ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 136 ผู้เฒ่าชั่ว
บทที่ 136 ผู้เฒ่าชั่ว
“เยี่ยฉวน…หากเรียกอีกครั้งแล้วเจ้ายังไม่เปิดประตูข้าจะ ฟังเข้าไปเดี๋ยวนี้!”
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
จ้าวต้าจอและผู้พิทักษ์หยางผุดลุกขึ้นก่อนตรงไปยังห้องของเยี่ยฉวนโดยเร็วเพื่อห้ามปรามเขาไม่ให้กระทํากา รวุ่มบ่าม!
หนางเทียนกวงกระแอมไอสองสามครั้งพลางสูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมความกล้า แต่ก่อนที่เขาจะเปิดประตูเข้าไปประตูทางเข้าตัวเรือนกลับพังทลายลงพร้อมกับชายนิรนามสามคนที่กระโดดข้ามเข้ามา สารรูปของคนทั้งสามไม่ น่าดูนักแต่ละคนตัวเตี้ยและผอมบางทั้งยังสวมชุดเกราะสีแดงนูดฉาดขนาดใหญ่กว่าลําตัวทําให้พวกเขาเหมือนลิงที่วิ่งลงมาจากยอดเขามากกว่านักรบบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ต่างเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นอกลานอย่างจดจ่อ..
“คุณชายผู้ประเสริฐ ท่านคือ…” หยางเทียนกวงเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าวด้วยท่าทางสุภาพ
ทันทีที่เขาเห็นบรรดาศิษย์ต่างสํานักบุกรุกที่พํานักด้วยท่าทางคุกคาม…หัวใจพลันเต้นแรงเมื่อสัมผัสถึงความอันตรายของสถานการณ์ตรงหน้า คนเหล่านี้ถูกส่งมาล้างแค้นพวกเขาอย่างแน่นอน! ที่เลวร้ายคือผู้ประสบเค ราะห์ไม่ใช่เยียฉวนเพียงคนเดียว แต่เขาและเจ้าอ้วนก็พลอย รับกรรมไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และหากตายก็คงตาย โดยไร้โอกาสร้องขอความเป็นธรรม ต่อให้สํานักหมอกเมฆารู้เรื่องนี้และทําการตรวจสอบข้อเท็จจริงในภายหลัง อาวุโสระดับสูงสํานักอสูรเมฆาคงโยนความผิดให้ศิษย์ชั้นนอกเป็นแพะรับบาปโดยไม่ให้สาวมาถึงตนเป็นแน่!
“แซ่ฮั่วชื่อหยวนชาง ฉายาผู้เฒ่าชั่ว!”
ชายผู้หนึ่งซึ่งดูมีอายุมากกว่าชายอีกสองคนโพล่งขึ้นด้วยน้ําเสียงแข็งกร้าวราวตนเป็นใหญ่เหนือมวลชน “ผู้ ใดคือเยี่ยฉวนแสดงตัวให้ข้าเห็นเดี๋ยวนี้!”
ชั่วหยวนชางพุ่งตัวไปด้านหน้าพลางตะโกนเสียงดังพร้อ มกวาดสายตามองโดยรอบค้นหาเยี่ยฉวนจิตสังหารที่แผ่ออกรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวีป
“ศิษย์พี่ใหญ่! อย่าออกไปนะขอรับ…ห้ามตอบเด็ดขาด!”
ร่างอ้วนของจ้าวต้าจ่อเปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขากระ ซิบห้ามพร้อมดึงชายเสื้อเยี่ยฉวนโดยแรงหลายครั้ง!
เขาสัมผัสถึงความพลุ่งพล่านของพลังปราณในร่างของ ฮั่วหยวนชางที่ทะยานขึ้นเรื่อยๆ ชายผู้นี้บรรลุการฝึกตนขั้นชิวฉือระดับสูงสุด ทั้งวรยุทธ์ยังแข็งแกร่งกว่าเยี่ยฉวนอย่างเห็นได้ชัด! แม้แต่ผู้พิทักษ์หยางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควร หา กเยียฉวนผลีผลามแสดงตัวอาจถูกอีกฝ่ายโจมตีอย่างรุนแรงโดยพวกเขาไม่มีโอกาสวิงวอนขอความเมตตาด้วยซ้ํา!
“เป็นข้าเอง! ผู้เฒ่าชั่วอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียนถึงที่เยี่ยฉวนรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง! ข้าไม่ทันออกไปต้อนรับขอท่านโปรดอภัย”
เยี่ยฉวนแสดงตนต่อหน้าทุกคน ลักษณะภายนอกของเขาดูสงบเสงี่ยมและนอบน้อมยิงแต่ยังสัมผัสได้ถึงความทะเยอทะยานจากภายใน “ผู้เฒ่าฮัวยังมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงเกินวัย ทั้งวรยุทธ์ยังโดดเด่นเหนือผู้อื่นข้าสงสัยว่าท่านมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้พิทักษ์ฮัวอย่างไร?”
“เขาคือบิดาของข้า”
ฮั่วหยวนชางยืดอกพร้อมเชิดหน้าขึ้นด้วยความพึงพอใจเขารู้สึกถูกชะตากับเยี่ยฉวนอย่างประหลาด “ไอ้หนุ่มข้ารู้มาว่าเจ้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆารุ่นปัจจุบัน อย่างนั้นหรือ?!”
“ถูกแล้ว! นั่นเป็นเพียงตําแหน่งที่ศิษย์รุ่นเยาว์และ ศิษย์น้องเรียกขานเพื่อยกย่องข้า แท้จริงแล้วภายในสํานักของข้ามีศิษย์ที่โดดเด่นกว่าอีกหลายคน”
เยี่ยฉวนกล่าวตอบด้วยน้ําเสียงจริงใจและสุภาพ จ้าวต้าจอและหยางเทียนกวงเห็นเช่นนั้นจึงค่อยคลายความวิตกกังวลลงที่เขาก็ไม่สร้างความหายนะไปมากกว่านี้ ชาย หนุ่มเผยรอยยิ้มขณะสํารวจฮั่วหยวนชางตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนกล่าวออก “สุภาษิตว่าไว้..หากบิดาเป็นสิงห์บุตรชาย ไม่มีทางเป็นสุนัข เห็นที่คํากล่าวนั้นคงเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว หากท่านหน้าผากโหนกนูนกว่านี้หรือมีปากยื่นยาวและฟันเผยอออกมาอีกนิดจะยิ่งสมบูรณ์แบบหน้าตาหรือก็หล่อเหลาเอาการแม้ดูคล้ายลิงไปหน่อยก็เถอะเจ้าอ้วน อย่ารั้งข้า! ให้ข้าได้ตบปากเขาสักทีสองที.แม้แต่ชั่วชานบิดาของเขายังเรียกแทนตนเองว่าศิษย์น้อง แต่เด็กเมื่อวานชื่นเช่นเขากลับให้ข้าเรียกว่าท่านผู้เฒ่า! การกระทําสามหาวเช่นนี้ช่างหยามเกียรติสํานักหมอกเมฆาของเรานัก!”
เขาพับแขนเสื้อขึ้นแสดงท่าทางพร้อมต่อสู้ คําพูดตอนต้น ประโยคสุภาพและอ่อนโยนทว่าประโยคหลังกลับเต็มไปด้วย ถ้อยคําเสียดสีและสาปแช่งฮั่วหยวนชางที่เผยสีหน้าพึงใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นคล้ําเข้มทันทีด้วยโกรธายิ่ง!
สามหาว!
สิ่งที่ข้ากลัวสุดท้ายก็เกิดขึ้นจนได้! ศิษย์พี่ใหญ่จงใจเอาชี วิตมาทิ้งที่หรือลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่สํานักหมอกเมฆากันแน่?!”
เจ้าอ้วนคร่ําครวญในใจเป็นครั้งที่หนึ่งร้อย ร่างอ้วนสั่นสะ ท้านด้วยความหวาดกลัวจนไขมันกระเพื่อม
การคุยโวโอ้อวดท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้เป็น เรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง! หัวใจผู้พิทักษ์หยางเต้นแรงขึ้นด้วย ความกระสับกระส่าย สีหน้าผ่อนคลายของเขากลับมาซีด เผือดสลับกันเช่นนี้หลายครั้งแล้ว หากเขารู้ก่อนหน้าว่าเยี่ยฉวนไร้วุฒิภาวะถึงเพียงนี้คงยอมรับการถูกลงโทษจากสํานักที่ ปฏิเสธภารกิจดังกล่าวความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่ศักดิ์ศรีที่เสียไปน่าอับอายยิ่งกว่า!
บรรดาศิษย์สํานักอสูรเมฆาหลายคนที่เข้ามามุงดูเหตุ การณ์ตื่นตระหนกยิ่ง! พวกเขาเงี่ยหูฟังอีกครั้งว่าตนได้ยินผิดไปหรือไม่ แต่แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น!
ทุกคนรู้แก่ใจว่าฮั่วหยวนชางหน้าตาเหมือนลิงแต่ไม่มีผู้ใดกล้าวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้! ต่อให้ชายสติฟันเฟือนเช่นเยี่ยฉวนปากพล่อยและไร้ความยั้งคิด แต่เขาลืมนึกถึงชั่วชานผู้เป็นบิดาของเขาที่มีอํานาจสูงส่งในสํา นักไปแล้วอย่างนั้นหรือ?!
แม้แต่ศิษย์ร่วมสํานักยังไม่กล้า แต่เยี่ยฉวนซึ่งเป็นศิษย์ ต่างสํานักกลับวิจารณ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉยทั้งยังกล่าวเสียงดังจนฝูงชนได้ยินอย่างชัดเจน!
ใบหน้าฮั่วหยวนชางแปรเป็นสีแดงอมม่วงราวตับหมู!
เขามักใช้ฐานะบุตรชายของผู้พิทักษ์วางอํานาจบาตร ใหญ่ไปทั่วสํานักทั้งยังกดข่มสหายใกล้ชิดทั้งสองคนอยู่เสมอครั้นได้ยินเยี่ยฉวนสบประมาทตนด้วยถ้อยคํารุนแรงเช่นนี้ เขาจึงอดกลั้นโทสะไม่ได้อีกต่อไป “ไอ้สารเลว! ข้าจะฆ่าเจ้า ให้ตายตกไปซะ!”
“คนอย่างเจ้าน่ะร็จะสังหารข้า?”
เยี่ยฉวนส่ายหน้าพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสามตาสมเพชก่อ นเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขณะกล่าวออก “ทักษะของเจ้าต่ําเตี้ยเรี่ยดินเพียงนี้ ต่อให้บิดาของเจ้าจะมาที่นี่ในตอนนี้ก็คงไม่ช่วยอะไร พวกเจ้าสองคนพ่อลูกรวมกันยังเทียบชั้นกับข้าไม่ได้ เลยแม้แต่น้อย! ”
สําหรับเยี่ยฉวนแล้วฮั่วหยวนชางเป็นเพียงขยะชิ้นเล็กที่ ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ จุดประสงค์หลักของเขาคือการท้าทายบรรดาศิษย์และสร้างเรื่องราวใหญ่โตเพื่อให้ได้พบกับผู้อาวุโสหรือผู้ที่มีตําแหน่งระดับสูงของสํานัก หากได้พบพวก เขาจึงจะทําการเจรจาขอยืมเตาหลอมระดับสวรรค์ได้โดยเร็ว!
“ฮ่าๆๆ! ดี! ไอ้เด็กเหลือขอ! เช่นนั้นเจ้ากับข้าจงมาประลองกันตัวต่อตัวสักสามร้อยครั้งเพื่อวัดผลแพ้ชนะเถิด! ต่อสู้ให้ตายกันไปข้าง! ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ฮั่วหยวนชางระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความโกรธแค้นที่พุ่งทะยานถึงขีดสุด! เขาชักดาบเก้าวงแหวนที่ห้อยอยู่บริเวณเอวออกพลางถ่ายเทพลังปราณในร่างให้ไหลลงสู่คมดาบโดยเร็ว อาวุธสังหารประจํากายส่งเสียงดังกระหึมก่อนแผ่จิตสัง หารอันโหดเหี้ยมออกไปเป็นวงกว้างรัศมีสีดําสนิทปรากฏขึ้นรอบใบดาบ กลิ่นคาวคละคลุ้งจู่โจมจมูกราวมันถูกอาบด้วยเลือดมาหมาดๆ แสดงให้เห็นว่าดาบเล่มนี้กินเลื อดและพลังชีวิตของคนเป็นจํานวนมาก!
“ไม่! นี่ไม่ถูกต้อง!” เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ
“สิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง?! ไอ้สารเลว! เจ้าขี้ขลาดไปเองเสียมากกว่า!” ฮั่วหยวนชางก้าวไปด้านหน้าด้วยร่างกายที่มี พลังปราณไหลเวียนเดือดพล่านจิตสังหารทวีความรุน แรงขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวก็รวดเร็วมากยิ่งขึ้นครั้น เห็นเยี่ยฉวนไม่กล้ารับคําท้าจึงเผยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ถีงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ ทั้งยังแสดงท่าทา งก้าวร้าวประหนึ่งลิงขี้โมโห!
“ความหมายที่ข้าต้องการสื่อ คือไม่ต้องประลองให้ครบสามร้อยรอบหรอก…แค่รอบแรกเจ้าก็ตายคามือข้าแล้ว!” เยี่ยฉวนกล่าวด้วยน้ําเสียงไม่แยแสทําให้ฮั่วหยวนชาง โกรธจนแทบบ้า! แสงสะท้อนสว่างวาบของดาบเก้าวงแหวนที่มีความยาวเกือบสามฟุตปรากฏขึ้นขณะที่เขาคํารามดังลั่นอานุภาพการฝึกตนขั้นซิวฉือระดับที่ห้าสําแดงอิทธิฤทธิ์อย่างน่าเกรงขาม! “มาเถอะไอ้สารเลว! ข้าต่อให้เจ้าสามกระ บวนท่า…หากข้าสังหารเจ้าด้วยมือเดียวไม่สําเร็จ ก็อย่าเรียกข้าว่าผู้แซ่ฮั่ว!”
ความโกรธของฮั่วหยวนชางเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี เขาพุ่งตัวเข้าจู่โจมโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกต่อไป!
ก่อนหน้านี้เขาเพียงต้องการทําให้เยี่ยฉวนได้รับความอับอายต่อหน้าฝูงชน ทั้งยังเป็นการระบายความเคียด แค้นแทนชั่วชานผู้เป็นบิดาไม่คาดคิดว่าคําพูดยียวนประ สาทจากปากของอีกฝ่ายเพียงไม่กี่ประโยคจะทําให้เขาโกรธจนสติแตกถึงเพียงนี้! ห้วงความคิดของเขาตอนนี้คือฆ่าคนตรงหน้าให้ตายตกไปเสียต่อให้บุตรแห่งสวรรค์ลงมาโปรดก็หยุดเขาไม่ได้!