ตอนที่ 279 ฉินอวี่คิดบัญชี
ก่อนรุ่งสาง
ที่ห้องทํางานฉินอวี่แอบย่องออกมาโดยหลบเลี่ยงรัศมีกล้องวงจรปิดทั้งหมด กระทั่งเดินไปถึงลานจอดรถด้านนอกอาคาร เขาชําเลืองมองดูโดยรอบก่อนจะเปิดท้ายรถด้วยกุญแจ
ฉินอวี่เหลือบก้มเปิดหีบไม้ ด้านในก็คือชุดฝึกตํารวจที่ถูกขมวดยัดยู่ยอยู่
“เฮ้อ! นายทําอะไรกับชุดฉันเนี่ย” ฉินอวี่บ่นพึมพําขณะหยิบชุดฝึกออกมาจึงดู จากนั้นเขาก็มองเขาไปในรถ
เครื่องแบบนี้ไม่เพียงแต่ตํารวจเท่านั้นที่สวมใส่ แต่ยังมีคนทํางานกลางแจ้งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกด้วย ชุดดังกล่าวเป็นผ้ายืดบาง และสวมใส่พอดีตัว จึงเหมาะมากสําหรับการทํางานราคาก็ไม่แพงมานัก ดังนั้นชุดแบบนี้จึงไม่สะดุดตาบนท้องถนน
ฉินอวขึ้นรถไปเปลี่ยนเครื่องแบบ เขาก้มลงตรวจสอบดูกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงอย่างดี เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรแล้ว เขาก็เดินออกจากสํานักงานไป
หลังจากเดินไปตามถนนได้ห้านาที ฉินอวี่ก็เลี้ยวเข้าตรอกหลังร้านค้าแห่งหนึ่ง ก่อนขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแรงม้าต่ําไปยังจุดที่ฉีหลินมอบให้เขาทางโทรศัพท์
ในห้องพักกลางเมือง
เฉินป๋อในชุดลําลอง ขณะยืนฉ่อยู่เขาก็ต้องสะดุ้งกับเสียงคนมาเคาะประตู
“ใครน่ะ?” ภรรยาของเขานอนถามอยู่บนเตียง
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวผมไปเอง” เฉินป้อตอบขณะรัดเข็มขัดแล้วเดินไปยังประตูหน้าห้องเพื่อเปิดออก
ด้านนอกห้องหัวหน้าทีมป้องกันร่วมของกองพันที่สองมองเฉินป๋อพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง “หัวหน้าเฉินมีบางอย่างเกิดขึ้นนอกเขต!”
“ฉันโทรเรียกนายมาเหรอ?”
“ผมเพิ่งรับโทรศัพท์ก่อนจะเข้าประตู” หัวหน้าทีมพยักหน้า “ผมได้ยินมาว่า…”
“กริง!”
โทรศัพท์เฉินป๋อดังขึ้นฉับพลัน เขาเงยหน้าขึ้น มองหัวหน้าทีมพลางกดรับสายทันที “ฮัลโหล?”
“ฮัลโหล? อยู่ในสายรึยัง?”
“ที่นี่สัญญาณไม่ดีเลย…ได้ยินรึเปล่า?”
“หัวหน้าเฉินเกิดเรื่องใหญ่แล้ว หลี่หยานประธานคณะกรรมการบริหารพวกเขาตายกันหมดแล้ว” ชายในโทรศัพท์พูดด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ “และตอนนี้ผู้บังคับกองพันได้รวบรวมกําลังพลเพื่อตามล่าคนร้ายแล้ว”
“แน่ใจนะว่าหลี่หยานตายแล้ว?!” เฉินป๋อยืนตัวแข็งพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
“ศพทั้งหมดจะถูกส่งกลับค่ายกองพันที่สองของเรา”
เฉินป๋อได้ยินดังนั้นเขาก็พูดทันที “ฉันจะไป นอกเขตเดี๋ยวนี้”
“มาเร็วๆละ” อีกฝ่ายก็กังวลมากเช่นกัน “การปล้นสินค้าครั้งนี้เป็นการกระทําโดยพลการของกองป้องกันร่วม แถมตอนนี้หลี่หยานและจ่าทหารทั้งสามหายไปแล้ว คาดว่ากรมทหารจะต้องสอบสวนเรื่องนี้แน่นอน”
“มาเร็วๆละ” อีกฝ่ายก็กังวลมากเช่นกัน “การปล้นสินค้าครั้งนี้เป็นการกระทําโดยพลการของกองป้องกันร่วม แถมตอนนี้หลี่หยานและจ่าทหารทั้งสามหายไปแล้ว คาดว่ากรมทหารจะต้องสอบสวนเรื่องนี้แน่นอน”
“โอเคๆ ฉันรู้แล้ว!” เฉินป้อกังวลเป็นอย่างมาก “ฉันจะไปทันที!”
“เร็วเข้า!”
หลังสิ้นเสียงทั้งสองก็วางสาย
หัวหน้าทีมด้านนอกเหลือบมองเฉินป๋อ “พวกเขาเรียกคุณด้วยเหรอครับ?”
“เร็วเข้า!” เฉินป๋อพูดอย่างตื่นตระหนก “รีบกลับไปที่ค่าย”
“เดี๋ยวเขาก็มาแล้ว รออีกหน่อยไหมครับ?” หัวหน้าทีมถาม
“ไม่มีเวลาแล้ว จะรอเขาได้ยังไง?” เฉินป้อถามทันที “นายขับรถมาหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ”
“งั้นเราล่วงหน้ากันไปก่อนเลย”
“ได้ครับ”
หลังจากพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว เฉินป๋อก็ก้าวออกจากห้องพลางกดโทรออกหาเป่ยเตอหยงทันที เขาโทรไปสองครั้งอีกฝ่ายก็ปิดเครื่อง
“บัดซบ! ทําไมติดต่อไม่ได้วะ?!”
เฉินป๋อกระวนกระวายใจมาก เพราะเขากับหลินยานมีส่วนร่วมในการปล้นครั้งนี้ด้วย พวกเขายกกองทหารไปโดยพลการ โดยไม่แจ้งผู้บัญชาการทหารระดับสูงเลย เพื่อไปซุ่มดักปล้นสินค้า
ตามระบบหรือกฎข้อบังคับ หากหน่วยรบตั้งแต่ระดับกองร้อยจะเคลื่อนพลจําเป็นจะต้องแจ้งผู้บัญชาการเพื่อให้อนุมัติก่อน และรอจนกว่าคําสั่งจะออกมา
แต่เฉินป๋อและหลี่หยานได้รวบรวมกองกําลัง เพื่อทําการโจรกรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว นั่นเป็นการขัดต่อกฎทหารอย่างแน่นอน หากถูกจับได้ต้องถูกตัดสินจําคุก ไม่ก็ถึงขั้นประหารด้วยการยิงเป้าด้วยซ้ํา
อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมในเขตนี้แตกต่างจากภูมิภาคอื่นเพราะการจัดตั้งทีหลังทําให้สภาพแวดล้อมรวมไปถึงทรัพยากรมีไม่มาก ลําพังแค่เงินจากกรมพวกทหารคงอยู่กันไม่ได้ ดังนั้นบางครั้งพวกเขาต้องหารายได้จากวิธีต่างๆมาสร้างเม็ดเงิน ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎและไม่ก่อให้เกิดชื่อเสียงด้านลบ พวกเขาก็จะลืมตาอ้าปากได้สบาย
ที่ทางเข้าด้านหน้าของอาคาร เฉินป๋อมองหัวหน้าทีมด้วยสีหน้าร้อนรนก่อนจะออกคําสั่ง “นายขับรถพาฉันไปส่วนฉันจะหาวิธีติดต่อหยวนเค่อ”
“ได้ครับ” หัวหน้าทีมพยักหน้าก่อนก้าวไปข้าง หน้า
“กุบ…กับ!”
ในขณะนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเก้าเข้ามาจากทางขวา
หัวหน้าทีมหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินออกมาจากตรอกนั้น เดินก้มหน้าล้วงกระเป๋า กางเกงฝีเท้าไม่เร็วหรือช้าเกินไป
ท่ามกลางท้องฟ้ามืดสลัวแสงโดยรอบก็มีไม่มาก พวกเขาได้ยินเพียงเสียงฝีเท้านั่น หัวหน้าทีมรู้สึกว่าท่าทางฝ่ายตรงข้ามแปลกไป เขาจึงสังเกตมองอย่างระมัดระวัง
ชายคนนั้นเดินใกล้เข้ามายังหัวหน้าทีม เผยให้เห็นหน้ากากสีดําปิดหน้าอย่ามิดชิด
“หยุดนะ!” หัวหน้าทีมถอยหลังหนึ่งก้าวก่อนเอื้อมมือไปจับปืนพกที่เอว
ฉินอวี่ที่เข้ามาในระยะโจมตีจึงเปิดฉากด้วยการถีบ
“พลั่ก!”
เสียงถีบดังชัด หัวหน้าทีมเซถอยหลังไปสามก้าว
ฉินอวี่ถูกแขนเสื้อขึ้นด้วยมือซ้าย และยกแท่งเหล็กยาวกว่าหนึ่งเมตรด้วยมีอีกข้างฟาดลงมา
หัวหน้าทีมยกแขนขึ้นป้องกันด้วยสัญชาตญาณ
“ฟุบ…ผัวะ!”
เสียงกระดูกหักดังขึ้น หัวหน้าทีมร้องคร่ําครวญด้วยความเจ็บปวด
“ผัวะ!”
ฉินอวี่ฟาดอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรสักคํา จนอีกฝ่ายล้มลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้นเลือดอาบเต็มหน้า
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เขาใช้เวลาไม่กี่วินาทีจัดการสิ่งเหล่านี้ เฉินป๋อที่เห็นว่าท่าไม่ดีจึงรีบหันหลังเตรียมจะหนี้
ฉินอวกระชับแท่งเหล็กและขณะเล็งไปที่เบ้า เข่าด้านหลังของอีกฝ่าย เขายกแท่งเหล็กในมือขวาขึ้นทุบอย่างรวดเร็ว
“ตุบ!”
เสียงแท่งเหล็กกระทบกับกระดูกหัวเข่าดังลั่น เฉินป๋อมีอาการปวดขาขวาของเขา และล้มลงในสภาพหงายหน้า
“กะ…แกเป็นใคร?!” เฉินป้อถามด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
ฉินอรี่ไม่พูดอะไร เขายกขาขวาเตะเฉินป้อเต็มแรง จนร่างอีกฝ่ายกระเด็นไปข้างหน้าบนกองหิมะกว่าครึ่งเมตร
ฉินอรี่ไม่พูดอะไร เขายกขาขวาเตะเฉินป้อเต็มแรง จนร่างอีกฝ่ายกระเด็นไปข้างหน้าบนกองหิมะกว่าครึ่งเมตร