Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 26

ตอนที่ 26 งานแต่งของฉีหลิน

“พี่รู้ไหมว่าเธอเป็นใคร? มาจากไหน?” หยวนเค่อถามอย่างจริงจัง

ไอ้เสือผงะพลันกล่าวตอบ “ไม่รู้”

“พี่ยกพวกไปทำร้ายคนอื่นทั้งที่ไม่รู้ประวัติเขาเนี่ยนะ? ไม่คิดน้อยไปหน่อยเหรอ?” หยวนเค่อขมวดคิ้วแน่น

“ถ้าฉินอวี่ไม่เข้ามาขวางแล้วเกิดเรื่องร้ายแรงกับผู้หญิงคนนั้นล่ะ…เคยคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาบ้างไหม? ตอนนั้นที่พี่มัตสึชิตะลักพาตัวเธอและไม่ยอมเช็กประวัติให้ดีก่อน เรื่องถึงจบไม่สวยไง…รู้ไว้ซะด้วยว่าพี่กำลังเล่นกับไฟอยู่!”

“ฉ…ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย”

“ตอนนี้สำนักงานตำรวจกำลังไล่ปราบปรามกลุ่มค้ายา และฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับมอบหมายให้จัดการเรื่องนี้ แต่พี่กลับเข้าไปพัวพันกับมัน…อยากให้งานฉันพังเหรอ? ฉันเคยบอกไว้ว่ายังไง?” หยวนเค่อตะคอก

ไอ้เสือลูบผ้าพันแผลบนหัวพร้อมกล่าว “ฉันไม่ได้อยากยุ่ง แต่ของที่เรามีมันเยอะเกินไป เลยต้องปล่อยของออกบ้าง…”

“พี่เสือ…อย่าให้เงินไม่กี่ดอลลาร์มาทำให้ชีวิตพังเลย ยังไงพี่ก็มีพวกยศสูงๆ หนุนหลังอยู่แล้ว พี่จะกังวลไปทำไมล่ะ?” หยวนเค่อถอนหายใจ “ไม่ว่าพี่จะมีเหตุผลอะไรก็ช่าง แต่ฉันขอเถอะพี่อย่าขัดคำสั่งเบื้องบนอีก แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน…ไม่มีใครช่วยพี่ได้หรอกนะ ถ้าพี่ยังทำตัวมีปัญหาในเวลาคอขาดบาดตายแบบนี้อยู่”

“อืม รู้แล้ว” ไอ้เสือพยักหน้ารับ

“อีกอย่าง…ฉินอวี่เป็นลูกน้องของฉัน ต่อไปนี้อย่าไปยั่วโมโหแต่ให้ร่วมมือกับเขาทุกอย่างเข้าใจไหม?” หยวนเค่อย้ำเตือนเพราะรู้ดีว่าไอ้เสือเป็นคนใจแคบและเจ้าคิดเจ้าแค้น

“มีคนอีกตั้งเยอะ ทำไมต้องเลือกมันมาเป็นลูกน้องด้วย?” ไอ้เสือกัดฟันถาม “ชาติชั่ว! นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าเอาปืนทุบหัวฉันแบบนี้!”

“เมื่อไหร่พี่จะเข้าใจสักทีว่าโลกนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด?” หยวนเค่อถอนหายใจ “พี่เสืออาจคิดว่าตัวเองเก่ง แต่อย่าลืมนะ มัตสึชิตะที่ว่าเก่งกว่าพี่ยังตายด้วยน้ำมือฉินอวี่ เราอยู่ในโลกที่คนธรรมดากล้าขโมยเสบียงทหาร มันเป็นยุคที่เต็มไปด้วยคนหิวกระหาย…ใครทะเยอทะยานมากก็อาจได้ขึ้นเป็นใหญ่ในวันข้างหน้า และถ้าไม่ไปขัดผลประโยชน์ใครเราก็จะอยู่รอด เข้าใจไหม?”

ไอ้เสือพยายามกลั้นความหงุดหงิดก่อนกล่าว “พูดดีจังเลยนะ…ก็ได้! ครั้งนี้ฉันจะฟังนายและปล่อยมันไปก่อน”

“ดีมาก โอเคแค่นี้แหละ ไว้เจอกัน”

หยวนเค่อกดวางสายทันทีที่พูดจบ

คืนต่อมา

ตามที่ฉินอวี่และแมวเฒ่าได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองจะไปยังย่านพี่รองเพื่อเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสที่ฉีหลินแต่งงาน ที่จริงก็ไม่ได้ถึงขั้นเป็นงานเลี้ยงฉลองอะไร มันเป็นเพียงการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น

เพราะฉีหลินไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดจัดงานเลี้ยงใหญ่โตได้

เมื่อพวกเขาไปถึงร้านอาหารก็สองทุ่มแล้ว ฉินอวี่มองไปรอบๆ ชั้นสองของร้าน และพบว่าแขกที่ได้รับเชิญส่วนใหญ่เป็นคนคุ้นเคยในสำนักงานตำรวจรวมไปถึงเพื่อนบ้านของฉีหลินและน้องสาวของเขาด้วย

“แม่ไม่มาด้วยเหรอ?” แมวเฒ่าถามพลันมองไปโดยรอบ

“แม่รู้สึกไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้มาด้วย” ฉีหลินตอบด้วยรอยยิ้ม เขาพาน้องสาวตาบอดไปพบกับฉินอวี่และแมวเฒ่า “พวกนายยังไม่เคยเจอเธอใช่ไหม? นี่ฉียู่น้องสาวฉัน”

“ยินดีที่ได้เจอค่ะพี่ฉินอวี่”

ดูจากรูปลักษณ์แล้วฉียู่น่าจะอายุราวสิบสองปี ใบหน้าโดดเด่นนั้นทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความรู้สึกฮึกเหิม แต่ช่างน่าเศร้าใจที่ดวงตาของเธอกลับบอดสนิท

“อืม…ดีใจที่ได้เจอเช่นกันนะ” ฉินอวี่กล่าวทักทายก่อนหันไปมองเบลล่าผู้เป็นเจ้าสาว “วันนี้คุณสวยมาก”

เบลล่าในชุดกี่เพ้ายิ้มให้ฉินอวี่พลางพยักหน้า “สวัสดีค่ะ”

แมวเฒ่ามองเบลล่าผู้เลอโฉมก่อนหยอกล้อ “เธอดูดีกว่าเมื่อก่อนมากเหมือนคนละคนเลย”

“นี่ชมกันจริงๆ ใช่ไหม! ” ฉีหลินยิ้มก่อนกวักมือเรียกทั้งสองไปนั่ง “พวกนายนั่งโต๊ะใหญ่เลย”

ฉินอวี่และแมวเฒ่าเดินไปนั่งทานของว่างบนโต๊ะและรองานเลี้ยงเริ่มอย่างใจจดใจจ่อ

เวลาผ่านไปไม่นาน หยวนเค่อและไอ้เสือก็เดินทางมาถึง

“โอ้! ผู้หมวดหยวนมาด้วยเหรอ?”

“ผู้หมวดหยวนก็มาร่วมเลี้ยงฉลองงานแต่งฉีหลินเหมือนกันเหรอครับ?”

แขกแทบทั้งงานต่างลุกขึ้นทักทายทันทีที่เห็นหยวนเค่อ

“ตามสบายเถอะ…ฉันแค่มาแสดงความยินดี เดี๋ยวก็กลับแล้ว” หยวนเค่อไล่กล่าวทักทายคนในงานก่อนเดินไปนั่งโต๊ะแขกพิเศษเช่นเดียวกับฉินอวี่และแมวเฒ่า “ไอ้พวกเหลวไหล ทิ้งงานมาเหรอ?”

ฉินอวี่หัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวตอบ “ผมเสร็จงานสอบสวนแล้วถึงมาครับ”

หยวนเค่อตบต้นขาฉินอวี่พลางหันไปหาไอ้เสือและเอ่ยถาม “ทั้งสองคนรู้จักกันแล้วใช่ไหม?”

“จะไม่รู้จักได้ไง? เราเพิ่งเจอกันเมื่อวาน!” ไอ้เสือชี้ไปที่ผ้าพันแผลรอบศีรษะพลางยิ้มให้ฉินอวี่ “ไอ้น้อง เมื่อวานนายทำฉันประทับใจมากเลยนะ”

ฉินอวี่รับรู้ได้ถึงความเป็นมิตรผ่านคำพูดของไอ้เสือก่อนยื่นมือไปข้างหน้าพร้อมกล่าว “ขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนะครับ ผมไม่รู้ว่าพี่รู้จักกับผู้หมวดหยวน”

“หยวนเค่อบอกฉันแล้ว ถ้าผู้หญิงคนนั้นมีเส้นสายใหญ่โตจริง แสดงว่าเมื่อวานฉันรอดเพราะได้นายช่วยห้ามไว้” ไอ้เสือตอบอย่างสุภาพก่อนจับมือฉินอวี่ “ลืมมันไปซะแล้วมารู้จักกันใหม่ดีไหม? เราทั้งคู่ต่างสนิทกับหยวนเค่อ เพราะงั้นก็เหมือนครอบครัวเดียวกันนั่นแหละ เดี๋ยวออกไปเที่ยวกันบ่อยๆ นายจะรู้เองว่าฉันเป็นคนยังไง”

“ได้สิ ผมดีใจที่จะได้รู้จักพี่มากขึ้น” ฉินอวี่พยักหน้าตอบ “วันหลังเราไปดื่มกันนะครับ”

“ได้สิไอ้น้อง!”

หลังทักทายเสร็จ แมวเฒ่าก็โน้มตัวกระซิบข้างหูฉินอวี่ “นายไปรู้จักคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ฉันทะเลาะกับเขาเมื่อวาน” ฉินอวี่กระซิบตอบ

แมวเฒ่ามองไอ้เสือด้วยท่าทีรังเกียจก่อนเตือนฉินอวี่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พยายามอยู่ให้ห่างไอ้สวะนี่ไว้จะดีกว่านะ”

“ทำไมเหรอ?”

“ปีที่แล้วมันเคยมีเรื่องกับนักเลงคนหนึ่งในเขตพื้นทมิฬก่อนจะขับรถชนเมียเขาตาย” แมวเฒ่ากล่าวด้วยสีหน้าเกลียดชัง “ตอนนั้นเธอเพิ่งท้องได้หกเดือน แต่ต้องมาแท้งเพราะคนเลวๆ แบบนี้”

ฉินอวี่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม “แล้วเขาไม่ได้รับโทษอะไรเลยเหรอ?”

“รับโทษกับผีน่ะสิ! ไอ้อันธพาลนั่นไปจ้างเด็กสองคนมาเป็นพยานเพื่อยืนยันว่าตนบริสุทธิ์…สุดท้ายก็ถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุ แค่จ่ายเงินไม่กี่ดอลลาร์ก็รอดแล้ว” แมวเฒ่ากล่าวเสียงแข็ง “นั่นแหละคือสิ่งที่ไอ้เดนมนุษย์นี่เป็น”

เมื่อได้รู้เช่นนั้น ฉินอวี่จึงหันไปมองไอ้เสืออย่างเย็นชาและไม่คุยอะไรกับเขาอีก

หยวนเค่อมาได้ไม่นานงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น ทุกคนร่วมดื่มอวยพรให้ฉีหลิน บรรยากาศในงานเริ่มครึกครื้น

ระหว่างงานเลี้ยง หยวนเค่อเริ่มพูดคุยกับฉินอวี่ “ในสำนักงานตำรวจมีแค่ไม่กี่คนที่เข้าตาและนายก็เป็นหนึ่งในนั้น ทุกวันนี้คนที่มีไหวพริบไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็รอด ถ้ายังทำงานให้ฉันอยู่ ฉันรับรองว่านายจะได้ทุกอย่างที่สมควรจะได้”

“รับทราบครับผู้หมวดหยวน” ฉินอวี่พยักหน้าอย่างเคอะเขิน

“รอเดี๋ยว” หยวนเค่อตบแขนของฉินอวี่พลันรินไวน์ใส่แก้วและลุกขึ้นกล่าว “ทุกคน…ฉันขอรบกวนเวลาหน่อย”

บรรดาเพื่อนและเครือญาติของฉีหลินทั้งสามโต๊ะหันมองหยวนเค่อทันที

“นี่เป็นโอกาสที่น่ายินดีของฉีหลิน ในเมื่อเรามาเพื่อเฉลิมฉลอง ฉะนั้นเรามาดื่มยินดีให้เขากันดีไหมครับ?” หยวนเค่อชูแก้วไวน์ด้วยรอยยิ้มพลางส่งเสียงเชื้อเชิญคนในงาน

ทุกคนต่างลุกขึ้นและอวยพรให้กับฉีหลินตามหยวนเค่อ

คู่บ่าวสาวยกแก้วขึ้นร่วมดื่มฉลองกับแขกในงานเช่นกัน

หยวนเค่อดื่มไวน์ด้วยความยินดีก่อนเติมให้ตนเองอีกแก้ว

“ผมขอพูดอีกเรื่อง…ฉินอวี่เพิ่งเข้ามาทำงานในสำนักงานตำรวจของเราได้ไม่นาน แต่ผมก็ภูมิใจในตัวเขา ผู้กำกับหลี่เองก็พอใจต่อผลงานที่ผ่านมาอย่างมาก นี่จึงเป็นโอกาสดีที่ฉินอวี่จะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า ผมขอฝากเขาไว้ให้ทุกคนช่วยดูแลด้วยนะครับ”

เพราะคำพูดของหยวนเค่อจึงทำให้ฉินอวี่กลายเป็นจุดสนใจ เพื่อนร่วมงานทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักต่างพากันอวยพรเขา

หากเป็นคนอื่นที่ได้รับคำชมจากหยวนเค่อคงไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่สำหรับฉินอวี่ซึ่งมาจากเขตพัฒนา เขารู้วิถีสังคมแบบนี้ดีจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับการทำดีของหยวนเค่อ

ฉินอวี่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการที่เขาสามารถไขคดีมัตสึชิตะและคดีลักลอบขายยาเถื่อนได้สำเร็จ คงไม่แปลกหากเบื้องบนจะดูแลเขาเป็นพิเศษ เพราะไม่มีหัวหน้าคนไหนไม่ชอบลูกน้องที่มีความสามารถ

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี่รู้สึกว่าหยวนเค่อดูแลเขาดีเกินกว่าลูกน้องทั่วไป หากลองคิดดูให้ดี…เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหยวนเค่อ จึงทำให้พฤติกรรมนั้นดูน่าสงสัย

ด้วยเหตุนี้ ฉินอวี่ค่อนข้างคิดหนัก

เมื่องานเลี้ยงใกล้จบ

หยวนเค่อมองนาฬิกาก่อนเรียกฉินอวี่เบาๆ “ไปข้างนอกกับฉันหน่อย”

“ครับ” ฉินอวี่พยักหน้าพร้อมเดินตามหยวนเค่อไปข้างล่าง

ขณะเดียวกันบนชั้นสอง ไอ้เสือเดินไปหาฉีหลินด้วยอาการเมาพร้อมรอยยิ้มน่ารังเกียจ “นี่…ฉันมีเรื่องจะถาม”

ฉีหลินเคยเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยหนึ่ง ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะจำไอ้เสือไม่ได้ จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ “มีอะไรเหรอครับพี่เสือ?”

ไอ้เสือจ้องเบลล่าพลันถาม “นายได้ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน?”

ฉีหลินตะลึงก่อนเหลือบมองเบลล่าพร้อมกล่าวตอบ “จะตอบตามจริงแล้วกัน ผมไปรับเธอมาจากหมู่บ้านเป่ยไท่ ทางเหนือของซ่งเจียง”

“จ่ายไปเท่าไร?” ไอ้เสือถามด้วยแววตาเป็นประกาย

“สี่พันห้าร้อยดอลลาร์ครับ”

“สุดยอด! นายได้ของดีขนาดนี้มาในราคาสี่พันห้าร้อยดอลลาร์เองเหรอ? คุ้มฉิบหาย!” ไอ้เสือเอ่ยปากชม

ฉีหลินไม่ตอบกลับอะไรนอกจากยิ้ม

“พรุ่งนี้พาฉันไปเจอแม่เล้าหน่อย…อยากดูว่ามีของดีอีกไหม”

ฉีหลินผงะ “พี่เสือไม่ได้มีภรรยาอยู่แล้วเหรอครับ?”

“เฮ้ย! ทำไมฉันจะมีเมียหลายคนไม่ได้?” ไอ้เสือกล่าวพลางใช้นิ้วเขี่ยฟันสกปรกของตน

“จะเก็บเงินเยอะแยะไปทำไม…เอาไปซื้อความสุขใส่ตัวดีกว่า”

“ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะแนะนำแม่เล้าให้”

“ตกลง!” ไอ้เสือมองเบลล่าพลันกล่าว “หุ่นเธอไม่เลวเลยนะเนี่ย…ทั้งขายาว ทั้งสวย”

ฉีหลินรู้สึกอึดอัดที่ได้ยินคนพูดถึงภรรยาแบบนี้ เขาหยิบขวดไวน์ขึ้นพลางกล่าว “มาพี่เสือ…ผมกับเบลล่าจะดื่มอวยพรให้”

“ได้สิ”

“เบลล่า…มาดื่มอวยพรให้พี่เสือกัน” ฉีหลินพูดพร้อมรินไวน์ให้ทั้งสอง

เบลล่าเดินไปหาฉีหลินพร้อมก้มหัวกล่าว “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่เสือ”

“น้องสะใภ้…พี่จะบอกอะไรให้ ชีวิตฉีหลินลำบากมาก…” ไอ้เสือคล้องแขนเบลล่าและเริ่มพล่ามไม่หยุด

ด้านนอกร้านอาหาร หยวนเค่อนั่งเบาะข้างคนขับพร้อมกล่าวกับฉินอวี่ “นายขับรถ…เราจะกลับไปคุยกันที่สำนักงาน”

“ครับ” ฉินอวี่ตอบก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์และขับออกไป

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ฉีหลินและแขกในงานต่างแยกย้ายกลับบ้าน ฉียู่ตรงไปที่ห้องของแม่ขณะที่บ่าวสาวกำลังขึ้นห้องเพื่อดื่มด่ำคืนแรกของชีวิตคู่

“ก๊อก ก๊อก!”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะฉีหลินกำลังถอดเสื้อผ้า

“ใคร?”

“ออกมา” ชายที่เคยมาหาเขาเมื่อสองสามวันก่อนกล่าว

ฉีหลินตกใจรีบใส่เสื้อผ้าและออกไปตามเสียงเรียก

ใต้แสงจันทร์สลัว อาหลง…ชายที่กำลังถูกหมายหัวทั่วซ่งเจียงสำรวจรอบบริเวณอย่างระมัดระวังก่อนกล่าว “ไปหาที่เงียบๆ คุยกันเถอะ”

ฉีหลินตกตะลึงอยู่นานก่อนจะพุ่งไปกระชากอาหลงด้วยดวงตาแดงก่ำ “เสียสติไปแล้วเหรอ? วันนั้นพี่เกือบทำผมตาย!”

………………………………….

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset