Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 116 คนนอกรีต

 

ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 116 คนนอกรีต

 

เยียฉวนกวาดสายตามองโดยรอบอย่างระมัดระวังขณะทรุดกายลงนั่งยองๆ

 

ผู้ฝึกตนจากต่างแดนทั้งเจ็ดมีสีหน้าไร้ความเป็นมิตรพวกเขานําสิ่งของมากมายมาวางเรียงไว้บนผืนผ้าขนาดใหญ่ เยี่ยฉวนชําเลืองมองครั้งเดียว สิ่งของเหล่านั้นได้แก่สมุนไพรแปลกตาหลายชนิดอุกกาบาตเหล็กที่จมอยู่ใต้ท้องทะเลลึก อัญมณีสีแสดอายุพันปีแห่งมหาสมุทรและสมบัติมีคาจากธรรมชาติต่างๆที่ล้วนวิจิตรตระการตา

 

“คุณชายเยีย นี่คือสิ่งใดกัน?!”

 

หลิวหงหยิบสิ่งของที่มีความยาวเท่าตะเกียบขึ้นพินิจ ส่วนปลายของมันแหลมคม หากดูผ่านๆอาจคล้ายคลึงกับก้อนผลึกและอัญมณีจากท้องทะเลที่ถูกนํามาเจียระไน ประ กายวาววับราวกากเพชรบนพื้นผิวของมันดึงดูดความสนใจของหญิงสาวไม่น้อย เป็นธรรมดาที่สตรีย่อมสนใจสิ่งของสวยงามแม้แต่หลิวหงที่เป็นผู้ฝึกตนก็เช่นกัน

 

“ชิ้นนี้น่ะรึ? มันเป็นเพียงเศษกระดูกสันหลังของปลาทะเลไม่ใช่อัญมณีล้ําค่าแต่อย่างใด”

 

เยี่ยฉวนรับสิ่งของจากมือนางมาตรวจสอบและแยกแยะได้อย่างรวดเร็วเขาส่งคืนให้อีกฝ่ายก่อนกล่าวเสียงเรียบ “หากเจ้าชอบก็ซื้อไว้เถิดข้าสามารถนํามันมาเจียระไนให้ เป็นเครื่องประดับเรือนผมของเช่นนี้ไม่ค่อยพบในดินแดนข องเรา ทว่าในดินแดนอื่นก็มีวางขายอยู่ถมเถตามจริงแล้ว มันไม่มีราคาค่างวดใดๆ ควรค่าแก่การแปรรูปเป็นสิ่งอื่นเท่านั้น”

 

ใบหน้าของเยี่ยฉวนปราศจากความตื่นตาตื่นใจ เขาพิจารณาเพียงครั้งเดียวเขาก็ระบุได้ทันทีว่าของเหล่านั้นทํามาจากวัสดุประเภทใดบ้าง

 

เขาไม่ใช่ศิษย์ที่เชี่ยวชาญด้านการเล่นแร่แปรธาตุหรือหลอมอาวุธทว่าจากประสบการณ์อันยาวนานในภพชาติก่อน ครั้งที่เขาเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ผู้ชํานาญกระบวนเคล็ดวิชาถึงสามพันอย่าง ไม่มีสิ่งใดในใต้หล้าที่เขาไม่รู้ จัก เมื่อมาจุติใหม่ในเทือกเขาหมอกเมฆาที่ทอดยาวแห่งนี้เขาจึงมีความรู้กว้างขวางหากตั้งตนเป็นที่สองคงไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นที่หนึ่ง!

 

“สวยงามนัก! หากท่านไม่บอกข้าคงดูไม่ออกว่าเป็นเพียงก้างปลา”

 

หลิวหงพึมพําเบาพร้อมวางมันลงที่เดิมด้วยความอาวรณ์ลูกค้าคนอื่นก็เผยสีหน้าเสียดายเช่นกัน ตอนแรกทุกคนต่างให้ความสนใจสมบัติชิ้นนี้ไม่น้อยและเตรียมเงินจํานวนมากเพื่อซื้อมันมาครอบครองแต่เมื่อได้ยินเยี่ยฉวนกล่าวเช่นนั้น จึงเบนความสนใจไปที่สินค้าชิ้นอื่นทันที

 

ผู้ฝึกตนจากต่างแดนทั้งเจ็ดยังรักษาท่าที่นิ่งสงบเช่นเดิมมีเพียงคนที่อยู่ด้านขวาสุดที่เงยหน้าขึ้นและชําเลืองมองเยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นเยือกราวอสรพิษจนเขารู้สึกอึดอัด 

 

“ไม่ถูก พวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนจากต่างแดน แต่คือ…” 

 

เขาครุ่นคิดโดยไม่ออกเสียงพลางขมวดคิ้วมั่น ใจเขาเริ่มตระหนักถึงบางสิ่งทว่ายังคงแสดงท่าที่เรียบเฉยราวไม่รับรู้สิ่งใด คนนอกรีตผู้นั้นจ้องมาทางเขาครู่เดียวแล้วจึงก้มหน้าลงไปเช่นเดิม…

 

“คุณชายเยี่ย สิ่งนี้คือไข่มุกใช่หรือไม่?! งดงามอะไรเช่น

 

หลิวหงกวาดสายตามองสินค้าบนผืนผ้าก่อนสะดุดตาเข้าที่วัตถุทรงกลมลักษณะคล้ายไข่มุก เมื่อนําไฟมาส่องจะเห็นแสงสีดําสนิทจากภายในส่องประกายบนพื้นผิว และหากพิจารณาให้ดีจะพบว่ามันมีแววสะท้อนบางอย่างที่มีโครงร่าง ราวราชวังงามวิจิตร ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเหมือนมีโลกลึกลับอีกใบ ซ่อนอยู่ภายในไข่มุกชิ้นนี้หนําซ้ํามันยังแผ่พลังงานเบาบางออกมา

 

สตรีงามโดยทั่วไปมักมีหน้าอกใหญ่ทว่าไร้สติปัญญาทว่าหลิวหงไม่ใช่สตรีเช่นนั้น นางมีรูปโฉมงดงามน่าเอ็นดูทั้งยังมีแววตาหลักแหลมไม่น้อย!ในบรรดาอัญมณีที่วางเรียงรายอยู่นับร้อยชิ้นนางกลับมองเห็นไข่มุกรูปทรงประหลาดนี้อย่างรวดเร็ว!

 

สุ่มเสียงนุ่มนวลแฝงความฉอเลาะของนางเป็นเครื่องดึงดูดบุรุษเพศให้ลุ่มหลงเป็นอย่างแรกและเมื่อพวกเขามองไปที่นางก็ไม่อาจละสายตาได้อีกต่อไปกระโปรงหนังสัตว์ที่สั้นกุดเปิดเผยให้เห็นเรียวขาเนียนขาวแม้นางใช้สองมือคอยดึงชายกระโปรงลงหลายครั้ง ถึงกระนั้น บั้นท้ายก็ยังวับแวมออกมาให้เห็นเนืองๆชายหนุ่มหลายรายที่เห็นเรือนร่างเย้ายวนนั้นถึงกับกลืนน้ําลายอีกใหญ่ด้วยไร้สมาธิสํารวจสินค้าบนแผงตรงหน้า

 

“สิ่งของชิ้นนี้น่ะรึ? ข้าพูดตามตรงขาเนียนขาวของเจ้างดงามกว่ามันมากนัก!”

 

ขณะที่หลิวหงเอนตัวไปใกล้ชิด เขาสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายอบอุ่นและกลิ่นหอมที่ยั่วยวนใจ เรียวขางามที่โผล่พ้นจากกระโปรงหนังรัดรูปของนางปรากฏชัดต่อสายตา แม้ควบคุมสติอารมณ์เพียงใดก็ไม่สามารถระงับจิตใจมิให้ชื่นชม

 

ภพชาติที่แล้วเยี่ยฉวนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เคยพบพานสตรีมาทกรูปแบบ.ชื่นชมเรือนร่างของพวกนางมานับไม่ถ้วน ทว่าตอนนี้เขาไม่สามารถทําดังที่ใจนึกจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วย ความเสียดายหลิวหงมีรูปร่างไม่สูงนัก ทว่าขาของนางสม ส่วนและเรียวยาวกว่าคนทั่วไปชายหนุ่มใคร่สัมผัสยิ่งนักว่า ขาทั้งสองข้างนั้นจะนุ่มมือปานใด?!

 

“พูดจาน่าเกลียดนัก! บอกมาเร็วว่าสิ่งนี้คือไข่มุกประเภทใด?”

 

หลิวหงกลอกตาขณะมองอีกฝ่าย แม้คําพูดของนางจะร้ายและแสดงออกว่าขุ่นเคือง ทว่าแววตากลับวูบไหวด้วยความรู้สึกหลากหลาย นางโน้มตัวไปหาเยี่ยฉวนอีกครั้งก่ อนกระซิบเสียงเบาเพื่อถามในสิ่งที่ตนต้องการรู้ “ถ้าเช่น นั้น…เปรียบเทียบระหว่างข้ากับศิษย์น้องหญิงนามว่าจซื้อเจียเป็นอย่างไร? ท่านคิดว่าขาของผู้ใดงดงามกว่ากัน?!”

 

“งดงามไม่ต่างกัน…”

 

เยี่ยฉวนคาดเดาไว้แล้วว่าต้องพบเจอคําถามเชิงชี้นําจากอีกฝ่ายจึงรับมือสถานการณ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เขา มองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งพลางยกยิ้มมุมปากแฝงเลศนัยก่อนกล่าวออก “สิ่งที่เจ้าถืออยู่ไม่ใช่ไข่มุกแต่เป็นดวงตาต่างหาก! ดวงตาของภูตทะเลหากจ้องมองมัน เป็นเวลานานดวงจิตจะตกอยู่ในภวังค์ลวงตาและเกิดอา การประสาทหลอน นานมาแล้วผู้คนมักใช้มันเพื่อสร้า งสมบัติด้านไสยเวท”

 

“อี้! ทําไมท่านไม่พูดให้เร็วกว่านี้”

 

หลิวหงตกใจจนโยนดวงตานั้นทิ้งทันที! พอนึกย้อนไปก่อนหน้าก็รู้สึกแทบอาเจียน…ก่อนหน้านี้นางถือมันไว้ในมือและสัมผัสลูบไล้มันด้วยความชื่นชมอยู่นาน คิดแล้วก็ โกรธเยี่ยฉวนไม่น้อยเขาจงใจแกล้งนางหรืออย่างไร?

 

“อย่าโยนทิ้งราวเป็นสิ่งของไร้ค่าเช่นนั้นสิ! พวกเขาอุตส่าหนําสินค้าข้ามน้ําข้ามทะเลมาอย่างยากลําบากหากของ เสียหายขึ้นมาระวังจะต้องจ่ายเงินชดใช้ แม้ดวงตานี้จะมี คุณสมบัติชั่วร้ายแต่มันก็มีพลังปราณจากธรรมชาติมากล้น นับเป็นสมบัติล้ําค่าอย่างหนึ่งที่สามารถนําไปแลกเปลี่ยนแทนเหรียญตําลึงเงินได้”

 

เยี่ยฉวนเผยรอยยิ้มอีกครั้ง มีคุณสมบัติอีกอย่างที่เขาไม่ได้กล่าวถึงคือฤทธิ์ปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ มีตํานานเล่าขานว่าชาวประมงที่ล่องเรือออกหาปลาในยามค่ําคืนที่ชะโงกหน้ามองลงไปเบื้องล่างจะกระโดดลงทะเลอย่างไร้เหตุผลและจม น้ําตายในที่สุดนั่นเพราะพวกเขาเผลอสบตาเข้ากับดวงตาภู ตทะเลสาวนั่นเอง

 

เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหลิวหงและพบว่านางเกิดความสับสนทางอารมณ์ทั้งห้วงความคิดยังตีกันยุ่งเหยิงแวว ตาคู่งามเหม่อลอยและน้ําปรืออย่างเย้ายวน หากเขาเตือนนางช้ากว่านี้เพียงนิดเหตุการณ์หลังจากนี้อาจเกินเลยไปไกล และหญิงสาวอาจไม่ซาบซึ้งในน้ําใจดีงามของเขาอีก 

 

กลุ่มคนนอกรีตเหล่านี้มีนิสัยผิดประหลาดโดยแท้! พวกเขานําสิ่งของที่มีคุณสมบัติทางไสยเวทเช่นนี้มาวางขายมีเจตนาใดกันแน่?! จงใจทําให้ผู้ที่ไม่รู้จักมันเผลอชื่นชมหลงใหลจนเสียสติอย่างนั้นหรือ?

 

เยี่ยฉวนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจากฝ่ายตรงข้ามที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!

 

ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงจิตสังหารเย็นเยือกที่แผ่ปกคลุมบริเวณโดยรอบ สายตาเย็นชาคู่หนึ่งจ้องเขม็งมาที่เขาจากด้านหลัง แม้ไม่หันไปมองในทันทีเขาก็สัมผัสได้ถึง ความเป็นปรปักษ์มหาศาลจากแววตาปริศนาคู่นั้น!

 

เขาข่มใจให้สงบและไม่หันไปมองโดยตรง ทว่าหยิบหินหยกลักษณะแบนเรียบจากแผงขายของขึ้นมาเพื่อใช้เป็นกระจกสะท้อน สายตาเฉียบแหลมลอบสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหลังจากกระจกเงาอย่างรวดเร็ว!

 

เบื้องหลังของเยี่ยฉวนปรากฏภาพผู้คนที่หลั่งไหลกันมามุงดูสินค้าโดยเพิ่มจํานวนขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างสวมหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่หรือสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบจึงพอแยกแยะได้ว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ฝึก ตนจากสํานักหมอกเมฆาสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ทั้งสิ้น

 

เขาค้นพบเป้าหมายโดยใช้เวลาไม่นานนัก…

 

สตรีนางหนึ่งสวมหมวกไม้ไผ่ยืนกอดอกพิงกําแพงอยู่ในมุมมืดห่างไกลออกไป สายตาคมกริบจ้องมองมาที่เขาอย่างเย็นชา รูปร่างของนางสูงโปร่ง ผอมบางและสง่างามยิ่ง!แม้มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจนแต่เขาก็ตระหนักว่าไม่คุ้นเคย กับนางเลยแม้แต่น้อยที่น่าแปลกคือพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของน างกลับเปียกปอนสะท้อนแสงไฟราวนางเพิ่งขึ้นมาจากน้ํา!

 

นางคือผู้ใด?!

 

มือสังหารอีกคนหนึ่งนั้นหรือ?!

 

เยี่ยฉวนลอบโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์เพื่อป้องกันตัว การเดินทางมายังตลาดมืดครั้งนี้มีอันตรายมากกว่าที่เขาคาด การณ์ไว้เสียอีก!

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness, 蛮荒风暴
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทนำ ณ ห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล…เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าและบรรดาลูกศิษย์ในสำนักนับพันชีวิตต่างจ้องมองไปทางเดียวกันอย่างไม่เชื่อสายตา! ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้วในสุสานเทพเจ้าเมื่อสามเดือนก่อน! แม้แต่ผู้พิทักษ์ขั้นซิ่วฉือระดับห้ายังถูกลอบโจมตีจนสิ้นชีพ แล้วเหตุใดผู้ที่บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่หนึ่งเช่นเขาจึงมีชีวิตรอดจากหายนะในภารกิจครั้งนั้น?! ใช่…เขาตายไปแล้ว… ‘เยี่ยฉวน’ คนเก่าจอมขลาดเขลาและเหยียมอายคนนั้นตายไปแล้ว! บัดนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเยี่ยฉวนคนใหม่ที่ฝึกตนจนบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับสี่โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน! เขาได้พบเคล็ดวิชาลึกลับ ‘ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์’ จากสุสานเทพเจ้าโดยบังเอิญ วิชานี้มีพลานุภาพมหัศจรรย์เหนือกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เสียอีก! หากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จต้องมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าภพชาติก่อนเป็นแน่! หรือบางทีอาจบรรลุถึงขั้นผู้อมตะแห่งเต๋าที่เป็นเพียงตำนาน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset