บทที่ 104 เวลาเหลือน้อยเต็มที่
“ปึง!”
หน้าต่างไม้ทรงโบราณแกะสลักลายสวยงามแตกออกเป็นเสี่ยง ไป๋เยี่ยนหูเร่งกระโจนออกทางหน้าต่างบานนั้นอย่างรวดเร็ว! มือขวาของเขาคว้าอากาศที่ว่างเปล่าทําให้ดวงจิตของเยี่ยฉวนที่ลอยสูงพลันดิ่งลงทันที! เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ราวถูกมือที่มองไม่เห็นกดไว้ ลมเย็นเยือกพัดมากระทบโดยแรงจนเกือบฉีกดวงจิตให้แยกเป็นสองส่วน!
หัตถ์ลมปีศาจ!?
เยี่ยฉวนหวาดผวายิ่งเพราะจํารูปแบบกระบวนเคล็ดวิชาดังกล่าวได้อย่างแม่นยํา!
ชายชราผู้นี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาไสยเวทมนตร์ดําจริงดังที่เขาเคยคาดเดา! หลายล้านปีก่อนเคล็ดวิชาหัตถ์ลมปีศาจเป็นวิชาเก่าแก่ซึ่งโหดเหี้ยมไร้ที่ติของอสูรโบราณและตกทอดสู่จอมมารปีศาจ หลังจากเยี่ยฉวนจึงออกคําสั่งให้ราชาโอสถหัตถ์วิญญาณปราบปรามเหล่ามารจนราบคาบ มันจึงตกไปอยู่กับเขาและถูกผนึกไว้ที่ใดสักแห่งในสํานักหมอกเมฆา
แม้สํานักหมอกเมฆาจะเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ผิดกับสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ที่นับวันยิ่งรุ่งโรจน์ แต่ด้านสมบัติล้ำค่าและตําราเก่าแก่ที่ตกทอดมานับล้านปี อีกสองสํานักที่เพิ่งก่อตั้งไม่สามารถเทียบเคียงได้ โดยเฉพาะเคล็ดวิชาลับต่างๆ ซึ่งเป็นมรดกจากอสูรโบราณ ทว่าไป๋เยี่ยนหูกลับรับรู้การมีอยู่ของหัตถ์ลมปีศาจและฝึกฝนจนบรรลุอย่างสมบูรณ์! ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถทําให้วิญญาณของอี้สั่วแหลกสลายได้!
เยี่ยฉวนหดขนาดดวงจิตลงจนเท่ากับลูกบอลอันเล็กๆ ก่อนขยายตัวอย่างฉับพลันเพื่อต่อต้านพลังชั่วร้ายน่ารังเกียจนี้! เขาใช้แรงกําลังทั้งหมดที่มีดิ้นรนจนหลุดจากเงื้อมมือของไป๋เยี่ยนหู จากนั้นจึงทะยานออกไปโดยเร็วพร้อมกระแสลมแรง!
“อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่ เหตุใดจึงหนีไปง่ายๆ เช่นนี้เล่า?!”
ไป๋เยี่ยนหูนั่งขัดสมาธิก่อนถอดดวงจิตออกจากกายหยาบเช่นกัน เขาอ้าปากพ่นกระบีบินสีครามออกมาก่อนเหยียบขึ้นบนใบดาบและไล่ตามดวงจิตของเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็ว! ทันใดนั้นดวงจิตของเขาจึงแปรสภาพเป็นปากขนาดใหญ่ที่พยายามกลืนกินดวงจิตนั้นอย่างกระหายหิว!
“ตาเฒ่านี้บ้าไปแล้ว!”
ชายชราผู้นี้บ้าคลั่งจนไม่รักชีวิตตนเองเอาเสียเลย!
เยี่ยฉวนตระหนกยิ่ง! ธรรมดาการถอดดวงจิตออกจากร่างก็เสี่ยงอันตรายมากพออยู่แล้ว ยิ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างควงจิตด้วยกันยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเป็นเท่าทวี! หากดวงจิตได้รับบาดเจ็บรุนแรงอาจมีอันตรายถึงชีวิต คนอย่างไป๋เยี่ยนหูไม่มีทางยั้งมือจนกว่าตนหรืออีกฝ่ายจะตายไปข้างหนึ่ง เพราะกลัวว่าเรื่องที่ตนทําลายวิญญาณของอีสัวจะถูกเปิดเผย!
ดวงจิตของชายชราสามารถควบคุมกระแสลมยามราตรีให้พัดพาไปในทิศทางที่ต้องการ ทั้งยังสามารถควบคุมกระบี่บินและสมบัติอื่นๆ ที่มีสถานะคล้ายคลึงกันได้เป็นอย่างดี ทว่าความสามารถเช่นนั้นย่อมมีจุดอ่อน เพราะการควบคุมกระแสลมจะยิ่งยากขึ้นเมื่อต้องกระทําควบคู่กับสมบัติอื่นๆ
ครั้นคิดได้เช่นนั้นเยี่ยฉวนจึงมองเห็นทางหนีทีไล่ เขาแบ่งดวงจิตออกเป็นสองส่วนจากสองแบ่งเป็นสี่และแบ่งย่อยออกไปเรื่อยๆ เป็นพันชิ้นก่อนกระจายไปทั่วทิศทาง
เคล็ดวิชาตัดแบ่งวิญญาณ!
ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากงัดทุกเคล็ดวิชาที่มีออกมาใช้เพื่อเอาชีวิตรอด!
หลายล้านปีก่อนเขาใช้เคล็ดวิชานี้นําพาให้ตนรอดพ้นจากการโจมตีจากศัตรูจํานวนมากครั้งแล้วครั้งเล่า ศักยภาพของมันด้อยกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เพียงขั้นเดียว! กระทั่งเขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในดินแดนรกร้างว่างเปล่า กลายเป็นมหาปราชญ์ผู้เปี่ยมด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี จึงไม่มีศัตรูหน้าไหนกล้าแผ้วพานให้ระคายเคืองอีก ทว่าตอนนี้ขั้นการฝึกตนของเขาไม่อาจเทียบกับภพชาติก่อนได้ โชคดีที่บรรลุถึงขั้นซิวฉือจึงสามารถรวบรวมพลังและใช้เคล็ดวิชาดังกล่าวได้สําเร็จ!
ดวงจิตไป๋เยี่ยนหูคํารามในลําคอก่อนทําการจู่โจมอย่างโหดเหี้ยม! ทว่าเขากลืนกินดวงจิตของอีกฝ่ายได้เพียงเสี้ยวเล็กๆ เท่านั้น ดวงจิตส่วนใหญ่สามารถหลบหนีไปได้สําเร็จพร้อมกับกระแสลมแรงบนท้องฟ้าเหนือยอดเขาพยัคฆ์ขาวที่สลายไปอย่างรวดเร็ว!
“กลับมาเดี๋ยวนี้!”
อาวุโสลําดับสามไป๋เยี่ยนหูคํารามอีกครั้งก่อนพาดวงจิตของตนให้ทะยานขึ้นสูงกว่าเดิมพร้อมตั้งท่าโจมตี ทันใดนั้นเองดวงจิตกลับสั่นไหว! เขาขัดเกลาเสี้ยวดวงจิตที่เพิ่งกลืนกินไม่สําเร็จ หนําซ้ำมันยังลุกไหม้จนร้อนระอุราวคบเพลิงและเริ่มแผดเผาดวงจิตในส่วนของเขา แม้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่สามยังไม่อาจทานทนต่อความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสนั้นได้ โลหิตแดงสดไหลรินออกมาจากริมฝีปาก!
ชายชราผู้วางท่าสง่างามเป็นนิจและมักถือตนว่าเก่งกาจที่สุดในยุทธภพกลับตกตะลึงยิ่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งยังหวาดผวาเกินกว่าจะไล่ตามต่อ
หลังจากกลืนกินดวงจิตศัตรูไม่สําเร็จทั้งยังโดนมันเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บ ทําให้เขาสันนิษฐานออกเป็นสองทาง ระหว่างอีกฝ่ายมีสมบัติบางสิ่งปกป้องดวงจิตของตนหรือบุคคลผู้นั้นมีวรยุทธ์ที่สูงส่งกว่า เพราะแม้แต่เขาที่บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่สามยังไม่สามารถขัดเกลาและปกป้องตนเองได้!
การขัดเกลาดวงจิตของศัตรูจะทําให้เขาสามารถดึงพลังจากมันมาหลอมรวมให้พลังของตนยิ่งแข็งแกร่ง ทั้งยังสามารถเจาะลึกไปถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้อีกด้วย ทว่าการที่ดวงจิตนั้นทําให้เขาบาดเจ็บเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงยิ่ง!
ไป๋เยี่ยนหูพ่นเสี้ยวดวงจิตนั้นออกมาทันที! ในฐานะผู้ชํานาญด้านการขัดเกลาดวงจิต เขาตระหนักถึงภยันตรายนี้อย่างชัดแจ้ง…ยิ่งคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นห้วงความคิดก็ยิ่งกระสับกระส่าย ชายชราจึงเรียกดวงจิตให้กลับเข้าร่างอย่างเร่งร้อน ก่อนเดินกลับไปยังห้องโถงพยัคฆ์ขาวและหย่อนกายลงนั่งบนบัลลังก์สูงสุดโดยไม่ปริปากเอ่ยคําใด เขาไตร่ตรองอย่างรอบคอบครู่ใหญ่ จากนั้นจึงหมุนกายกลับโดยเร็วก่อนบริกรรมคาถาและพ่นใส่กระบี่บินเล่มหนึ่งให้ลอยไปมาบนอากาศเพื่อคุ้มกันตน
ทันใดนั้นหมอกควันสีดําทึบพลันปรากฏขึ้นและค่อยๆ ลอยออกมาจากลูกแก้วที่ฝังอยู่บนผนังห้อง ควันนั้นแปรสภาพเป็นบุคคลนิรนาม ทว่าไม่สามารถเห็นใบหน้าและรูปร่างได้อย่างชัดเจนเพราะรอบกายของเขาปกคลุมไปด้วยควันสีดําเช่นเดียวกับชุดที่เขาสวมใส่
“ข้าน้อยคารวะท่านทูต!”
หัวใจของอาวุโสลําดับสามเต้นรัวและสั่นสะท้าน เมื่อทูตแห่งโลกันตร์มาปรากฏกายตรงหน้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ เขาจึงคุกเข่าลงกับพื้นก่อนก้มลงคํานับด้วยความเกรงกลัวทันที!
“ไป๋เยี่ยนหู เจ้าคงแก่จนหูตาฝ้าฟางแล้วสินะ น่าสมเพชเสียจริง! ปล่อยให้ดวงจิตโสมมนั่นหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ได้อย่างไร?!” ทูตแห่งโลกันตร์แค่นเสียงลอดไรฟันอย่างเยือกเย็นด้วยความไม่พอใจสุดขีด! ดวงจิตของเยี่ยฉวนเสี้ยวหนึ่งที่ชายชราเพิ่งพ่นออกมาอยู่ในกํามือของเขา พวกมันแปรสภาพเป็นพลังปราณสีดําจางๆ วนอยู่รอบปลายนิ้วไม่นานจึงสลายตัวไป
“ท่านทูตผู้ยิ่งใหญ่…ข้า…”
ไป๋เยี่ยนหูหวาดกลัวจนเม็ดเหงื่อหยดลงจากหน้าผากทั่วทั้งร่างเปียกโซมไปด้วยเหงื่อ
แม้เขาบรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่สามแต่เมื่อเผชิญหน้ากับทูตแห่งโลกันตร์ ความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถเทียบเท่าอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย! เขาหวาดกลัวทั้งที่ไม่อาจล่วงรู้ว่าทูตชุดดําผู้นี้บรรลุการฝึกตนระดับใดกันแน่!?
เมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์ร่วมสํานัก เขาวางตัวให้สูงส่งและน่าเกรงขาม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับทูตแห่งโลกันตร์ เขากลับสั่นสะท้านด้วยความหวั่นวิตกจนมือและเท้าเย็นเยียบ
“ทักษะการฝึกตนของคนผู้นั้นไม่สูงส่งนัก ดวงจิตของมันไม่แข็งแกร่งพอจะโต้กลับจึงทําได้เพียงควบคุมกระแสลมหลบหนีไป แต่การขัดเกลาดวงจิตนั้นน่าอัศจรรย์ไม่น้อย! โดยเฉพาะเคล็ดวิชาตัดแบ่งวิญญาณที่มันใช้เพื่อเอาตัวรอด ช่างคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาของอสูรโบราณที่สาบสูญ ไป๋เยี่ยนหูเจ้าไม่ควรโทษตัวเองเกินไป..ต่อให้ข้าเป็นผู้รับมือยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถหยุดมันไว้ได้ แต่…”
ทูตแห่งโลกันตร์หยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่เจ้าประมาทเกินไป! แม้แต่ดวงจิตหยินท่องราตรีที่มาสอดแนมพวกเราก่อนหน้านี้เจ้ายังไม่สามารถค้นหาจนพบ! เวลาของเจ้าเหลือน้อยเต็มที่แล้ว…แม้แต่การประลองครั้งใหญ่ระหว่างสามสํานักที่เป็นโอกาสอันดียิ่งที่เจ้าจะกําจัดมัน เจ้ายังทําไม่สําเร็จ! หากแผนการครั้งนี้ยังล้มเหลวอีก เจ้าก็ไม่สมควรจะอยู่ในสํานักหมอกเมฆาอีกต่อไป อ้อ จริงสิ! มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าควรรู้ไว้ เจ้าสํานักหยุนเฟยหวู่ใกล้จะหลุดพ้นจากกับดักเต็มที่และอาจกลับมายังสํานักเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นเจ้าพึงระวังตัวไว้ให้ดี! ไม่ว่าจะใช้หนทางใดหรือแม้แต่พลิกแผ่นดินก็ต้องตามหาคนผู้นี้ให้พบ ข้าปรารถนาดวงจิตของมัน!”
ทูตแห่งโลกันตร์เน้นเสียงดังในประโยคหลัง จากนั้นร่างกายของเขาพลันแปรสภาพเป็นควันสีดําทึบเช่นเดิมก่อนหายวับไป! ปรากฏตัวโดยไร้สุ่มเสียงจากไปอย่างไร้ร่องรอย วรยุทธ์ของเขาช่างน่าอัศจรรย์นัก!
ไป๋เยี่ยนหผู้คุกเข่าอยู่กลางห้องโถงเผยสีหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาดประหนึ่งคนตาย!
เจ้าสํานักหยุนเฟยหวู่แห่งสํานักหมอกเมฆาใกล้จะกลับมาแล้วงั้นหรือ?!
ด้วยทักษะวรยุทธ์และฐานันดรอันสูงส่งของเขา หากกลับมายังสํานักหมอกเมฆาแล้วเขาจะต้องล่วงรู้แผนการอันชั่วร้ายของตนทุกอย่างและเปิดโปงต่อหน้าฝูงชนเป็นแน่!
เม็ดเหงื่อเย็นเยียบหยดลงจากใบหน้าของไป๋เยี่ยนหู เวลาของเขาเหลือน้อยเต็มที่ดังที่ทูตแห่งโลกันตร์กล่าวไว้ ดังนั้นเขาต้องเร่งดําเนินแผนการหลายอย่างให้สําเร็จ ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม!