บทที่ 105 หนทางคดเคี้ยวบนยอดเขาลูกใหม่
ยามรุ่งสาง แสงแห่งรุ่งอรุณแลดูคล้ายหินอ่อนสีขาวปรากฏขึ้นตรงเส้นขอบฟ้าแต่ท้องฟ้าของสํานักหมอกเมฆายังคงมืดมน
ปีศาจเพลิงนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าประตูรั้วของลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิลในอดีตเขาเคยเป็นผู้สันโดษแห่งตลาดมืดที่ไม่มีผู้ใดกล้าดูหมิ่นแต่บัดนี้กลับกลายเป็นผู้อารักขาประตูด้วยความเต็มใจยิ่ง
หลังจากพํานักบนยอดเขาเมฆาอินทนิลได้ระยะหนึ่งเขารู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นมากมายกว่าการฝึกตนอย่างสันโดษนับสิบปีเสียอีก
เยี่ยฉวนไม่เพียงช่วยให้เขารอดพ้นจากหายนะที่เกิดขึ้นหากแต่ยังช่วยให้จิตใจของเขาสงบลงปีศาจเพลิงง่วนอยู่กับการปลูกสมุนไพรบนภูเขาในยามกลางวันและทําหน้าที่อารักขาประตูในยามกลางคืนความรู้สึกสบายไร้กังวลและพึงพอใจนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเมื่อครั้งร่อนเร่ไป
ปีศาจเพลิงชอบความรู้สึกเช่นนี้ ชีวิตเรียบง่ายทําให้เขาเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้และเริ่มเตรียมการสร้างกายสุริยันแผดจ้าขึ้นมาใหม่เพื่อเรียกความมั่นใจที่หายไปกลับนมา
ท้องฟ้าสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ปีศาจเพลิงยังคงนั่งขัด สมาธิอย่างเงียบเชียบราวกับพระแก่ๆ กําลังเข้าฌาน
“ปิ้ว!”
ทันใดนั้น สายลมแรงพัดผ่านท้องฟ้าเหนือยอดเขาเมฆาอินทนิลจนแสงเทียนวูบไหว!
ปีศาจเพลิงลืมตาขึ้นและเห็นดวงจิตของเยี่ยฉวนอาศัย สายลมพุ่งเข้ามาในลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิลอย่างเร่งรีบ ดวงจิตนั้นดูพร่ามัวและยุ่งเหยิงราวกับกําลังหนึกระเจิดกระเจิงหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส
ปีศาจเพลิงไม่เคยเห็นเยี่ยฉวนในสภาพนี้จึงรีบลุกขึ้นไล่ตาดวงจิตไปยังห้องฝึกตน
ภายใต้แสงสลัวจากโคมบงกชสีคราม ดวงจิตและร่างของเยี่ยฉวนหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวใบหน้าของเขาดูซีดเซียวและหมองคล้ําจนแทบไม่หลงเหลือท่าทางก่อนหน้านี้เลย
“คุณชาย! คุณชายเยี่ย! ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?”
ปีศาจเพลิงตื่นตระหนกและเป็นกังวลขึ้นมาทันที
แม้ขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนไม่สูงมากนัก แต่ในสายตาของปีศาจเพลิงแล้วเขาคือผู้รอบรู้ที่สามารถทํานายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ราวศาสดาพยากรณ์อีกทั้งยังแสวงหาโชค และหลีกเลี่ยงภัยพิบัติได้อย่างแม่นยํามารร้ายตนใดทําร้าย เขาได้สาหัสถึงเพียงนี้? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีจอมมารผู้
ทรงพลังหรือศัตรูน่าเกรงขามของสํานักหมอกเมฆาที่ต้องการแก้แค้นมาเยือนเทือกเขาหมอกเมฆาแห่งนี้?
คิดได้ดังนั้นแล้วปีศาจเพลิงผู้เดินในตลาดมืดได้อย่างไม่เกรงกลัวก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมา
เยี่ยฉวนไม่ได้เอ่ยคําใด ผ่านไปครู่ใหญ่ท่าทีที่คุ้นเคยจึงค่อยๆ กลับมาราวกับฟื้นคืนสติก่อนจะออกคําสั่ง “อี้เหยียนจือ ปิดประตูลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิลเสีย”
“ขอรับ!”
ปีศาจเพลิงโค้งรับคําสั่ง แม้เยี่ยฉวนจะไม่ได้ตอบตรงๆ แต่เขาก็มั่นใจในการคาดเดาของตนว่าเยี่ยฉวนได้พบกับศัตรูที่มีพลังมหาศาลเข้าแล้ว เขาเดินออกไปก่อนจะหันกลับมาถาม “คุณชายเยียข้าควรใช้พลังทั้งหมดสร้างอาณาเขตป้อ งกันยอดเขาเมฆาอินทนิลแห่งนี้อย่างเต็มกําลังจนกว่าท่านจะดีขึ้นหรือไม่?”
เยี่ยฉวนกําลังลําบาก ปีศาจเพลิงจึงพร้อมแบกรับหน้าที่และยินดีเสี่ยงทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของตน
“ไม่จําเป็นหรอก แค่ปิดประตูให้แน่นหนาเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นให้ดําเนินไปตามปกติ หากมีผู้ขึ้นเขามาตามหาหรือซักถามสิ่งใดก็ปล่อยให้เข้ามาเสีย” เยี่ยฉวนตอบ
เขามั่นใจว่าอาวุโสลําดับสามจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่สืบหาเบาะแสและตัวตนของเขาเป็นแน่ หากเขาสร้างอาณาเขตป้องกันตอนนี้จะเป็นการรับสารภาพและเปิดเผยตัวตนเสียเปล่า
“ข้าเข้าใจแล้วคุณชาย วางใจได้”
ปีศาจเพลิงปิดประตูลานกว้างอย่างรวดเร็วก่อนจะนั่งอย่างสงบนิ่งตรงทางเข้าต่อไป หลังฟ้าสางได้ไม่นานกลุ่มคน ท่าทางชั่วร้ายก็มาเยือนยอดเขาเมฆาอินทนิลเพื่อตามหามือสังหารจากสํานักเครื่องนิลทุกซอกทุกมุม
ปีศาจเพลิงผู้เคยเร่ร่อนอยู่ภายนอกนานนับปีชินกับการเจอะเจอคลื่นลมเช่นนี้เสียแล้ว เขาปล่อยให้เหล่าบริวารของอาวุโสลําดับสามค้นหาโดยทั่วตามคําสั่งของเยี่ยฉวนก่อ นจะพากันจากไปเมื่อไม่พบร่องรอยใด
ปีศาจเพลิงปิดประตูอีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าบริวารเหล่านั้นจากไปหมดแล้ว “คุณชาย พวกมันไปหมดแล้ว ตอนนี้ข้าต้องทําสิ่งใด?”
“ไม่ต้องทําอะไร ทําตัวตามปกติต่อไป ข้าจะเดินทางไปยังภูเขาเบื้องหลังและจะกลับมาในสามวัน”
เยี่ยฉวนสั่งก่อนจะเปิดประตูก้าวยาวๆ จากไป
เมื่อวานเขาใช้เคล็ดวิชาตัดแบ่งวิญญาณหลบหนีจากการตามล่าของอาวุโสลําดับสามได้สําเร็จ ทว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้สาหัสนัก ดวงจิตของเขาหดเล็กลงอีกทั้งขอบเขตของก ระแสจิตบริสุทธิ์ยังลดลงกว่าครึ่งเยี่ยฉวนต้องฝึกตนอย่าง สันโดษตลอดทั้งปีหรือออกตามหาสมบัติโลกเพื่อเยียวยาควงจิตหากต้องการฟื้นคืนสู่ระดับปกติ เขาจึงอยากไปยังภูเขาเบื้องหลังเพื่อลองเสี่ยงโชค
เยี่ยฉวนตัดสินใจออกเดินทางลึกเข้าไปในเทือกเขาหมอกเมฆา
เยี่ยฉวนคิดมาโดยตลอดว่าถึงจะไม่พบสมบัติโลกที่ใช้เยียวยาดวงจิตแต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าสัตว์อสุรกายชนิดใดที่อาศัยลึกเข้าไปในเทือกเขาหมอกเมฆาแห่งนี้ เขาจะกลับมาภายในสามวันเนื่องจากเป็นวันที่เขาตกลงไปเดินตลาดมี ดกับหลิวหง
“อา คุณชาย…”
ปีศาจเพลิงประหลาดใจยิ่งและต้องการจะติดตามเยี่ยฉวนไป ทว่าอีกฝ่ายได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
คนธรรมดาคงไม่กล้าออกไปไหนอย่างน้อยสามเดือนหากดวงจิตถูกทําร้ายอย่างรุนแรงเช่นนี้ หากต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่เชี่ยวชาญด้านการขัดเกลาดวงจิตคงโดนถลก หนังเป็นแน่ทว่าเยี่ยฉวนกลับเดินทางไปยังภูเขาที่มีสัตว์อสุ รกายอาละวาดอยู่ทั่วด้วยดวงจิตที่บาดเจ็บสาหัส เขาไม่เกรงกลัวบ้างเลยหรือ?
จิตใจของปีศาจเพลิงสั่นไหวและไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ตามเยี่ยฉวนไปหากแต่ลอบตระเตรียมบางสิ่ง
เรื่องที่เยี่ยฉวนเดินทางออกจากสํานักลึกเข้าไปในเทือกเขาหมอกเมฆาเพื่อกล่อมเกลาดวงจิตของตนแพร่กระจายไปทั่วสํานักอย่างรวดเร็ว
จูซื้อเจียฝึกตนอย่างสันโดษในห้องลับด้วยความเกรี้ยวกราด นางทั้งโกรธทั้งเกลียดเยี่ยฉวนที่เดินทางลึกเข้าไปในเทือกเขาหมอกเมฆาที่อันตรายและลึกลับโดยไม่ห่วงตัวเองเช่นนั้น เขาไม่คิดว่าผู้อื่นจะเป็นห่วงเลยหรืออย่างไร? ใคร่ จะไปก็ไป ไม่คิดจะบอกกันหน่อยหรือ? ไม่รู้หรืออย่างไรว่ามีคนเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ?
ตรงกันข้าม อาวุโสลําดับสามกลับเบิกบานใจยิ่ง
เดิมที่เขาสงสัยว่าเยี่ยฉวนคือผู้ใช้ดวงจิตหยินท่องราตรีบุกรุกยอดเขาพยัคฆ์ขาวเมื่อวาน แต่ข่าวนี้ทําให้เขาละทิ้งความ คิดนั้นไปโดยสิ้นเชิงขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนสูงสักแค่ไหนกันเชียว? เขาจะไปเรียนรู้เคล็ดวิชาเมื่อวานได้จากที่ใด? ยิ่งไปกว่านั้นดวงจิตของผู้บุกรุกเมื่อวานได้รับบาดเจ็บสาหัสหากเป็นเยี่ยฉวนจริงคงไม่กล้าออกไปนอกสํานักเป็นแน่ เขาไปเอาความกล้าจากที่ใดออกเดินทางไปยังภูเขาเบื้องหลังที่ เต็มไปด้วยอสุรกาย?
หลังเลิกสงสัยเยียฉวนแล้วอาวุโสลําดับสามจึงเริ่มพุ่งเป้าไปยังผู้อื่นรวมถึงอาวุโสสูงสุดและอาวุโสลําดับสอง เขาลอบจับตาดูทุกย่างก้าวของทั้งสองมาโดยตลอด แต่แน่นอนว่าการเลิกสงสัยเยี่ยฉวนไม่ได้หมายความว่าจะยอมปล่อยเด็กห นุ่มผู้นี้ไป
ภูเขาเบื้องหลังนั้นอันตรายมากจนการตายของศิษย์ที่ออกเดินทางไปนั้นเป็นเรื่องปกติ บรรดาศิษย์ที่กล้าบ้าบิน ตายตกไปจํานวนมากทุกปีหากมีผู้พบเยี่ยฉวนเป็นศพที่ มุมใดมุมหนึ่งบนเทือกเขาก็ไม่น่าแปลกใจ
อาวุโสลําดับสามยกยิ้มเย็นเยียบและเผยสีหน้าโหดเหี้ยม
เดิมที่เขาถูกต้อนจนมุมไร้หนทางทว่าโอกาสดีกลับมาถ งอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ หากเยี่ยฉวนตายและเขาสามารถจัดแจงให้คนสนิทขึ้นเป็นศิษย์พี่ใหญ่คนต่อไปได้สําเร็จก็จะยิ่งทรงอิทธิพลและสามารถครองอํานาจเหนือทั้งสํา นักได้ เช่นนั้นแล้วการควบคุมทั้งสํานักหมอกเมฆาก่อนเจ้าสํานักหยุนเฟยหรู่จะกลับมาก็ไม่ไกลเกินเอื้อม!
ไปเยี่ยนหูคิดได้แล้วจึงเขียนบันทึกอย่างรวดเร็วก่อนจะปรบมือเรียกทหารอารักขาคนสนิทเข้ามากระซิบคําสังข้างหูทหารผู้นั้นโค้งคํานับและจากไปพร้อมกับบันทึกในมือ นก อินทรีทองคําทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากยอดเขาพยัคฆ์ขาวอย่างรวดเร็ว มันโบยบินอยู่นานก่อนจะพุ่งผ่านชั้นเมฆหนาทึบและร่อนลงบนร่างของชายชราชุดเทาบนยอดเขาสูง
ชายชราผู้นี้นั่งเข้าสมาธิอย่างเงียบเชียบบนยอดเขาแห่งนี้ มาเป็นเวลาหลายปีจนไม่อาจนับ เขานั่งนิ่งราวกับรูปสลักหิน เนื้อตัวปกคลุมไปด้วยฝุ่นจนตะไคร่น้ําและวัชพืชงอกออกมาตามร่างกาย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราผู้นิ่งไม่ไหวติงราวกับหินค่อยๆ ลืมตาขึ้นในที่สุดและแกะแผ่นกระดาษที่ผูกติดกับขาของอินทรีทองคําออกมาคลี่ดู
บนกระดาษแผ่นนั้นมีถ้อยคําอยู่เพียงไม่กี่คําภูเขา เบื้องหลังจงฆ่า”
จดหมายนี้ถูกเขียนไว้โดยคร่าวเสียจนคนแปลกหน้าที่ได้อ่านคงสับสนและไม่เข้าใจความหมายเป็นแน่ทว่าชายชราก ลับเข้าใจในทันที กระดาษในมือถูกฟันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยแสงกระบี่ล่องหน เขาถอนหายใจแผ่วเบาพลางก้าวอ อกเพียงสองก้าวก็ไปถึงตีนเขาก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตาบนหน้าผามีคําว่า “ผนึกดาบพิษสลักไว้