Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 283 พิสูจน์ความจริง

ตอนที่ 283 พิสูจน์ความจริง
ในบริเวณสํานักงานตํารวจ กริ่งดังขึ้นสามครั้ง ตํารวจหลายร้อยนายรีบวิ่งไปที่ประตูจากฝั่งด้านในและนอกอาคาร
รองหัวหน้าทีมสามตะโกนด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ในเขตนี้ปกครองโดยสํานักงานตํารวจ พวกแกที่มาบุกรุกก็เป็นได้แค่อันธพาลเท่านั้นแหละ…ปล่อยโว้ย!”
“ปล่อยสิวะ!”
ตํารวจยี่สิบหรือสามสิบคนมารวมตัวกันและตํารวจนายหนึ่งผลักเสี่ยวชวีออกไป
“พวกแกอยากลองดีนักใช่ไหม?!” ทหารข้างกองพันที่ถือปืนอยู่ ยกปืนจ่อบังคับให้ถอยขึ้นบันไดไป
“หมับ!”
ในขณะนั้นเองฟูเสี่ยวห่าวเดินปรี่ออกไปก่อนใช้ มือซ้ายจับกระบอกปืนฝ่ายตรงข้ามและปัดปืนทิ้งด้วยมืออีกข้างอย่างรวดเร็ว
ทหารที่ปืนหลุดออกจากมือก็อึ้งนิ่งไป
“จะลองดีอีกไหมงั้นเหรอ? ไอ้พวกปัญญาอ่อน!” ฟูเสี่ยวห่าวถามกลับด้วยความมั่น
ใจ
“ไอ้เวรนี่!”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้นผู้บังคับกองพันก็อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา หน้าเขาแดงก่ําก่อนชักปืนพกขึ้นมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าหมายจะยิงสั่งสอนอีกฝ่าย
“อย่าเลยครับท่าน!”
จ่าทหารด้านหลังคว้าแขนผู้บังคับกองพันไว้ และรีบพูดเตือนสติทันที “เรามาเพื่อตําหนิ ไม่ใช่เพื่อทะเลาะวิวาทกันนะครับ”
ผู้บังคับกองพันกัดฟันแน่นพลางข่มตัวเองให้วางปืนลงอย่างสงบ ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่น “ได้! พวกฉันจะไม่บุกเข้าไป แต่ขอคุยกับหัวหน้าของพวกแกหน่อยได้ไหม?!”
หน้าทางเข้า หัวหน้าทีมสองวิ่งเข้ามาชี้ว่าทหารด้านล่างอย่างไม่พอใจ “วางอาวุธลงสิวะ! และถ้าคิดจะทําอะไรโง่ๆ ทีมฉันก็พร้อมจะยิงหัวพวกแกระเบิดแน่”ออกไป!“ในบรรดาเจ้าหน้าที่ตํารวจหกสิบกว่านายที่รวมกันอยู่ข้างนอก จู่ๆก็มีคนตะโกนขึ้นมา”ใช่…ออกไปซะ! พวกทหารถ่อย! “ตํารวจไม่เปิดฉากยิงพวกทหารก่อนแน่นอน แต่หากอีกฝ่ายทําอะไรไม่คิดพวกตํารวจก็คงไม่ลังเลเพื่อจะสวนกลับทันที และไม่กลัวสิ่งที่ตามมาภายหลัง
ผู้บังคับกองพันได้ยินเสียงขับไล่เหล่านั้นจึงตะโกนกลับด้วยใบหน้าบูดบึง”ก็แค่ปล่อยหัวหน้าพวกแกออกมา! ฉันมีเรื่องที่ต้องถามให้แน่ใจ”ทุกคน หยุดตะโกนกันได้แล้ว!“ขณะทั้งสองฝ่ายกําลังโต้แย้งกัน รองผู้อํานวยการที่ดูแลงาน พลเรือนในกรมตํารวจก็เดินออกจากฝูงชน”เฒ่าตงไม่มาด้วยเหรอครับ? “ติงถั่วเซินหันไปถามเขาจะมาได้ยังไง?”ฉินอวี่คิดในใจว่า เป็นไปไม่ได้หรอกที่ผู้บังคับกองพันจะบุกเข้ามากล่าวหาเขามือเปล่า หากเขาไม่มีหลักฐานในมือ คงไม่มีวันบุกพรวดพราดเข้ามาในสํานักงานตํารวจเช่นนี้แน่
เมื่อคืนนายมีธุระกับเฉินป๋อเปล่า? หึม…มีไหม?
ฉินอวี่พิจารณาอย่างรอบคอบเป็นเวลานาน เขาจําไม่ได้ว่าเขาทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในที่เกิดเหตุ เขาเริ่มกังวลขึ้นมาในใจเพราะไม่รู้ว่าเขาพลาดตรงไหน”วางอาวุธลง! “รองผู้อํานวยการก้าวไปข้างหน้าพลางตะโกนใส่ทหาร” ถือไว้เฉยๆ แล้วจะมีประโยชน์อะไร จะยิงกันเหรอ?“หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง อีกฝ่ายโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคน วางปืนลง” คุณเป็นถึงหัวเรือใหญ่มายุ่งอะไรกับสถานีตํารวจของเรา?”รองผู้อํานวยการขมวดคิ้ว ถามผู้บังคับกองพัน ฉันรู้ดีเรื่องระเบียบการติดต่อผู้บังคับกองพันเอามือล้วงกระเป๋าและพูดด้วยเสียงเรียบ” แต่เมื่อเช้านี้หัวหน้าทีมป้องกัน ร่วมของเราในเขตเมืองถูกพวกอันธพาลซุ่มโจมตี กระดูกขาเขาหักใช้การไม่ได้อีกแล้ว” อ๋อ งั้นคุณเลยมาแจ้งความสินะ ดีเลยย เดี๋ยวผมดําเนินคดีให้ละกัน!“รองผู้อํานวยการตอบ”ฉันไม่มีเวลาคุยไร้สาระกับคุณ “ผู้บังคับกองพันกล่าวอย่างรวบรัด” คนร้ายเป็นคนที่แอบออกจากตรอกหลังก่อเหตุ เขาคงไม่คิดว่ากัปตันของเราจะแจ้งหัวหน้าเสี่ยวชวีก่อนเกิดเรื่องให้ไปรับเขา”
รองผู้อํานวยการถึงกับอึ้ง
“เขาเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย” ผู้บัญชาการกองพันผายมือไปยังเสียวชวีและพูดอย่างแข็งกร้าว “ฉันเจอคนร้ายในตรอกเมื่อเช้านี้”
“แล้วคุณทหารเห็นหน้าคนร้ายไหม?” รองผู้อํานวยการถามด้วยน้ําเสียงที่แสร้งทําว่าเป็นห่วง
“ไม่เห็น” เสียวชวีส่ายหัว “แต่เขาทิ้งบางอย่างไว้ในที่เกิดเหตุ”
เมื่อฉินอวี่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขานึกทันทีว่าเขาทิ้งหลักฐานอะไรไว้เมื่อเช้านี้อย่างรอบคอบ”มันคืออะไร?”รองผู้อํานวยการถาม
หัวหน้ากองพันหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า ก่อนส่งให้อีกฝ่ายด้วยการพูดเยาะเย้ย”น่าจะเป็นเอกสารของสํานักงานตํารวจพื้นทมิฬนะ..มีการเซ็นรับเมื่อต้นปี ดูหน่อยซิว่าใครเซ็นรองผู้อํานวยการก้มดูเอกสาร สีหน้าเขาแปลกใจมาก เขาจึงมองไปข้างหลังเขาตามสัญชาตญาณ
ท่ามกลางฝูงชนฉินอวี่กําหมัดแน่นด้วยรู้สึกประหม่า หัวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
ผู้บังคับกองพันนําคนมาพร้อมกับหลักฐานในมือ สิ่งที่ทําให้ฉินอวิ่งงงวยอย่างหนัก เพราะก่อนที่จะออกไปเขาล้วงกระเป๋าทั้งหมดอย่างละเอียด แต่เขาไม่พบเศษอะไรข้างใน
เอกสารฉบับนี้มันไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร? อีกฝ่ายจงใจทําฉบับปลอมขึ้นมางั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นการเสี่ยงเกินไป
ฉินอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเขาจะจํารายละเอียดทั้งหมดได้
ก่อนฉินอวี่จะโดนฟันเขาบล็อกมันด้วยขาขวา และส่วนนั้นก็คือกระเป๋าขาของชุดฝึกนั่นเอง
โดยปกติฉินอวี่ไม่เคยมีนิสัยชอบเอาของหรีออะไรก็ตามไปใส่ในกระเป๋าขาใบเล็กแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจที่จะค้นดู”ให้ตายเถอะ มันเป็นอะไรที่ย่ําแย่มาก“ฉินอวี่กําหมัดแน่นท่ามกลางฝูงชน
ที่บันได
รองผู้อํานวยการมองไปที่ลายเซ็นบนเอกสาร ก่อนจะถามเยาะเย้ย”เอกสารแค่แผ่นเดียวคุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ? ว่าคนของคุณถูกโจมตีโดยผู้กํากับ ไร้สาระสิ้นดี…เอกสารหล่นหายก็เป็นเรื่องปกตินี่นา”เสี่ยวชวีดูเหมือนจะเดาออกว่ารองผู้อํานวยการจะพูดอะไรต่อ เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม”แน่นอนเอกสารไม่สามารถอธิบายอะไรได้ แต่เราก็สามารถนํามันไปเชื่อมกับหลักฐานอื่นในตัวคนร้ายได้เพื่อมัดตัวเขา รองผู้อํานวยการถึงกับอึ้ง”เมื่อเช้านี้ผมได้ปะทะกับเขาคนนั้นในระยะประชิด“เสี่ยวชวีเหลือบไปมองในฝูงชน” หลังเขาถูกตะปูตํา…ฉะนั้นผมขอให้เจ้าของลายเซ็นออกมาให้ผมดูหลังหน่อยได้ไหมครับ?”เมื่อรองผู้อํานวยการได้ยินเรื่องนี้เขาจึงหันไปมองหาฉินอวี่อีกครั้ง แต่ท่ามกลางฝูงชนฉินอวี่ก็หายไปแล้ว!”เรียกเขาออกมาหน่อย” ผู้บังคับกองพันมอง ขึ้นไป” ถ้าเราคิดผิด ฉันจะขอโทษและพาคนออกไปทันที”
ชั้นบน
ฉินอวี่กําลังกดโทรศัพท์อย่างใจจดจ่อ

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9
Status: Ongoing
บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset