บทที่ 107 จับวัวตัวใหญ่ได้!
นี่เป็นเพราะสมุนไพรมังกรคะนองอายุกว่าแปดร้อยปีอย่างนั้นหรือ?
เยี่ยฉวนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหล่าวปีศาจวัวที่เคยขี้ขลาดจงใจทิ้งสมุนไพรมังกรคะนองไว้และรวมตัวกันเพื่อปกป้องสมุนไพรหายากนี้
พี่บ! พี่บ! พี่บ! แสงสีฟ้าพุ่งผ่านเยี่ยฉวนโดยไม่มีเวลาให้คิดเกิดเป็นหลุมรูปชามขนาดใหญ่บนหน้าผาแกร่ง แม้จะปราศจากความแม่นยําทว่าความรุนแรงนั้นเทียบเท่า กับก้อนหินที่ปะทะผนังด้วยความเร็วสูงต่อให้สวมใส่ชุดเกราะแน่นหนาก็อาจกระอักเลือดหากโดนชนเข้า
เยี่ยฉวนยืนนิ่งโดยไม่จําเป็นต้องหลบการโจมตีรอบแรกของเหล่าปีศาจวัวพลาดเป้าทั้งหมด การโจมตีรอบถัดไปค่อยๆ ตามมา ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรโผล่จากความมืดมากขึ้นพร้อมการโจมตีที่ทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น
“เฮ้ นี่พวกเจ้า”
เยี่ยฉวนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่จิตใจกลับสั่นไหว เมื่อเห็นจํานวนของปีศาจวัวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวลาสามวันกําลังจะล่วงเลยไปและใกล้ถึงวันที่เขาต้องกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาแล้ว แม้จะเก็บสมุนไพรระหว่างทางได้มากมายเพียงใดแต่การเดินทางครั้งนี้ยังไม่บรรลุเป้าหมาย
เขาไม่ได้ออกเดินทางบ่อยครั้งจึงไม่อาจกลับไปมือเปล่าได้ ปีศาจวัวตัวเดียวไร้ประโยชน์กว่าราชันจักจั่นและลูกหมูนัก แต่หากใช้ยันต์ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ทําให้เชื่องและสร้างกองทัพปีศาจวัวขึ้น เขาจะใช้พวกมันเพื่อต่อกรกับใครละใช้ที่ใด?
เยี่ยฉวนพุ่งไปข้างหน้าในชั่วพริบตา โคมบงกชสีครามปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ
แสงสีครามพลันสว่างวาบก่อนที่ปีศาจวัวตัวหนึ่งจะหายไป ภาพหัววัวเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนตัวโคม
ปีศาจวัวหายวับไปอีกครั้งก่อนที่ตัวอื่นๆ จะตอบสนองต่อแสงสีครามบนท้องฟ้าได้ทัน
เยี่ยฉวนเคลื่อนไหวไปมาราวกับวิญญาณ ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรค่อยๆ หายไปในอากาศที่ละตัวพร้อมแสงสีครามที่สว่างวาบขึ้นในหุบเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ตัวถัดไปก็ยังออกมาจากความมืดไม่จบสิ้น ปีศาจวัวตัวอื่นที่เหลืออยู่ยังคงไล่ตาม เยี่ยฉวนจนเกิดความอลหม่านไปทั่ว
โฮก!
เสียงคํารามแสบแก้วหูดังขึ้นก่อนที่ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูร ท่าทางดุร้ายจะพุ่งออกมาจากความมืด!
ปีศาจวัวตัวนี้มีขนาดใหญ่โตเป็นสองเท่าของตัวอื่นๆ ร่างกายเปล่งแสงสีแดงและนัยน์ตาสีแดงดังโลหิตแตกต่างจากปีศาจวัวตัวอื่นที่เปล่งแสงสีฟ้า มันโจมตีใส่หน้าผาจนหินก้อนยักษ์ถล่มครืนลงมา พลังของมันช่างน่าอัศจรรย์นัก!
ราชันปีศาจวัว?
เยี่ยมไปเลย!
เยี่ยฉวนไม่เกรงกลัวแต่กลับดีใจและตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
ปีศาจวัวทั่วไปเป็นเพียงสัตว์อสุรกายชั้นต่ําหากแต่ราชันปีศาจวัวนัยน์ตาแดงฉานนี้กลับแตกต่างออกไป ลําพังแค่แรงกดดันจากร่างมหึมาของมันก็ข่มขวัญมากพออยู่แล้วโดยไม่ต้องเปล่งแสงสีแดงดุจโลหิตเช่นนี้ มิหนําซ้ำยังแข็งแกร่ง พอจะต่อกรกับปรมาจารย์ขั้นซิวฉือได้อีกด้วย!
เยี่ยฉวนหยุดชะงักและพุ่งตรงไปทางราชันปีศาจวัวทันที
โฮก!
ราชันปีศาจวัวคํารามออกอีกครั้งก่อนปล่อยลําแสงสีแด งมาทางเยี่ยฉวน พลังของมันน่าหวั่นเกรงด้วยความเร็วที่เหนือกว่าปีศาจวัวทั่วไป
เยี่ยฉวนย่อตัวลงก่อนจะออกแรงกระโดดขึ้นไปบนหลังของราชันปีศาจวัวพอดิบพอดี ลําแสงกระบีสว่างวาบเมื่อใบมีดบางเฉียบปรากฏขึ้นระหว่างนิวซีและนิวกลางข้างขวา เขาเหยียดมือออกและเชื่อดลําคอของราชันปีศาจวัวจนร่างใหญ่โตน่ากลัวล้มลงกับพื้น
เยี่ยฉวนได้เตรียมการไว้ก่อนเดินทางเข้าสู่เทือกเขา ใบมีดถูกเคลือบด้วยยาที่กลั่นขึ้นมาเป็นพิเศษ เมื่อผสมกับโลหิตของศัตรูแล้วมีฤทธิ์ทําให้เป็นอัมพาตและสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวแต่ไม่รุนแรงถึงชีวิต
ผิวหนังของราชันปีศาจวัวทั้งหยาบทั้งหนาจึงเป็นการยากที่จะฟันหลังของมัน ลําคอที่อ่อนนุ่มจึงเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดในการลงดาบ หลังจากสัตว์ร้ายโดนวางยาแล้วแสงสีครามก็สว่างวาบขึ้นเมื่อเยี่ยฉวนเก็บมันเข้าไปในโคมบงกชสีคราม
แม้ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรจะขี้ขลาดตาขาวในยามปกติแต่เมื่อพุ่งเป้าไปที่ศัตรูแล้วก็จะเริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเมื่อเห็นหัวหน้าของพวกมันโดนเยี่ยฉวนกําราบแล้วก็กลัวหัวหดและแตกกระเจิงไปในที่สุด
“พวกเจ้าคิดจะหนีไปไหน?!”
เยี่ยฉวนไล่ตามปีศาจวัวที่ตื่นตระหนกเหล่านี้และจัดการพวกมันในหุบภูเขาไฟได้หมดภายในสี่ชั่วโมง เมื่อรวมราชันปีศาจวัวแล้วมีจํานวนกว่าหนึ่งพันตัว เขาไม่รีบร้อนจากไป หากแต่ปักหลักอยู่ในหุบภูเขาไฟแห่งนี้เพื่อฝึกเหล่าสัตว์อสูรกายที่ทุกคนต่างคิดว่าไร้ประโยชน์ในสนามรบ
รุ่งเช้าวันต่อมาเกิดภาพแปลกตาขึ้นในเทือกเขาหมอกเมฆา
เยี่ยฉวนเริ่มออกเดินทางกลับสํานักหมอกเมฆา เขาไม่ได้วิ่งหรือขึ้นเหยียบกระบี่บินเหมือนจอมยุทธ์ขั้นซิวฉือคนอื่นๆ แต่กลับควบขอยู่บนหลังของปีศาจวัวที่เดินข้าม ยอดเขาขาวโพลนและแม่น้ำสีดําสนิทอย่างสบายใจ เยี่ยฉวนฝึกให้ราชันปีศาจวัวเป็นสัตว์พาหนะของเขา มิหนําซ้ำสหายตัวใหญ่ยังช่วยเขาฝึกปีศาจวัวตัวอื่นๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
เยี่ยฉวนเดินทางลึกเข้ามาในเทือกเขาหมอกเมฆาพร้อมอสูรกายตัวจ้อยในโคมบงกชสีครามเพียงสองตัวเท่านั้น ทว่าได้กลับไปพร้อมปีศาจวัวกว่าหนึ่งพันตัว แม้จะเป็นเพียงอสุรกายชั้นต่ำที่ผู้คนต่างดูถูกเหยียดหยาม แต่ชายหนุ่มกลับพึงพอใจกับพวกมันอย่างมากและรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว
นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่เคยมีสัตว์อสุรกายตนใดที่ไร้ประโยชน์ มีเพียงผู้ไม่รู้วิธีใช้ประโยชน์จากพวกมันเท่านั้นแม้แต่มีดทื่อๆ ยังใช้สังหารคนได้อสุรกายชั้นต่ำก็เช่นกัน!
การฝึกฝนเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์จนบรรลุขั้นสูงสุด ทําให้เขาสามารถซ่อนเร้นสวรรค์ได้เหมือนในกาลก่อนและสามารถบรรลุขั้นการฝึกตนได้ถึงขั้นนักปราชญ์เท่านั้น ทว่าบัดนี้เขากําลังฝึกเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ที่ได้รับมาจากสุสานเทพเจ้าด้วยการฝึกตนไปพร้อมกับกล่อมเกลาสัตว์อสุรกายหลากชนิดให้เชื่อง เมื่อฝึกตนจนถึงขั้นสูงสุด แล้วระดับการฝึกตนของเขาจะไปสิ้นสุดที่ใด? จะไปถึงขั้นผู้ เป็นอมตะในตํานานที่เหนือกว่าขั้นนักปราชญ์หรือมีขั้นที่สูงกว่าอีกหรือไม่?
เยี่ยฉวนผู้อยู่บนหลังของราชันปีศาจวัวเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังกับการฝึกตนในอนาคต
ความเร็วของราชันปีศาจวัวไม่ว่องไวนักหากแต่มีความถูกทนสูงกว่าอสุรกายทั่วไปมาก มันไม่หอบหายใจแรงเลยแม้จะวิ่งต่อเนื่องมากว่าครึ่งวันแล้วก็ตาม ยามเที่ยงตรงราชันปีศาจวัวได้พาเยี่ยฉวนมาถึงภูเขาสูงซึ่งสามารถมองเห็นสํานักหมอกเมฆาที่ถูกห่อหุ้มด้วยม่านหมอกอยู่ไกลๆ
“สํานักหมอกเมฆา ขากลับมาแล้ว!”
เยี่ยฉวนทอดสายตามองสํานักหมอกเมฆาที่อยู่ไกลออกไปก่อนจะออกแรงกระทุ่งที่ขาเบาๆ ให้ราชันปีศาจวัววิ่งลงจากยอดเขา แต่วิ่งไปได้เพียงครึ่งทางก็หยุดชะงักลง
เมื่อมองไปเบื้องหน้ามีเพียงป่าทึบไร้วี่แววสิ่งผิดปกติ ทว่าหว่างคิ้วของเยี่ยฉวนกลับกระตุกเป็นลางร้าย
“นั่นใคร?! ออกมา!”
เยี่ยฉวนตะโกนอย่างเย็นชาพลางระแวดระวังขึ้นมาทันที
เยี่ยฉวนมากล้นด้วยประสบการณ์ แม้ขั้นการฝึกตนจะไม่อาจท้าทายสวรรค์ได้เหมือนในชาติที่แล้วแต่สัญชาตญาณนั้นยังคงอยู่ เขาสัมผัสได้ถึงการซุ่มโจมตีจากศัตรูยอดฝีมือหรือสัตว์อสุรกายทรงพลัง!
อาวุโสลําดับสามไปเยี่ยนหู? เจ้าสํานักเครื่องนิลโท่วป่าเซียง? หรือ
เยี่ยฉวนลอบโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ในร่างขณะเฝ้ารออย่างเงียบเชียบ