Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 71

ตอนที่ 71 การทำดี

เวลาตีสาม บนถนนแห่งหนึ่ง

แมวเฒ่ามองออกไปนอกหน้าต่างหลังจากงีบไปครู่หนึ่งพร้อมถามอย่างงัวเงีย “ตอนนี้เราอยู่ไหน?”

“ออกจากเจียงโจวแล้ว” ฉินอวี่ตอบพลางอ้าปากหาว “คงใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะถึงซ่งเจียง”

“เดี๋ยวนายจอดข้างหน้าหน่อย ฉันจะไปยิงกระต่ายและหาอะไรกินแล้วจะกลับมาขับรถแทน” แมวเฒ่าพูดพลางลูบหน้า

“โอเค”

ฉินอวี่ขับรถไปอีกสองกิโลเมตรก่อนจอดรถในที่โล่งข้างทาง

ในขณะที่แมวเฒ่าหยิบอาหารออกมาจากท้ายรถ เขาสังเกตเห็นว่าฉีหลินกำลังหลับอยู่จึงคลุมเสื้อโค้ตทหารให้ก่อนเริ่มกินอาหาร

ฉินอวี่ลงจากรถและหยิบบุหรี่ออกมาสูบ ก่อนเอื้อมมือเข้าไปหยิบกระดาษชำระออกมาจากรถพร้อมพูดว่า “ฉันไปขี้ก่อนนะ”

“ไอ้ห่า! มีมารยาทหน่อยได้ไหม? ฉันกำลังกินอยู่โว๊ย!”

“นายก็กินไปสิวะ ฉันจะไปขี้! ฉันไม่ได้ห้ามสักหน่อย” ฉินอวี่ตอบพลางหัวเราะก่อนเข้าไปในป่าข้างทาง และมองไปรอบๆ เพื่อหาฮวงจุ้ยที่ดีก่อนนั่งลง

ขณะนี้แมวเฒ่ากำลังกินซาลาเปาเนื้อรมควันอยู่ภายในรถยนต์ หลังจากกินไปสองสามคำเขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยและลงจากรถก่อนยืดเส้นยืดสาย

ฉินอวี่ตะโกนออกมาจากป่าข้างทางว่า “ว้าว นายกินเสร็จก่อนฉันขี้อีกเหรอเนี่ย? กินเหมือนหมูเลย”

“ไอ้เวร” แมวเฒ่ากระชับกางเกงพร้อมก่นด่า “รีบขี้สิวะ ไม่งั้นฉันจะทิ้งนายไว้ที่นี่!”

“แป๊ปหนึ่งสิ จะเสร็จแล้ว!” ฉินอวี่เช็ดก้นที่เกือบจะกลายเป็นน้ำแข็งของเขาก่อนดึงกางเกงขึ้นและเดินกลับมารถ

ตอนนี้แมวเฒ่านั่งอยู่ที่เบาะคนขับและกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์

ฉินอวี่เดินผ่านพื้นหิมะประมาณยี่สิบเมตรก่อนสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง เขาจึงอุทานด้วยความตกใจทันที “อะไรวะ?”

แม้ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าและทั่วทั้งพื้นที่จะตกอยู่ในความมืด แต่แสงจันทร์ยังคงส่องสว่างทำให้เห็นทุกอย่างบนพื้นโลกอย่างชัดเจน ฉินอวี่ยกขาขึ้นและก้มลงเพ่งมองสิ่งที่เขาสะดุดเมื่อครู่ ก่อนเห็นใบหน้าสีม่วงคล้ำกำลังจ้องมาทางเขา

“เชี่ย!”

แม้แต่คนกล้าหาญอย่างฉินอวี่ยังตกใจจนแทบฉี่ราด เขาก้าวถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ก่อนรวบรวมความกล้าเพื่อเพ่งมองสิ่งนั้นอีกครั้ง และพบว่าเจ้าของใบหน้านั้นคือเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบห้าถึงสิบหกปี สวมเสื้อผ้าค่อนข้างหนา เส้นผมโดนหิมะแช่แข็งจนแทบไม่ต้องทาแว็กซ์ผม

ภาพดังกล่าวเห็นได้เกลื่อนกลาดในเขตพัฒนา เพราะทุกปีจะมีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถดิ้นรนหาเลี้ยงชีพได้จนต้องจบชีวิตในสภาพอากาศอันหนาวเหน็บเช่นนี้ ดังนั้นฉินอวี่จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจากไป

“ชะ…ช่วยด้วย ดะ…ได้โปรด…”

ทว่าหลังเดินไปได้ไม่ถึงสิบก้าวก็มีเสียงแหบแห้งดังขึ้นหลังฉินอวี่ เขาชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนหันไปมองบนพื้นหิมะ

ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนไม่ไหวติงอยู่บนพื้น เขาร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงรวยริน “ชะ…ช่วยด้วย”

ฉินอวี่จ้องเด็กหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “นายนอนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วเนี่ย?”

“ชะ…ช่วยด้วย” เด็กหนุ่มเอาแต่พูดสองคำนี้ซ้ำไปมา

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายไปทำอะไรมา…แต่ถ้านายไปตายอยู่บนรถพวกฉันจะเป็นเรื่องใหญ่เอา” หลังพูดจบ ฉินอวี่ก็เดินจากไปอย่างไม่แยแส

ฉินอวี่เดินออกไปไกลจนไม่ได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มอีก ทิ้งให้เขานอนร้องครวญครางอยู่อย่างนั้น

เมื่อแมวเฒ่าที่นั่งอยู่บนรถเห็นฉินอวี่เดินเข้ามาจึงบ่นว่า “เช็ดก้นนานว่ะ!”

ฉินอวี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดออกมา “ไปกันเถอะ”

แมวเฒ่าดึงคลัตช์ก่อนที่รถจะแล่นออกไป

ฉินอวี่ขมวดคิ้วแน่น รอบตัวเขาเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด

“เป็นอะไร? เจอผีเหรอ? ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ?” แมวเฒ่าสังเกตเห็นว่าฉินอวี่มีท่าทีแปลกไปจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ในขณะที่กำลังนึกถึงเด็กหนุ่มที่ถูกฝังอยู่ในหิมะอยู่นั้น ฉินอวี่พลันรู้สึกว่าตนอ่อนโยนขึ้น เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่ในเขตพัฒนา เขาคงเดินจากไปโดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เพราะคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอาจนำมาซึ่งความยุ่งยากมากมาย

และอีกอย่างตอนนั้นฉินอวี่ไม่มีที่ซุกหัวนอน และยังหาเลี้ยงชีพไม่ได้ การช่วยคนอื่นจึงถือเป็นเรื่องเกินตัวสำหรับเขา

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของเขาเปลี่ยนไปแล้ว คุณภาพชีวิตของเขาดีขึ้นและเด็กคนนั้นยังมีลมหายใจอยู่…ถ้าเขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชีวิตของเด็กคนนั้นคงจบลงท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บแน่นอน

ฉินอวี่คิดไม่ตกเพราะเมื่อนึกถึงเด็กชายคนนั้นทีไร เขาก็รู้สึกเหมือนมองตัวเอง

เขารู้สึกว่าตนและเด็กหนุ่มมีสิ่งที่คล้ายกันมาก ทั้งแจ็กเกตตัวหนาและรองเท้าบูตขาดรุ่งริ่งที่ใส่เดินท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บโดยไม่มีใครเหลียวแล…

ฉินอวี่หลับตาลงครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “เรากลับไปที่ป่าข้างทางกันเถอะ”

“เกิดอะไรขึ้น?” แมวเฒ่าผงะ

“เร็วสิ!” ฉินอวี่เร่งเร้า

แมวเฒ่าผู้เจ้าเล่ห์กลับรถและมุ่งหน้าไปยังป่าข้างทางที่พวกเขาจอดแวะก่อนหน้านี้ พร้อมถามด้วยความสงสัยว่า “เป็นบ้าอะไรวะ? จะกลับไปทำไมอีก? หรือว่าเพิ่งรู้ตัวว่าขี้ข้างนอกมันน่าอาย เลยจะกลับไปห่อมันกลับไปด้วย?”

“แม่งเอ๊ย ขับรถเร็วๆ สิวะ!”

สิบนาทีต่อมา รถยนต์แล่นมาจอดตรงป่าข้างทางอีกครั้ง

ฉินอวี่หยิบเสื้อโค้ตทหารออกมาจากกล่องเสบียงก่อนวิ่งเข้าไปในทุ่งหิมะ และใช้เสื้อห่อร่างกายของเด็กหนุ่มคนนั้นเอาไว้ก่อนพาเขากลับไปที่รถ

แมวเฒ่ามองฉินอวี่ด้วยความประหลาดใจ “นายไปเจอเขาที่ไหน?”

“เจอตอนกำลังขี้” ฉินอวี่ตอบ “เขายังมีชีวิตอยู่”

“เชี่ย! เด็กนี่อายุเท่าไร? บรรลุนิติภาวะหรือยัง?” แมวเฒ่ามองเด็กหนุ่มพร้อมอุทาน “หน้าเขาเป็นสีม่วงแล้ว!”

ฉินอวี่กอดเด็กหนุ่มพลางออกคำสั่งทันที “เอาฮีตเตอร์วางไว้ที่โล่งๆ สิวะ”

“เออๆ” แมวเฒ่าเป็นคนจิตใจดี เขารู้สึกกังวลเมื่อเห็นเด็กหนุ่มอยู่ในสภาพเช่นนี้จึงรีบเดินไปหยิบฮีตเตอร์ที่รถด้วยความร้อนใจ

ฉินอวี่วางเด็กไว้ข้างทางก่อนถามว่า “ในรถมีแอลกอฮอล์ไหม?”

“มีไม่เยอะ เราต้องเหลือไว้ใส่ในตะเกียงด้วย” แมวเฒ่าพูดขณะนำฮีตเตอร์ในรถออกมา

ฉินอวี่มองพื้นที่โดยรอบก่อนออกคำสั่ง “ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของเขาออก ถ้านายทำเร็วเกินไปอาจทำให้ร่างกายที่ถูกแช่แข็งบาดเจ็บได้”

“อะไรนะ? เราต้องถอดเสื้อผ้าเด็กนี่จริงๆ เหรอ?”

“อย่าทำเป็นใสซื่อหน่อยเลย” ฉินอวี่กล่าวก่อนรีบเข้าไปในทุ่งหิมะ และโกยหิมะก้อนใหญ่ไว้ในเสื้อก่อนเดินกลับ

แมวเฒ่าเปิดฮีตเตอร์ในรถและถอดเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มอย่างระมัดระวัง

ส่วนฉินอวี่ถูก้อนหิมะเข้ากับหน้าอกและส่วนอื่นๆ ของเด็กหนุ่ม

ในตอนแรกหิมะที่เกาะตามตัวเด็กหนุ่มไม่ยอมละลาย จึงต้องถูกต่อประมาณสองถึงสามนาทีก่อนที่น้ำจะเริ่มหยดจากมือฉินอวี่

ร่างกายของฉินอวี่ชุ่มไปด้วยเหงื่อหลังจากทำเช่นนั้นอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนกดหน้าอกของเด็กชายเบาๆ พร้อมตะโกนว่า “ได้ยินฉันไหม? ถ้าได้ยินก็ลืมตาซะ ไม่งั้นฉันจะทิ้งนายไว้ที่นี่!”

ฉินอวี่ตะโกนอยู่ประมาณหกครั้งก่อนที่เด็กหนุ่มจะพึมพำ “ชะ…ช่วยด้วย”

“เขารู้สึกตัวแล้ว!” ฉีหลินที่เพิ่งตื่นอุทานออกมา

ฉินอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนพูดว่า “จะรอดหรือไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาแล้วล่ะ”

“เราจะพาเด็กนี่กลับไปด้วยไหม?” แมวเฒ่าถาม

“เขาเป็นเด็กกำพร้า ไหนๆ เราก็ช่วยแล้ว พากลับไปด้วยเถอะ” ฉินอวี่พยักหน้าพร้อมตอบ “พาเขาขึ้นรถ”

ทั้งสามรีบกลับไปที่ซ่งเจียงพร้อมเด็กชายที่พวกเขาช่วยชีวิตไว้ระหว่างทาง

หนึ่งวันต่อมา ฉีหลินขอลงจากรถเพื่อเดินทางกลับบ้านหลังจากขับรถมาได้ครึ่งทาง ในขณะที่ฉินอวี่และแมวเฒ่าขับรถไปอีกสองสามชั่วโมงก่อนถึงซ่งเจียง

เด็กหนุ่มที่อยู่บนเบาะหลังรถสลบไปสองวันเต็มก่อนที่ใบหน้าเริ่มมีสีแดงระเรื่อ เมื่อฟื้นคืนสติเขาก็เริ่มพึมพำว่า “มีอาหารไหม…เอามาให้นายน้อยหน่อย”

แมวเฒ่าตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นายน้อย? ไอ้เด็กขี้เก๊กนี่ ดูเหมือนว่าเราจะช่วยผู้ดีเก่าไว้ล่ะ”

………………………………….

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset