หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
– ครร…
ฝีเท้าของมอนสเตอร์ทำให้เกิดเสียงเหมือนหม้อต้มกำลังเดือด ราชาก็อบลิน หัวหน้าใหญ่ำของชั้น 5 ได้ร่วงหล่น
ฉันก้มมองลงไปที่ใบหน้าของราชาก็อบลินด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“คร่อก”
มอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดามอนสเตอร์ที่ฉันพบในสัปดาห์นี้ อ่า ฉันตายไปกี่ครั้งเพื่อจัดการมอนสเตอร์ตัวนี้? ฉันร่ำลาราชาก็อบลินไปด้วยความตั้งใจที่จะเช่นเดียวกับำร่ำลานักรบฝ่ายศัตรูที่กล้าหาญ…
– หยุดพล่ามกับตัวเองสักที ไอ้เจ้าซอมบี้โรคจิต
“อา ให้ตายเถอะ ฉันแทบจะล่ามันไม่ได้ด้วยซ้ำหลังจากผ่านไป 6 เหรียญ นายปล่อยให้ฉันดูมันเงียบๆไม่ได้หรือไง?”
6 เหรียญหมายความว่าฉันได้วาง 6 ชีวิตไว้บนเส้นด้าย ตอนนี้ฉันอยู่ที่เหรียญที่ 6 ดังนั้นมันจึงหมายถึงว่าฉันเคยตาย 5 ครั้งเพื่อล้มราชาก็อบลินตัวนี้
แบ ฮุรยองพ่นลมหายใจ
– นายมันโรคจิต นายเอาแต่เหม่อแบบนั้นหลังจากจัดการมอนสเตอร์ ฉันพูดความจริงล้วนๆ
“ว้าว ฉันเข้าใจแล้ว บุคลิกของจักรพรรดิดาบของเราดีสุดๆ”
คุณอาจจะบอกได้จากบทสนทนาของเรา แต่ตอนนี้ฉันชินกับออร่าแล้ว เวลายังคงไหลช้าลงเพราะผลจากยาอายุวัฒนะ
เพียงแค่ว่าฉันพูดได้เร็วกว่าปกติมากโดยการรวมออร่าไว้ที่ลิ้นของฉัน
“คร่อก”
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ชัยชนะที่เถรตรง มันก็เป็นชัยชนะที่ฉันใช้อุบายสกปรกเพื่อให้ได้มา
ฉันดึงการ์ดสีอึออกมาและตรวจดู
+
[ก็อบลินชนชั้นสูง]
อันดับ: F
เอฟเฟค: ราชาก็อบลินหลงอยู่ในความคิด ‘ระดับวัฒนธรรมสำหรับพวกเราก็อบลินต่ำเกินไป ภาษาทั้งหมดลงท้ายด้วยเคี๊ยก เคี๊ยก ฉันไม่สามารถแสดงศักดิ์ศรีของฉันด้วยของแบบนี้!’ จากนั้นความคิดอัจฉริยะของราชาก็อบลินเปล่งประกาย ‘ใช่! จากนี้ไปฉันจะพูดด้วยคร่อก ไม่ใช่เคี๊ยก คร่อก! เป็นการออกเสียงที่เหมาะกับราชาผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ’
※อย่างไรก็ตามการต่อสู้ภายในเผ่ากลับรุนแรงขึ้น
※เป็นสกิลที่คัดลอกมาจากมอนสเตอร์ราชาก็อบลินผู้ยิ่งใหญ่
+
ฉันเดาะลิ้นของฉัน
“ก็อบลินกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่สุด เคี๊ยกกับคร่อก โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกัน”
– นั่นคือเหตุผลที่พวกมันเป็นก็อบลิน มนุษย์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนี้เหมือนกัน
“อะไรนะ?”
– ฉันกำลังพูดกับตัวเองอยู่
เมื่อฉันกำลังจะถามเขาว่าเขาหมายถึงอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของฉัน
[การคงอยู่ของคุณชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ]
มันเป็นเสียงที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน
อย่างไรก็ตามฉันรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ผู้เล่นนับไม่ถ้วนได้เป็นพยานและยังอัดวิดีโอของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งนี้
“ในที่สุด!”
มันคือการเลเวลอัพ!
[ระดับของฮันเตอร์คิม กงจากำลังพัฒนา]
“อา…”
มันสะเทือนอารมณ์ ฉันใช้ชีวิตในฐานะฮันเตอร์คลาส F มาทั้งชีวิต ฉันกังวลว่าฉันจะมีชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไป แต่ฉันมีสกิลคัดลอกและสกิลถดถอย และหลังจากผ่านอุปสรรคแห่งความเจ็บปวด…ช่วงเวลาแห่งการเลื่อนระดับก็มาหาฉันในที่สุด
[ช่องสกิลของคุณกำลังเพิ่มขึ้น!]
[อันดับฮันเตอร์ของคุณตอนนี้คือ คลาส E!]
แม้ว่าฉันจะเพียงคลาส E
[ขอให้โชคสถิตกับท่าน]
วิ้ง!
ออร่าสีแดงพุ่งออกมาจากเท้าของฉัน สิ่งที่คล้ายกับของเหลวสีแดงปกคลุมร่างกายของฉัน จากนั้นมันก็เลื่อนกลับลงมาและหายไป
– …นั่นอะไร ดอกไม้ไฟเหรอ?
แบ ฮุรยองขมวดคิ้วของเขา
– หรือเลือดกัน? หืม นั่นดูยากจัง ฉันคิดว่ามันเป็นดอกไม้ไฟหรือไม่ก็เลือด…
“นั่นเป็นเพียงอาร์ติแฟคเพิ่มระดับไม่ใช่เหรอ?”
– มันไม่ใช่อาร์ติแฟคที่ดูเท่
แบ ฮุรยองเกาหลังหัว
– มันเป็นคำใบ้
“คำใบ้?”
– อืม ประเภทของอาร์ติแฟคที่ถูกำเปิดเผยเป็นตัวกำหนด [รูปร่างของออร่า] แม้แต่จักรพรรดิเพลิงที่นายฆ่าไป รูปร่างของผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็น [ไฟ]
“นายพูดว่าดอกไม้ไฟ”
ฉันพยายามที่จะนึกฉากจักรพรรดิฆ่านักบุญหญิงด้วยไฟในสลัม มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีที่จะนึกย้อน แต่ … ดูเหมือนว่ายู ซูฮาจะใช้รูปร่างของออร่าที่เกี่ยวข้องกับไฟ
– บาดแผลในจิตใจของฮันเตอร์มักขึ้นอยู่กับรูปร่างของออร่าของพวกเขา
บาดแผล
-เหตุการณ์สำคัญ ฉาก ความทรงจำ สิ่งที่เปรียบดั่งชีวิตของนายจะปรากฏเป็นรูปร่างของออร่าของตัวนายเอง เหมือนรูปร่างของจิตใต้สำนึก? ไม่จำเป็นต้องเป็นบาดแผลทางลบ แต่โดยทั่วไปแล้วมันเป็นเช่นนั้น
“ฉันก็ไม่แน่ใจ”
– จากสิ่งที่ฉันบอกได้ นายคือไฟหรือเลือด
เมื่อฟังเขาพูด ฉันก็เริ่มที่อยากรู้
“ตอนนี้นายควรบอกแล้วว่า… ออร่าของเซียนดาบรูปร่างเป็นยังไง?”
-แสงจันทร์
แบ ฮุรยองพูดมันออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
-ตาเฒ่ามาร์คัสเล่าว่าเขาหลงทางในภูเขาเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาไม่อยากตายเขาจึงปีนขึ้นไปด้านบนยอดเขาและเมื่อถึงจุดสูงสุด ใบไม้ที่ปกคลุมท้องฟ้ายามค่ำคืนก็เริ่มเผยให้เห็นท้องฟ้า เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนเขาก็เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนสีดำสนิท
แสงจันทร์
– เขาบอกว่าเขาคิดอะไรบางอย่างเมื่อตอนนั้น ดวงจันทร์ไม่ได้ส่องแสงด้วยตัวเอง แต่ส่องประกายด้วยแสงจากดวงอาทิตย์ แม้แต่ชีวิตของใครบางคนที่อ้าแขนรับมันได้ก็อาจสวยงามกว่านี้ อา ฉันอยากจะเปล่งประกายด้วยการรับแสงเช่นนั้นด้วย
“…”
– เขาบอกว่ามันน่าจดจำมากพอที่เขาจะเก็บไว้ในใจไปตลอดชีวิต
ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ฟังเรื่องราวของเขา
“แต่เขาบอกว่ามันเป็นตอนที่เขายังเด็ก”
-ช่าย เมื่อตอนเขาอายุ 12
“เด็กอายุ 12 ปีจะมีความคิดลึกซึ้งขนาดนั้นได้ยังไง?”
แบ ฮูรยองพยักหน้า
– นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตาเฒ่ามาร์คัสจึงเป็นคนที่เกิดมาหัวแข็ง ชิชิ ตอนที่ฉันอายุ 12 ฉันคิดแค่ว่าจะเอาชนะพวกอันตพารตรงหน้าได้ยังไง
“ไม่อะ ฉันก็ไม่คิดว่านั่น…ปกติเหมือนกัน…”
ถ้าเซียนดาบเป็นคนที่เกิดมาหัวแข็ง แล้วแบ ฮุรยองคืออะไร? เกิดมาเพื่อเป็นอันตพาร?
– ยังไงก็เถอะ นายคุ้นเคยกับชั้น 5 แล้ว ไปที่ชั้น 6 กันเถอะ
“อ่า เกี่ยวกับเรื่องนั้น”
ฉันพูด
“เราจะตรงไปที่ห้องบอสที่ชั้น 10 ไม่ได้หรอ?”
-อะไรนะ?
“ฉันรู้ว่าฉันสามารถคัดลอกสกิลของมอนสเตอร์ได้ ตอนนี้ฉันค่อนข้างชินกับออร่า ฉันคิดว่าฉันสามารถจัดการบอสชั้น 10 ได้แล้ว”
แบ ฮุรยองปิดปากของเขาไปครู่หนึ่ง
เขามองมาที่ฉันอย่างโกรธเกี้ยว
– คิม กงจา มือใหม่เดี๋ยวนี้หยิ่งผยองเกินไปหรือเปล่า?
“ไม่เลย”
ในโลกของเราไม่มีใครประสบความสำเร็จในการผ่านชั้น 10 มาเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากฉันกล้าที่จะพูดว่าฉันจะเคลียร์พื้นที่ที่มีความยากสูงนั้นออกไป แบ ฮุรยองก็เลยกังวลเกี่ยวกับตัวฉัน
“ฉันมั่นใจจริงๆ”
แต่ฉันเชื่อจริงๆว่าฉันทำได้
ไม่ ฉันแน่ใจ
“ถ้าฉันไม่สามารถทำได้ด้วย 2 เหรียญฉันจะเรียกนายว่าอาจารย์”
– โอ้? 2 เหรียญ?
แบ ฮุรยองดูยั่วยวนกับข้อเสนอ
– คนที่ใช้เหรียญ 6 เหรียญไปกับบอสก็อบลินจะเอาชนะบอสชั้น 10 ด้วยเหรียญแค่ 2 เหรียญ? จริงๆเหรอ? นายคงไม่รู้ แต่ฉันไม่ปล่อยให้คนอื่นมาเดิมพันได้ง่ายๆหรอก
“แต่! ฉันมีเงื่อนไข”
– หืม?
ฉันยกนิ้วชี้ขึ้น
“นายต้องบอกฉันว่าบอสชั้น 10 มีสกิลแบบไหนโดยไม่ต้องปิดบังอะไรเลย นายโกหกเรื่องนี้ไม่ได้ หลอกฉันให้หยิบการ์ดผิดใบก็ไม่ได้เช่นกัน”
– หืม ฟังดูง่ายพอตัว
“และยังมี!”
ฉันยิ้ม
“และถ้าฉันชนะให้เรียกฉันว่าท่านกงจา อย่างสุภาพที่สุด และด้วยความเคารพ”
– …..
“ทำไม? กลัวเหรอ? ฮ่า ถ้านายกลัวก็ถอนตัวสิ”
ปึ้ด
การแสดงออกที่คนพาลเกลียดมากที่สุดน่าจะเป็น ‘กลัวเหรอ?’ และแบ ฮุรยองไม่ใช่คนพาลธรรมดา เขาเป็นคนพาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้ปีนชั้น 99
กล้ามเนื้อใบหน้าของเขากระตุก
-ถุ้ย! มือใหม่คนนี้กำลังล้อเลียนจักรพรรดิดาบผู้ยิ่งใหญ่เพียงเพราะเขามีสกิลโกงๆ? โฮ่โฮ่โฮ มาเดิมพันกันเลย!
“ดีล”
-ดีล! คิมซอมบี้ นายจะปราบบอสชั้น 10 ไม่ได้และต้องเรียกฉันว่าอาจารย์จนกว่านายจะตาย อา! แต่เนื่องจากนายไม่สามารถตายได้ นายก็คงต้องพูดอาจารย์ไปตลอดชีวิตล่ะนะ
“นายมีสกิลสติหลอนด้วยหรอ? เตรียมพร้อมที่จะรับใช้ท่านกงจาซะดีๆ”
– ฮิฮี่ฮี่
“คิฮีฮี่”
เราทั้งสองจ้องหน้ากันและหัวเราะอย่างชั่วร้าย
ฮันเตอร์ที่ออกล่าก็อบลินจากที่ไกลๆต่างกระซิบกัน
“เฮ้ คนนั้นยังคงพูดกับตัวเองตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”
“และตอนนี้เขาก็ยังหัวเราะกับตัวเอง เขามีปัญหาทางจิตหรือเปล่า?”
“ชู่! เขาอาจจะมองมาทางนี้ แกล้งทำเป็นว่าพวกเราไม่เห็นแล้วกันำำ แกล้งทำ”
“…”
…ตอนนี้ฉันคงต้องลดการพูดคุยกับตัวเองลงบ้าง
ฉันปิดปากอย่างใจเย็นและมุ่งหน้าไปที่ชั้น 10
แตกต่างจากพื้นที่ล่ามอนชั้นอื่นๆ มีคนเฝ้าประตูอยู่หน้าห้องบอสชั้น 10
คนที่ส่งมาจากสมาคมฮันเตอร์ขมวดคิ้วฟังสิ่งที่ฉันพูด
“คุณอยากลองไปที่ห้องบอสด้วยตัวคนเดียว?”
“ใช่”
มันใช้เวลาเพียงสองวินาทีใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเหมือนเขากำลังถามว่า “ไอ้บ้านี่เป็นใคร?”
“อืม ฉันไม่รู้ว่าครั้งที่แล้วคุณเห็นข่าวหรือเปล่า…สมาชิกเกียรติยศ 30 คนจากกิลด์มังกรดำพร้อมกับแรงเกอร์อันดับสูง 4 คน แต่พวกเขาล้มเหลว การล่าด้วยตัวคนเดียวเป็นการฆ่าตัวตายนะ”
“แล้วไง”
ฉันมั่นใจ
“การส่งฮันเตอร์ไปโจมตีเป็นกฎของสมาคม”
“นั่นเป็นเรื่องจริง แต่…”
เขามีสีหน้าหนักใจ
“ขอโทษด้วย แต่ฉันเขียนชื่อฮันเตอร์ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ เจ้านายของฉันอาจจะดูสิ่งนี้…และฉันจะกลายเป็นคนเลวที่ปล่อยให้ฮันเตอร์ตาย โปรดพิจารณาสถานการณ์ของฉันด้วย”
“อืม”
ฉันควรทำอย่างไรดี? ฉันลูบคางอย่างใจเย็น
-อะไรนะ? สมาคมฮันเตอร์? เราไม่เคยมีอะไรพวกนั้นในโลกของฉัน!
ฉันตั้งใจจะบอกว่าฉันเป็นคนเดียวที่ใจเย็น
– ไอ้โง่พวกนี้! ฉันไม่ชอบวิธีการที่พวกเขาระบบการเมืองห่าเหวนั่นอย่างในการสร้างกิลด์และสมาคมต่างๆ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขายังคงนั่งขอทานอยู่บนชั้น 10 นั่น! เฮ้ คิมซอมบี้! เพียงแค่จัดการผู้ชายคนนี้และเข้าไปในห้องบอสซะ
‘ทำไมฉันต้องทุบตีคนบริสุทธิ์ล่ะ?’
– เขากล้าขวางทางนายไง
เขาไม่ได้เป็นแค่โรคจิต แต่ยังเป็นยุงด้วย
“คุณผู้ดูแลประตู”
ฉันสอดมือเข้าไปข้างในแล้วล้วงกระเป๋าออกมา
“ผมเห็นแล้วว่าคุณทำงานหนัก คุณพูดถูก การที่ผมพยายามลองเข้าไปตัวคนเดียวเป็นเพียงแผนการฆ่าตัวตาย แต่…ผมอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ”
“ว่าไงนะ?”
“ช่วงนี้ผมเหนื่อยล้ามาก…”
ฉันยิ้มอย่างขมขื่น
“แฟนของผมเสียชีวิตเมื่อ 1 ปีก่อน เมื่อไม่นานมานี้ ปราสาทแปรธาตุบอกว่าผมป่วยเป็นโรคร้ายแรง แม้ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ แต่มันก็แค่ครึ่งปีและผมก็ไม่มีความมั่นใจที่จะอดทนผ่านครึ่งปีนั้นโดยไม่มีแฟนอยู่เคียงข้างได้”
“อา…”
-อะไรนะ?
แบ ฮุรยองทำหน้าบิดเบี้ยว
– ไอ้เจ้าซอมบี้นี่มันพูดบ้าอะไรกันวะ?
ฉันไม่สนใจเขา และฉันยังคงกระซิบกับคนเฝ้าประตู
“แต่ถึงผมจะเป็นคนต่ำต้อย แต่ผมก็ยังเป็นฉันเตอร์ ผมไม่อยากเข้าโรงพยาบาลของปราสาทแปรธาตุเพียงเพราะสงสัยว่าจะตายเมื่อไหร่ แม้ว่าผมจะตาย…ผมก็อยากจะท้าทายมอนสเตอร์จนถึงตอนสุดท้าย”
“คุณมีเรื่องแบบนั้น…”
เขาใช้ใบหน้าที่สงสารมองมาที่ฉัน คุณก็รู้ ใบหน้าที่ผู้คนทำเมื่อพวกเขาฟังความโชคร้ายของผู้อื่น
“นี่คือเงินที่ผมเก็บมาจากการต่อสู้”
ฉันยื่นกระเป๋าให้คนเฝ้าประตู ข้างในมีทอง 100 เหรียญ
“ผมไม่มีอะไรให้ใช้แล้ว…คุณสามารถเอามันไปได้”
“ฉัน ฉันไม่สามารถรับเงินนี้ได้!”
“ผมอยากจะจากโลกนี้ไปแบบเงียบเชียบ คุณผู้ดูแลประตู และโปรดอย่าจดลงไปว่าผมเคยมาที่นี่ นี่เป็นคำขอสุดท้ายในชีวิตฮันเตอร์ของผม…”
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเหมือนกำลังจะร้องไห้ และความหนักใจเล็กน้อยนั้นน่าจะมาจากถุงเงินนั้น
“ …ก็ได้ เข้าไปเถอะ ฉันไม่เห็นอะไรเลย…”
– ฮ่า ดูนี่สิ
เขารู้สึกงุนงง
– เฮ้ พวกนายสองคนกำลังถ่ายหนังหรือยังไง? นี่ไม่ใช่เรื่องตลกใช่ไหม?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ผู้ดูแลประตูให้ฉันเข้าไป
ฉันลาเขาและเข้าไปข้างใน มันเป็นเส้นทางทำด้วยแผ่นหิน สถานที่ที่บอสชั้น 10 พักอยู่เป็นเหมือนที่อยู่อาศัยที่หรูหราของตระกูลขุนนางเก่า ฉันเดินไปตามทางที่ปูด้วยแผ่นหิน
‘ชั้น 10 จักรพรรดิเพลิงยู ซูฮาเคลียร์ได้แล้ว’
ฉันยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่
ฉันค่อยๆผลักประตูให้เปิดออก
‘ครั้งนี้แตกต่างออกไป แทนที่จะเป็นจักรพรรดิเพลิง…ไม่’
แอ๊ด
ประตูเปิดออกเสียงดังสนั่น
‘ฉันจะเขียนตำนานที่เพ้อฝันกว่าจักรพรรดิเพลิงเสียอีก’
ฉันก้าวไปข้างหน้า
และมันก็เริ่มขึ้น
– ฮ่าฮะฮะฮะฮะ!
ฉันได้ยินเสียงหัวเราะจากรอบๆตัวฉัน ในขณะเดียวกันประตูที่ฉันเคยเข้ามาก็ปิดลง ตู้ม! ในทันใดนั้นรอบตัวฉันก็มืดลงและเสียงหัวเราะที่ทำให้ตัวสั่นก็ดังขึ้น
เทียนริบหรี่ลงทีละแท่ง
– คุณจะเล่นกับฉันไหม?
ที่นี่และที่นั่น เทียนวูบวาบแม้ว่าจะไม่มีใครแตะต้องมัน ที่ที่เทียนถูกจุดก็มีตุ๊กตา ตุ๊กตาตัวเล็กที่เด็กๆมักเล่นด้วย
– คุณจะเล่นกับพวกเราไหม?
ตุ๊กตาพูด
– วิ่งไล่จับ? เกมดอกไม้บาน*? ซ่อนหา?
– เล่นซ่อนหากันเถอะ!
– ไปกันเถอะ! เล่นกับเรา! เล่นซ่อนหากับเรา!
-ฮ่าๆๆๆ!
ฉันพร้อมแล้ว
“เอาล่ะ ฉันจะเล่นกับพวกเธอเอง”
ออร่าที่ฉันฝึกฝนในร่างกายของฉันพุ่งขึ้นมา
เหมือนมันกำลังรอฉันอยู่ เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของฉัน
[คุณเข้าสู่ด่านบอสแล้ว]
[ผู้ท้าทายคือฮันเตอร์คิม กงจา , 1 คน]
[ขอให้โชคสถิตกับท่าน]
ด่านที่มนุษยชาติยังไม่สามารถเคลียร์ได้
“การเล่นซ่อนหาแห่งคฤหาสน์เพลิงนรก” ได้เริ่มขึ้นแล้ว
TL note: การละเล่นชนิดหนึ่งของเกาหลี เกมดอกไม้บานเป็นเกมที่คนหาต้องหันหน้าเข้าหากำแพงจะพูดว่าดอกไม้บานแล้ววิ่งไปแตะคนที่ยังขยับอยู่ ขณะพูดว่าดอกไม้บาน(ซึ่งคนพูดจะพูดเร็วแค่ไหนก็ได้) แล้วหันกลับไปยังมีนขยับอยู่ก็วิ่งไปแตะคนนั้นได้ น่าจะประมาณนี้นะครับเท่าที่อ่านมา