SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 6.1: การล่าฮีโร่ (3)

“แค่ก….อั๊ก!”

 

ผู้คนมักเชื่อว่ามีโอกาสปลุกสกิลได้สูงขึ้นในขณะที่อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ในความเป็นจริงตำนานดังกล่าวได้รับการถ่ายทอดในวงการฮันเตอร์ตั้งแต่แรกเริ่ม

 

แต่บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่ตำนาน แต่อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ แม้แต่ฉันก็ปลุกสกิลได้เพียงเพราะมีความอิจฉามากเกินไป

 

 

ดังนั้นฉันจึงยังคงระมัดระวังและสบัดมีดของฉัน

 

“ฮึก!”

 

ฉันจะไม่ให้โอกาสไอ้โรคจิตคนนี้

 

“อั๊ก!”

 

เขาจะต้องตาย

 

“อ่า…”

 

แต่สิ่งที่ทำให้ฉันโกรธมากที่สุดแทนที่จะเป็นความจริงที่ว่าโรคจิตคนนี้เผาฉันจนตายแบบลวกๆ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ความโกรธเผาไหม้ในตัวฉันรุนแรงยิ่งกว่าความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง

 

‘เขาบอกชื่อของเขาให้ฉันฟัง’

 

ก่อนที่จะย้อนกลับไปในอดีต ก่อนที่จะจับหัวของฉันแล้วจุดไฟ จักรพรรดิเพลิงบอกฉันด้วยรอยยิ้ม

 

‘แต่แกรู้ว่าฉันเป็นใครและแกเห็นฉันฆ่านักบุญหญิง ดังนั้นแกต้องตาย ฉันชื่อยู ซูฮา ลาก่อน’

 

สิ่งที่ไอ้บ้านี่พูดเป็นคำพูดสุดท้าย สิ่งที่ประหลาดอย่างหนึ่งที่ฉันแทบทนไม่ได้ มันน่าขยะแขยงอย่างยิ่ง

 

‘เขาบอกชื่อของเขากับฉัน’

 

ทำไมเขาถึงบอกชื่อฉันก่อนที่เขาจะฆ่าฉัน เขาคิดว่าฉันไม่รู้ว่าจักรพรรดิเพลิงชื่ออะไร?

 

‘เขาคงคิดว่ามันเจ๋งดี’

 

จักรพรรดิเพลิง

 

ไอ้นั่นคงคิดว่าฉากนั้นดูเท่ ราวกับอยู่ในการดวลอันศักดิ์สิทธิ์ที่นักรบเรียนรู้ชื่อของคู่ต่อสู้ นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิเพลิงต้องคิดขณะที่เขาฆ่าฉัน

 

‘ใครก็ตามที่ฉันฆ่า ฉันทำมันด้วยความยุติธรรม อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ขี้โม้เกินไป’

 

กล้าดียังไงถึง-

 

“ทำแบบนี้-”

 

คนโรคจิตอย่างแกกล้าดียังไง

 

“ถึงคิดอะไรแบบนั้น”

 

ชายคนหนึ่งที่ฆ่าพยานเพียงเพราะเขาเผอิญไปเจอเข้าในที่เกิดเหตุ คนที่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องในขณะที่เขากลับมาเพื่อตรวจสอบไฟที่เขาจุดขึ้น คนแบบนั้นไม่สามารถเรียกว่ามนุษย์ได้อีกต่อไป เขาเป็นสัตว์ร้าย ปีศาจที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้าย  คนที่ทำตัวเท่ราวกับว่ามันทำให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้น

 

“อย่ามาลองดีกับฉัน!”

 

พั่ก!

 

มีดของฉันแทงเข้าไปที่ลำคอของยู ซูฮาอีกครั้ง

 

“…”

 

ไม่มีเสียงใด ๆ ไม่กรีดร้อง ไม่ครวญคราง พื้นที่ล่ามอนสเตอร์ห่างไกลจากจุดที่ใครจะผ่านมา

 

ฉันมองขึ้นไปบนฟ้า แต่สายตาของฉันไม่ได้โฟกัสและร่างกายของฉันก็โซเซเหมือนวัชพืชต้องกับสายลม

 

เขาตายแล้ว

 

“ฮ่าๆ…”

 

อาจจะไม่เหมาะสมที่จะพูดว่า “ตาย” ยู ซูฮาเป็นมากกว่าฮันเตอร์ธรรมดาและไม่ใช่แค่ว่าเขาตายไปแล้ว

 

ผู้ชายที่จะกลายเป็นจักรพรรดิเพลิงในสักวันหนึ่ง ตำนานที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของการจัดอันดับโลก ผู้ที่สามารถเอาชนะหอคอย 10 ชั้นได้ด้วยตัวคนเดียวซึ่งไม่มีใครสามารถทำได้แม้จะพยายามมาหลายปี เขาถูกฉันฆ่า

 

“ฮู่…”

 

ฉันถอนหายใจ

 

“ตอนนี้ฉันคงกลับมามีสติอีกครั้งได้แล้ว”

 

เมื่อฉันหันหลังกลับไปฉันก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเข้ามาอาจเป็นเพราะได้กลิ่นเลือด

 

หมาป่าฝูงหนึ่งหมอบอยู่ท่ามกลางต้นไม้

 

เยี่ยม…

 

พวกนี้ไม่ใช่หมาป่าธรรมดา พวกมันถูกสลักโดยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นรอยสักซึ่งสามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งผ่านขนที่หนา พวกมันเหล่านี้คือหมาป่าทุ่งหญ้า และยิ่งมีลวดลายบนร่างกายที่ซับซ้อนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

 

แม้ว่าพวกหมาป่าทุ่งหญ้าเหล่านี้จะมีเพียงลวดลายที่เรียบง่ายที่สุดบนร่างกายของพวกมัน แต่ฮันเตอร์คลาส F อย่างฉันก็ไม่มีทางสู้พวกมันได้

 

“…”

 

ก่อนอื่นฉันหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ยู ซูฮาขโมยไปอย่างระมัดระวังและก้าวถอยหลัง

 

“พวกแกอยากกินผู้ชายคนนี้ใช่ไหม?”

 

ฉันชี้ไปที่ศพ

 

“ฉันไม่ต้องการมัน พวกแกเอาไปเลย”

 

ฉันถอยหลังไปอีกก้าว

 

“เอาเลย”

 

หมาป่าเดินเข้ามาใกล้ศพอย่างระมัดระวัง

 

แครก!

 

หมาป่าตัวหนึ่งเริ่มกัดและดูเหมือนจะเป็นสัญญาณสำหรับพวกมันที่เหลือ

 

แครก! แครก!

 

ในไม่ช้าศพก็ไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากถูกหมาป่าล้อมเต็ํมไปหมด

 

“กินให้อิ่ม”

 

ฉันรีบออกไป

 

‘มันจบแล้วเหรอ?’

 

ฉันฝังเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของยูซูฮาไว้ในหลุมลึกที่ฉันเตรียมไว้ก่อนการต่อสู้ ในขณะที่ฉันล้างร่างกายด้วยน้ำจากขวดพลาสติกและเปลี่ยนเป็นชุดใหม่จากกระเป๋าเป้สะพายหลัง ความคิดนั้นก็ไม่หายไป

 

‘มันจบแล้วจริงๆเหรอ?’

 

หากเสื้อผ้าของฉันสะอาดเกินไปผู้คนอาจสงสัยในตัวฉัน ดังนั้นฉันจึงตั้งใจกลิ้งตัวบนพื้นเล็กน้อยก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่บาบิโลน เมืองที่อยู่ชั้นหนึ่งของหอคอย

 

ในขณะที่ฉันเดินไปถึงประตูนั้นมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูฉันอย่างระมัดระวังอยู่สักครู่ ก่อนจะหาวและหันกลับไป

 

‘อ่า’

 

ไม่มีใครรู้

 

‘มันจบแล้ว’

 

แม้ว่าฉันจะไปบาร์และสั่งเบียร์ แม้ว่าฉันจะดื่มเบียร์หมดแล้วและสั่งอีก ก็ไม่มีใครสนใจฉัน ไม่มีใครรู้ว่าฉันทำอะไรลงไป

 

ข่าวเก่าฉายทางโทรทัศน์ของโรงเตี๊ยม

 

– วันนี้กลยุทธ์ที่รับประกันว่าจะเคลียร์ชั้น 10 ล้มเหลว

 

– ฉันเตอร์อันดับ 2 และ 7 ของโลกตั้งใจที่จะท้าทายและเอาชนะชั้น 10 ด้วยกัน…

 

– เสียงประท้วงต่อต้านฮันเตอร์อันดับหนึ่งของโลกรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นเพราะความจริงที่ว่าเซียนดาบยังคงปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับใครอีก

 

ไม่ว่าฉันจะรอนานแค่ไหนก็ไม่มีข่าวด่วนเช่น ‘นักล่าคนหนึ่งหายไปบนชั้นสองของหอคอย’ แต่ฉันควรจะคาดหวังอย่างนั้น

 

มีฮันเตอร์มือใหม่ตายอยู่ทุกวัน ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับการหายตัวไปของมือใหม่ผู้โดดเดี่ยว ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับฉัน

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง

 

‘มันจบแล้ว’

 

“เฮ้”

 

ฉันยกแก้วเปล่าขึ้นมา

 

“เทเบียร์ให้ฉันอีกแก้ว!”

 

“คุณดื่มเยอะเลยนะ วันนี้การล่าของคุณเป็นไปได้ด้วยดี?”

 

“ใช่มันดี ดีมากๆ!”

 

แม้จะพูดแบบนี้ แต่หัวใจของฉันก็ยังไม่สงบ

 

ฉันใช้เวลาสองหรือสามชั่วโมงในการทำให้หัวใจของฉันสงบลงด้วยเบียร์

 

จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกฉันค่อยๆเริ่มยอมรับความเป็นจริง

 

‘สิ่งที่ฉันควรทำตอนนี้คืออะไร?’

 

มีหลายสิ่งที่ต้องทำ

 

‘ฉันสามารถถูกรางวัลลอตเตอรีได้ ฉันจะได้รับเงินและไม่มีใครสงสัยอะไร เฮ้ ชีวิตฉันกำลังจะดีขึ้น!’

 

ฉันเปิดหน้าต่างสถานะซึ่งสามารถดูได้แค่ตัวเองเท่านั้น

 

[ชื่อ: คิม กงจา]

ระดับ: คลาส F

สกิล (2/4):

ฉันอยากเป็นเหมือนคุณ (S+): ติดตัว

นาฬิกาไขลานของผู้หวนคืน (EX): ติดตัว

None

None

 

“ตอนนี้ฉันไม่หิวโหยอีกแล้ว”

 

หน้าต่างสถานะของฉันเป็นเหมือนอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก หนึ่งสกิลแร้งก์ S+ และหนึ่งสกิลแร้งก์ EX ที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน เมื่อพูดถึงมื้ออาหารนี่ก็เหมือนกับการมีคาเวียร์อยู่บนสเต็กของฉัน

 

‘ถ้ามีคนที่มีสกิลดีกว่านี้พวกเขาสติแตกไปแล้ว’

 

แต่ฉันไม่สามารถหยุดรอยยิ้มอันอบอุ่นไม่ให้กระจายไปทั่วใบหน้าของฉันได้

 

‘…แต่ฉันไม่มีสกิลต่อสู้เลย’

 

อา…

 

ทำไมจิตใจของมนุษย์จึงเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ฉันไม่มีคือสิ่งที่ฉันสังเกตเห็นได้มากที่สุด

 

“ไม่ว่าจะหาเงินได้ง่ายแค่ไหน ฮันเตอร์ก็ต้องเป็นฮันเตอร์…แม้จะมีเงินทั้งหมดในโลก หากไม่มีอำนาจในที่สุดมันก็จะถูกปล้นไป”

 

สังคมในหอคอยนั้นเต็มไปด้วยเลือดมากกว่าโลกภายนอก ำพูดดีๆก็คือำคนที่แข็งแรงก็จะอยู่ดีกินดีและคนที่อ่อนแอก็คือเนื้อ ไม่สำคัญแม้ว่าคุณจะต้องการหนีออกจากหอคอยและใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยในโลกภายนอก

 

‘คนที่ก้าวเท้าเข้ามาในหอคอยจะไม่มีวันได้ออกไป’

 

นั่นคือกฎ แม้แต่ฮันเตอร์ที่มีความสามารถในการเทเลพอร์ตระดับ S ก็ไม่สามารถออกไปจากหอคอยได้ มันเป็นไปไม่ได้เลย

 

มีเพียงสิ่งเดียวในบาบิโลนเท่านั้นที่สามารถโต้ตอบกับโลกภายนอกได้ หัวหน้ากิลด์ของกิลด์ช่างเหลียน ฮันเตอร์เพียงคนเดียวที่มีชื่อว่า “เคาท์”

 

‘ถึงกระนั้นพวกเขาก็สามารถรับส่งสิ่งของจากโลกภายนอกได้ แต่ไม่สามารถจากไปได้โดยตรง’

 

ทุกคนสามารถเข้ามาได้ แต่ไม่มีใครสามารถออกไปได้

 

นั่นหมายความว่าผู้ที่เข้ามาได้ละทิ้งความมั่งคั่ง ความสัมพันธ์ สัญชาติและตัวตนของพวกเขา บางที…แม้แต่ความเป็นมนุษย์ของพวกเขา

 

“ถูกต้อง”

 

แน่นอน ฉันเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

 

“จะกินหรือถูกกิน นั่นคือกฎในหอคอย”

 

แอลกอฮอล์ทำให้ฉันเมาเล็กน้อยและฉันก็อดพึมพำไม่ได้ ฉันอยากจะประสบความสำเร็จมากจนทำให้ฉันแทบคลั่ง เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเทิดทูญจักรพรรดิเพลิงมากขนาดนี้ เป็นเพราะบุคลิกของเขาหรือ? ผู้ชายคนนั้นมีบางอย่างที่เรียกได้ว่าเป็นบุคลิกหรือเปล่า?

 

ไม่ เหตุผลนั้นเรียบง่ายกว่ามาก ฉันอิจฉาความสำเร็จของเขา ความสำเร็จของเขาน่าทึ่งและน่าเกรงขาม

 

“มาประสบความสำเร็จกันเถอะ คิม กงจา โอเค? มีอะไรที่คนที่เคยตายมากว่า 4090 ครั้งทำไม่ได้ ถึงเวลาประสบความสำเร็จแล้ว…”

 

ทันใดนั้น

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

เสียงกระดิ่งที่ประตูหน้าโรงเตี๊ยมดังขึ้น

SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 6.1: การล่าฮีโร่ (3)

SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 6.1: การล่าฮีโร่ (3)

“แค่ก….อั๊ก!”

 

ผู้คนมักเชื่อว่ามีโอกาสปลุกสกิลได้สูงขึ้นในขณะที่อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ในความเป็นจริงตำนานดังกล่าวได้รับการถ่ายทอดในวงการฮันเตอร์ตั้งแต่แรกเริ่ม

 

แต่บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่ตำนาน แต่อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ แม้แต่ฉันก็ปลุกสกิลได้เพียงเพราะมีความอิจฉามากเกินไป

 

 

ดังนั้นฉันจึงยังคงระมัดระวังและสบัดมีดของฉัน

 

“ฮึก!”

 

ฉันจะไม่ให้โอกาสไอ้โรคจิตคนนี้

 

“อั๊ก!”

 

เขาจะต้องตาย

 

“อ่า…”

 

แต่สิ่งที่ทำให้ฉันโกรธมากที่สุดแทนที่จะเป็นความจริงที่ว่าโรคจิตคนนี้เผาฉันจนตายแบบลวกๆ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ความโกรธเผาไหม้ในตัวฉันรุนแรงยิ่งกว่าความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง

 

‘เขาบอกชื่อของเขาให้ฉันฟัง’

 

ก่อนที่จะย้อนกลับไปในอดีต ก่อนที่จะจับหัวของฉันแล้วจุดไฟ จักรพรรดิเพลิงบอกฉันด้วยรอยยิ้ม

 

‘แต่แกรู้ว่าฉันเป็นใครและแกเห็นฉันฆ่านักบุญหญิง ดังนั้นแกต้องตาย ฉันชื่อยู ซูฮา ลาก่อน’

 

สิ่งที่ไอ้บ้านี่พูดเป็นคำพูดสุดท้าย สิ่งที่ประหลาดอย่างหนึ่งที่ฉันแทบทนไม่ได้ มันน่าขยะแขยงอย่างยิ่ง

 

‘เขาบอกชื่อของเขากับฉัน’

 

ทำไมเขาถึงบอกชื่อฉันก่อนที่เขาจะฆ่าฉัน เขาคิดว่าฉันไม่รู้ว่าจักรพรรดิเพลิงชื่ออะไร?

 

‘เขาคงคิดว่ามันเจ๋งดี’

 

จักรพรรดิเพลิง

 

ไอ้นั่นคงคิดว่าฉากนั้นดูเท่ ราวกับอยู่ในการดวลอันศักดิ์สิทธิ์ที่นักรบเรียนรู้ชื่อของคู่ต่อสู้ นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิเพลิงต้องคิดขณะที่เขาฆ่าฉัน

 

‘ใครก็ตามที่ฉันฆ่า ฉันทำมันด้วยความยุติธรรม อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ขี้โม้เกินไป’

 

กล้าดียังไงถึง-

 

“ทำแบบนี้-”

 

คนโรคจิตอย่างแกกล้าดียังไง

 

“ถึงคิดอะไรแบบนั้น”

 

ชายคนหนึ่งที่ฆ่าพยานเพียงเพราะเขาเผอิญไปเจอเข้าในที่เกิดเหตุ คนที่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องในขณะที่เขากลับมาเพื่อตรวจสอบไฟที่เขาจุดขึ้น คนแบบนั้นไม่สามารถเรียกว่ามนุษย์ได้อีกต่อไป เขาเป็นสัตว์ร้าย ปีศาจที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้าย  คนที่ทำตัวเท่ราวกับว่ามันทำให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้น

 

“อย่ามาลองดีกับฉัน!”

 

พั่ก!

 

มีดของฉันแทงเข้าไปที่ลำคอของยู ซูฮาอีกครั้ง

 

“…”

 

ไม่มีเสียงใด ๆ ไม่กรีดร้อง ไม่ครวญคราง พื้นที่ล่ามอนสเตอร์ห่างไกลจากจุดที่ใครจะผ่านมา

 

ฉันมองขึ้นไปบนฟ้า แต่สายตาของฉันไม่ได้โฟกัสและร่างกายของฉันก็โซเซเหมือนวัชพืชต้องกับสายลม

 

เขาตายแล้ว

 

“ฮ่าๆ…”

 

อาจจะไม่เหมาะสมที่จะพูดว่า “ตาย” ยู ซูฮาเป็นมากกว่าฮันเตอร์ธรรมดาและไม่ใช่แค่ว่าเขาตายไปแล้ว

 

ผู้ชายที่จะกลายเป็นจักรพรรดิเพลิงในสักวันหนึ่ง ตำนานที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของการจัดอันดับโลก ผู้ที่สามารถเอาชนะหอคอย 10 ชั้นได้ด้วยตัวคนเดียวซึ่งไม่มีใครสามารถทำได้แม้จะพยายามมาหลายปี เขาถูกฉันฆ่า

 

“ฮู่…”

 

ฉันถอนหายใจ

 

“ตอนนี้ฉันคงกลับมามีสติอีกครั้งได้แล้ว”

 

เมื่อฉันหันหลังกลับไปฉันก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเข้ามาอาจเป็นเพราะได้กลิ่นเลือด

 

หมาป่าฝูงหนึ่งหมอบอยู่ท่ามกลางต้นไม้

 

เยี่ยม…

 

พวกนี้ไม่ใช่หมาป่าธรรมดา พวกมันถูกสลักโดยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นรอยสักซึ่งสามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งผ่านขนที่หนา พวกมันเหล่านี้คือหมาป่าทุ่งหญ้า และยิ่งมีลวดลายบนร่างกายที่ซับซ้อนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

 

แม้ว่าพวกหมาป่าทุ่งหญ้าเหล่านี้จะมีเพียงลวดลายที่เรียบง่ายที่สุดบนร่างกายของพวกมัน แต่ฮันเตอร์คลาส F อย่างฉันก็ไม่มีทางสู้พวกมันได้

 

“…”

 

ก่อนอื่นฉันหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ยู ซูฮาขโมยไปอย่างระมัดระวังและก้าวถอยหลัง

 

“พวกแกอยากกินผู้ชายคนนี้ใช่ไหม?”

 

ฉันชี้ไปที่ศพ

 

“ฉันไม่ต้องการมัน พวกแกเอาไปเลย”

 

ฉันถอยหลังไปอีกก้าว

 

“เอาเลย”

 

หมาป่าเดินเข้ามาใกล้ศพอย่างระมัดระวัง

 

แครก!

 

หมาป่าตัวหนึ่งเริ่มกัดและดูเหมือนจะเป็นสัญญาณสำหรับพวกมันที่เหลือ

 

แครก! แครก!

 

ในไม่ช้าศพก็ไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากถูกหมาป่าล้อมเต็ํมไปหมด

 

“กินให้อิ่ม”

 

ฉันรีบออกไป

 

‘มันจบแล้วเหรอ?’

 

ฉันฝังเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของยูซูฮาไว้ในหลุมลึกที่ฉันเตรียมไว้ก่อนการต่อสู้ ในขณะที่ฉันล้างร่างกายด้วยน้ำจากขวดพลาสติกและเปลี่ยนเป็นชุดใหม่จากกระเป๋าเป้สะพายหลัง ความคิดนั้นก็ไม่หายไป

 

‘มันจบแล้วจริงๆเหรอ?’

 

หากเสื้อผ้าของฉันสะอาดเกินไปผู้คนอาจสงสัยในตัวฉัน ดังนั้นฉันจึงตั้งใจกลิ้งตัวบนพื้นเล็กน้อยก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่บาบิโลน เมืองที่อยู่ชั้นหนึ่งของหอคอย

 

ในขณะที่ฉันเดินไปถึงประตูนั้นมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูฉันอย่างระมัดระวังอยู่สักครู่ ก่อนจะหาวและหันกลับไป

 

‘อ่า’

 

ไม่มีใครรู้

 

‘มันจบแล้ว’

 

แม้ว่าฉันจะไปบาร์และสั่งเบียร์ แม้ว่าฉันจะดื่มเบียร์หมดแล้วและสั่งอีก ก็ไม่มีใครสนใจฉัน ไม่มีใครรู้ว่าฉันทำอะไรลงไป

 

ข่าวเก่าฉายทางโทรทัศน์ของโรงเตี๊ยม

 

– วันนี้กลยุทธ์ที่รับประกันว่าจะเคลียร์ชั้น 10 ล้มเหลว

 

– ฉันเตอร์อันดับ 2 และ 7 ของโลกตั้งใจที่จะท้าทายและเอาชนะชั้น 10 ด้วยกัน…

 

– เสียงประท้วงต่อต้านฮันเตอร์อันดับหนึ่งของโลกรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นเพราะความจริงที่ว่าเซียนดาบยังคงปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับใครอีก

 

ไม่ว่าฉันจะรอนานแค่ไหนก็ไม่มีข่าวด่วนเช่น ‘นักล่าคนหนึ่งหายไปบนชั้นสองของหอคอย’ แต่ฉันควรจะคาดหวังอย่างนั้น

 

มีฮันเตอร์มือใหม่ตายอยู่ทุกวัน ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับการหายตัวไปของมือใหม่ผู้โดดเดี่ยว ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับฉัน

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง

 

‘มันจบแล้ว’

 

“เฮ้”

 

ฉันยกแก้วเปล่าขึ้นมา

 

“เทเบียร์ให้ฉันอีกแก้ว!”

 

“คุณดื่มเยอะเลยนะ วันนี้การล่าของคุณเป็นไปได้ด้วยดี?”

 

“ใช่มันดี ดีมากๆ!”

 

แม้จะพูดแบบนี้ แต่หัวใจของฉันก็ยังไม่สงบ

 

ฉันใช้เวลาสองหรือสามชั่วโมงในการทำให้หัวใจของฉันสงบลงด้วยเบียร์

 

จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกฉันค่อยๆเริ่มยอมรับความเป็นจริง

 

‘สิ่งที่ฉันควรทำตอนนี้คืออะไร?’

 

มีหลายสิ่งที่ต้องทำ

 

‘ฉันสามารถถูกรางวัลลอตเตอรีได้ ฉันจะได้รับเงินและไม่มีใครสงสัยอะไร เฮ้ ชีวิตฉันกำลังจะดีขึ้น!’

 

ฉันเปิดหน้าต่างสถานะซึ่งสามารถดูได้แค่ตัวเองเท่านั้น

 

[ชื่อ: คิม กงจา]

ระดับ: คลาส F

สกิล (2/4):

ฉันอยากเป็นเหมือนคุณ (S+): ติดตัว

นาฬิกาไขลานของผู้หวนคืน (EX): ติดตัว

None

None

 

“ตอนนี้ฉันไม่หิวโหยอีกแล้ว”

 

หน้าต่างสถานะของฉันเป็นเหมือนอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก หนึ่งสกิลแร้งก์ S+ และหนึ่งสกิลแร้งก์ EX ที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน เมื่อพูดถึงมื้ออาหารนี่ก็เหมือนกับการมีคาเวียร์อยู่บนสเต็กของฉัน

 

‘ถ้ามีคนที่มีสกิลดีกว่านี้พวกเขาสติแตกไปแล้ว’

 

แต่ฉันไม่สามารถหยุดรอยยิ้มอันอบอุ่นไม่ให้กระจายไปทั่วใบหน้าของฉันได้

 

‘…แต่ฉันไม่มีสกิลต่อสู้เลย’

 

อา…

 

ทำไมจิตใจของมนุษย์จึงเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ฉันไม่มีคือสิ่งที่ฉันสังเกตเห็นได้มากที่สุด

 

“ไม่ว่าจะหาเงินได้ง่ายแค่ไหน ฮันเตอร์ก็ต้องเป็นฮันเตอร์…แม้จะมีเงินทั้งหมดในโลก หากไม่มีอำนาจในที่สุดมันก็จะถูกปล้นไป”

 

สังคมในหอคอยนั้นเต็มไปด้วยเลือดมากกว่าโลกภายนอก ำพูดดีๆก็คือำคนที่แข็งแรงก็จะอยู่ดีกินดีและคนที่อ่อนแอก็คือเนื้อ ไม่สำคัญแม้ว่าคุณจะต้องการหนีออกจากหอคอยและใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยในโลกภายนอก

 

‘คนที่ก้าวเท้าเข้ามาในหอคอยจะไม่มีวันได้ออกไป’

 

นั่นคือกฎ แม้แต่ฮันเตอร์ที่มีความสามารถในการเทเลพอร์ตระดับ S ก็ไม่สามารถออกไปจากหอคอยได้ มันเป็นไปไม่ได้เลย

 

มีเพียงสิ่งเดียวในบาบิโลนเท่านั้นที่สามารถโต้ตอบกับโลกภายนอกได้ หัวหน้ากิลด์ของกิลด์ช่างเหลียน ฮันเตอร์เพียงคนเดียวที่มีชื่อว่า “เคาท์”

 

‘ถึงกระนั้นพวกเขาก็สามารถรับส่งสิ่งของจากโลกภายนอกได้ แต่ไม่สามารถจากไปได้โดยตรง’

 

ทุกคนสามารถเข้ามาได้ แต่ไม่มีใครสามารถออกไปได้

 

นั่นหมายความว่าผู้ที่เข้ามาได้ละทิ้งความมั่งคั่ง ความสัมพันธ์ สัญชาติและตัวตนของพวกเขา บางที…แม้แต่ความเป็นมนุษย์ของพวกเขา

 

“ถูกต้อง”

 

แน่นอน ฉันเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

 

“จะกินหรือถูกกิน นั่นคือกฎในหอคอย”

 

แอลกอฮอล์ทำให้ฉันเมาเล็กน้อยและฉันก็อดพึมพำไม่ได้ ฉันอยากจะประสบความสำเร็จมากจนทำให้ฉันแทบคลั่ง เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเทิดทูญจักรพรรดิเพลิงมากขนาดนี้ เป็นเพราะบุคลิกของเขาหรือ? ผู้ชายคนนั้นมีบางอย่างที่เรียกได้ว่าเป็นบุคลิกหรือเปล่า?

 

ไม่ เหตุผลนั้นเรียบง่ายกว่ามาก ฉันอิจฉาความสำเร็จของเขา ความสำเร็จของเขาน่าทึ่งและน่าเกรงขาม

 

“มาประสบความสำเร็จกันเถอะ คิม กงจา โอเค? มีอะไรที่คนที่เคยตายมากว่า 4090 ครั้งทำไม่ได้ ถึงเวลาประสบความสำเร็จแล้ว…”

 

ทันใดนั้น

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

เสียงกระดิ่งที่ประตูหน้าโรงเตี๊ยมดังขึ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset