหยวนตะลึงกับคําพูดของอีกฝ่าย และรู้สึกว่าจ่าวเปากําลังดูแคลนเขาอยู่จึงพูดสวนทันที “ฉันก็อยากอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตนะ แต่ฉันไม่มีครอบครัวที่ดียังไงล่ะ”

 

“โธ่เพื่อน…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น” จ่าวเปามองอีกฝ่ายก็นึกถึงตัวเองที่เพิ่งเจอเรื่องแย่มาเมื่อสองวันก่อนจึงพูดเสริมต่อ “ฉันหมายถึงนายได้เรียนโรงเรียนดีๆ คุณภาพชีวิตก็น่าจะดีตามไปด้วยสิ ทําไมยังอยู่ที่นี่ล่ะ?”

 

ถังหยวนนั่งบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อน “โรงเรียนคงใหญ่ไม่เท่าสังคมหรอก จริงอยู่สมัยเรียนเราต่างก็เป็นคนที่น่าชื่นชม แต่เมื่อก้าวเข้าสู่สังคมทุกอย่างก็เปลี่ยน ฉันเขียนอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าก็เลยต้องเข้าซังเตตั้งครึ่งปีโรงเรียนอาจให้อิสระแต่สังคมไม่ปล่อยให้ใครตั้งคําถามง่ายๆ หรอกนะ”

 

จ่าวเปาเดินไปมาในห้องและเมื่อได้ยินถังหยวนพูดก็รู้สึกไม่พอใจที่เพื่อนต้องมาตกระกําลําบากเช่นนี้เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง

 

“ดื่มน้ําหน่อยไหมล่ะ?” ถังหยวนถามขณะเติมน้ําใส่กาต้มไฟฟ้า

 

“อืม” จ่าวเปาพยักหน้าและถามต่อด้วยความสงสัย “แล้วพี่น้องล่ะ?”

 

“เมื่อก่อนเคยมีคนอยู่กับฉันที่ห้องนี้ แต่ตอนนี้มีแค่ฉันคนเดียวแล้วล่ะ” ถังหยวนตอบด้วยเสียงเรียบ

 

“แล้วตอนนี้เขียนข่าวให้สํานักข่าวไหนเหรอ?” จ่าวเปาถามอีกครั้ง

 

“สํานักข่าวเถื่อนไม่มีชื่อนะ พวกเขายังต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เปลี่ยนสัญญาณหนีเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้” ถังหยวนเสียบปลั๊กกาต้มน้ําก่อนจะพูดต่อ “แต่พวกนั้นชินแล้วล่ะ อีกอย่างฉันจะเขียนอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ”

 

ความจริงทั้งสองคนอายุเท่ากันแต่ด้วยรูปลักษณ์ของถังหยวน เมื่อไปเดินข้างนอกคนอื่นอาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นพ่อลูกกันได้

 

ถังหยวนมีผมหงอกขาวขึ้นแซมเป็นหย่อม ใบหน้าซีดโทรมและมีหนวดเครารุงรัง เขาดูแก่มากทั้งที่อายุเพียงสี่สิบกว่า

 

กลับกันจ่าวเปามีการแต่งตัวที่ดูพิถีพิถัน ผมเคลือบด้วยแว็กซ์แวววาวและเครื่องประดับบนร่างกายเขาอาจมีค่ามากกว่างานทั้งปีของถังหยวนซะอีก

 

จ่าวเปาหันไปถามถึงหยวนด้วยเสียงเบา “แล้ว…นายยังจะอยู่ในที่แบบนี้อยู่ไหม?”

 

ถังหยวนก้มหน้านิ่งอยู่นานก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อันที่จริงฉันก็อยากบอกตามตรงนะ…”

 

จ่าวเปาประหลาดใจ

 

ถังหยวนมองเพื่อนรักและพูดด้วยน้ําเสียงที่ดูตลกขบขัน “เพราะฉันโกหกนี่แหละ ตอนนี้จึงไม่มีใครอยากจะจ้างฉันเลยล่ะสิ”

 

“ฮ่าฮ่า” จ่าวเปา หัวเราะกับคําพูดนั้น “น่าสนใจ”

 

“แต่ก็ต้องอยู่ต้องกินล่ะนะ” ถังหยวนเกาหัว

 

“มาหาฉันสิ เดี๋ยวจะหาคอลัมน์ให้นายเขียนเอง” จ่าวเปามองอีกฝ่ายแล้วพูดทันที

 

ถังหยวนถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะโบกมือและพูด “พูดเป็นเล่น! งานของฉันไม่เหมาะกับสํานักข่าวนายหรอก”

 

“ฉันเป็นหัวหน้าบรรณาธิการนะ ทุกอย่างอยู่ที่ปลายปากกาของฉัน”

 

“นายไม่ต้องพยายามช่วยฉันขนาดนั้นก็ได้” ถังหยวนพยายามพูดบ่ายเบี่ยง “ยังไงผู้บริหารก็คงไม่ปลื้มหรอกถ้านายทําอย่างนั้นน่ะ”

 

จ่าวเปาพูดพลางรอยยิ้มให้กับเพื่อนคนที่เคยเรียนมาด้วยกัน “เอาเถอะ นายต้องมาหาฉัน แล้วฉันจะหาอะไรให้นายทําแน่นอน…เรื่องนี้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ ตอนนี้ฉันขอข้อมูลของเด็กแปดคนนั้นมาก่อน”

 

ถังหยวนพยักหน้าและเปิดคอมพิวเตอร์

 

“หืม..ที่นี่มีเน็ตด้วยเหรอ?” จ่าวเปาถาม

 

“อ๋อ ฉันต่อเข้ากับซิมการ์ดเอา” ถังหยวนอธิบายต่อ “ราคาถูกกว่าการใช้สายอินเทอร์เน็ตตั้งสามเท่าเลยนะ แถมคุณภาพก็โอเคพอถูพอไถ”

 

จ่าวเปามองไปที่แผ่นหลังของถังหยวนโดยไม่พูดอะไร

 

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีถังหยวนก็เปิดโฟลเดอร์เพื่อค้นหารูปภาพจํานวนมากก่อนคลิกซูมเข้าไปดูทีละภาพ “ฉันไปไม่ทันก็เลยได้มาเท่านี้แหละ พวกเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายใกล้กว่านี้แล้ว โชคดีที่ระยะไม่ไกลยังมองเห็นได้ชัดเจนอยู่”

 

จ่าวเปาเพ่งมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อเห็นภาพเด็กตายในรถตู้เขาก็ตกตะลึง

 

ถังหยวนชี้รูปภาพในหน้าจอคอมพิวเตอร์ “เห็นโซ่ที่มัดมือเด็กพวกนั้นรึเปล่า? เป็นฝีมือของกลุ่มค้ามนุษย์ล่ะ”

 

“ไม่มีใครออกมารับผิดชอบเลยเรอะ?” จ่าวเปามองเด็กและตํารวจในรูปที่ทําท่าทางเฉยเมยด้วยความประหลาดใจ

 

“เรื่องนี้ฉันยังตรวจสอบไปไม่ถึงไหนเลย” ถังหยวนมองไปที่หน้าจอพลางส่ายหัว “เหมือนจะไม่ได้ประโยชน์อะไร”

 

จ่าวเปามองไปที่ภาพด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม “นี่เพื่อน…นายพอจะมีเบาะแสอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกไหม?”

 

“อยากได้จริงๆ เหรอ?” ถังหยวนถาม

 

“ฉันเรียนหนักเป็นสิบปี เพื่อมานั่งทํางานในสํานักงานกระจอกๆ รึไง?” จ่าวเปาพูดเสียงเบา “ฉันต้องการติดตามเรื่องนี้จริงๆ”

 

ถังหยวนสังเกตจ่าวเปาก็คิดว่าท่าทีของเขานั้นยังคงเป็นเช่นเดียวกับสมัยที่ยังเรียนด้วยกัน เขาจึงยิ้มและพูดทันที “ได้สิ ฉันจะหาข้อมูลเพิ่มเติมมาให้นายเอง แต่นายต้องจ้างฉันนะ”

 

“เสนอราคามาเลยเพื่อน!” จ่าวเปาตอบอย่างมั่นใจ

 

“หนึ่งพันไปก่อนไหม ฮ่าฮ่านายมีเงินแล้วนะ” จ่าวเปาชี้ไปที่หน้าจอ “อย่าลืมส่งรูปพวกนี้มาให้ฉันด้วย”

 

“สวัสดีครับหัวหน้า! ฮ่าฮ่า” ถังหยวนยิ้มและทําท่าทางพร้อมที่จะไปปฏิบัติการ

 

….

 

อีกด้านหนึ่ง

 

เปยเตอหยงนั่งอยู่ในบ้านครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็ก้มลงกดโทรไปหาหยวนเค่อ

 

“ว่าไง? พี่เปย!”

 

“ถ้านายเพิ่มให้ฉันอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันจะร่วมหุ้นกับนาย” เปยเตอหยงกล่าวด้วยเสียงต่ํา

 

หยวนเค่อตะลึง “นี่พี่เปยพูดจริงเหรอ?!”

 

“เสี่ยวเค่อ ฉันตัดสินใจจะลงเรือกับนายแล้ว ตอนนี้ความสนใจของฉินอวี่อยู่ที่ฉัน ที่นี้นายก็มีเวลาบริหารเส้นทางส่งยาในเจียงหนานแล้วล่ะ ฉันจะสนับสนุนนายเอง ดีไหม?”

 

หยวนเค่อเงียบไปครู่หนึ่ง “โอเค เอาตามที่พี่พูดเลย”

 

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9
Status: Ongoing
บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset