บทที่ 137 สุภาพบุรุษใช้เหตุผลมิใช่กําลัง
“ผู้เฒ่าฮั่ว เจ้าคิดจะสู้กับข้าจริงหรือ?” เยี่ยฉวนถามขึ้น
ฮั่วหยวนชางโกรธจนแทบควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทว่าเยี่ยฉวนยังยิ้มแย้มและแสดงท่าที่พอใจไร้กังวล
“ใช่! ข้าจะตีเจ้าจนกว่าจะตาย เข้ามาเลยไอ้หนู!”
ฮั่วหยวนชางย่างเท้าไปข้างหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว ดาบเก้าวงแหวนในมือสั่นระริกเตรียมพร้อมโจมตีถึงตาย! “เข้ามาเลยเด็กน้อย แล้วข้าจะทําให้เจ้ารู้ซึ้งถึงท่าไม้ตายของสํานักอสูรเมฆา วันนี้ข้าจะสู้เพียงมือเดียวและให้โอกาสเจ้าออกสามกระบวนท่า ก่อนถูกขยี้ให้ตายอย่างมด!”
“ข้าไม่สู้ได้หรือไม่?”
เยี่ยฉวนยืนนิ่งไม่ไหวติงและถามอย่างนุ่มนวลราวกับขออนุญาต
“ใช่ๆๆ อย่าสู้! อย่าสู้กันเลย!”
จ้าวต้าจ่อรีบพยักหน้าพลางจับเยี่ยฉวนไว้แน่น เขาไม่อยากให้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องประลองกับอีกฝ่าย
พวกเขาไม่ควรเปิดฉากการต่อสู้ครั้งนี้ หากการต่อสู้เริ่มขึ้นเป็นอันจบเห่แน่!
“ไอ้เด็กเหลือขอ! ถ้ากล้าพอก็เข้ามา!”
ฮั่วหยวนชางเอ่ยเสียงแหบพร่า ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรเมื่อเยี่ยฉวนยังคงยืนนิ่งไร้เจตนาสู้จนเขารู้สึกกังวลและหมดหนทางขึ้นมา ทว่าเขายังข่มโทสะไว้ภายในและตะโกนท้าทาย ซ้ําแล้วซ้ําเล่าราวกับเสียงฟ้าร้องที่ไร้ฝนจนออร่าอ่อนแรงลงถึงหนึ่งในสาม
หากทั้งสองฝ่ายตกลงจะถือว่าเป็นการประลอง ดังนั้นต่อให้เยี่ยฉวนถูกฟันขาดครึ่งท่อนก็ไม่อาจกล่าวโทษเบื้องสูงของสํานักอสูรเมฆาได้ แต่สถานการณ์จะต่างออกไปทันที หากเยี่ยฉวนยังคงนิ่งเฉยและฮั่วหยวนชางเป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปปลิดชีพ ขึ้นเป็นเช่นนั้นแม้แต่บิดาของเขาก็ไม่อาจปกป้องได้
แม้ฮัวหยวนชางจะโกรธจัดแต่ก็ใช่ว่าจะลืมเหตุผลไปเสียทีเดียว เขายังคงยั่วยุเยียฉวนให้ลงมืออย่างต่อเนื่อง
“โบราณว่า “สุภาพบุรุษใช้เหตุผลมิใช่กําลัง” ฉะนั้นอย่าร้องตีร้องฆ่าเช่นนี้เลย ช่างเป็นการกระทําที่หยาบคายต่ําช้ายิ่ง” เยี่ยฉวนมองดูฮั่วหยวนชางผู้กลัดกลุ้มและหมดหนทางด้วยรอยยิ้ม “ผู้เฒ่าฮั่ว เรามานั่งดื่มชาสักถ้วยและเล่นหมากรุกกันดีหรือไม่?”
“เจ้า… เข้ามาเลยไอ้หมาขี้แพ้! ไอ้บัดซบ! คนสํานักหมอกเมฆาขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้กันหมดเลยรึ? พวกเศษสวะ!”
ฮั่วหยวนชางโมโหจนแทบกระอักเลือด คิดว่าเขาต้องการดื่มชาและเล่นหมากรุกหลังจากรอคอยมานานอย่างนั้นหรือ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” เยี่ยฉวนหรี่ตา
“ข้าบอกให้เข้ามาไอ้หมาขี้แพ้! เจ้ามันเศษสวะ! ทั้งสํานักหมอกเมฆาก็สวะ!”
ฮั่วหยวนชางสาปแช่งอีกฝ่ายไม่หยุดยั้งด้วยความโกรธจัด “เข้ามา! หากมีฝีมือก็เข้ามาและยืนหยัดสู้เสีย! ผู้เฒ่าฮั่วจะใช้เพียงมือเดียวและให้เจ้าออกสามกระบวนท่าก่อน ไม่สิ… ข้าต่อให้หกกระบวนท่า แล้วถ้าข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ก็อย่ามาเรียกข้าว่าคนแซ่ฮั่วอีก!”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่ใช้มือทั้งสองข้างและให้ท่านออกสิบกระบวนท่าก่อน” เยี่ยฉวนกล่าวตอบอย่างไม่แยแสก่อนจะก้าวออกมา
ผู้คนนอกลานที่กําลังเฝ้าดูความระทึกนี้พากันตกตะลึง
การใช้เพียงมือเดียวก็เป็นการทะนงตนและอวดดีมากแล้ว แต่การไม่ใช้ทั้งสองมือนั้นหมายความว่าอย่างไร?
หากไม่ใช้มือทั้งสองแล้วจะปลิดชีพผู้อื่นได้อย่างไร? ใช้ขาเตะอย่างนั้นหรือ?
ศิษย์และคนงานในสํานักอสูรเมฆาพูดไม่ออกเมื่อเห็นเยี่ยฉวนยืนหยัดรับคําท้า
“ศิษย์พี่ใหญ่อย่า… ศิษย์พี่ใหญ่ขอรับ…” เจ้าอ้วนตามไปหยุดเยียฉวนด้วยความไม่สบายใจ
“เจ้าอ้วน เจ้าไม่มีความมั่นใจในตัวศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้เลยหรือ?” เยี่ยฉวนยิ้ม เขาผลักเจ้าอ้วนออกไปก่อนจะเอามือไพล่หลังไว้บ่งบอกว่าจะไม่ใช้มือทั้งสองข้าง “ผู้เฒ่าฮั่ว ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เราไม่สู้กันได้หรือไม่? หากนับตามความอาวุโสแล้วข้ามีศักดิ์เป็นอาจารย์ลุงของเจ้า การจะให้ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยคงไม่เหมาะเท่าใดนัก หากข้าเอาชนะเจ้าก็จะเป็นการสู้เพียงฝ่ายเดียว และคงแก้ตัวกับบิดาของเจ้าได้ยากยิ่ง”
“ฮ่าๆๆ เยี่ยม! เยี่ยมไปเลย! เจ้าฆ่าข้าได้เลย มีผู้เฝ้าดูอยู่มากมาย หากเจ้าฆ่าข้าได้จริงก็คงเป็นตัวข้าเองที่ไร้ประโยชน์!”
ทันทีที่พูดจบ ฮั่วหยวนผู้ดุดันพุ่งเข้ามาและตวัดกระบี่ไปยังลําคอของเยี่ยฉวนอย่างโหดเหี้ยม! ณ วินาทีนี้เขาหมดความอดทนแล้ว!
“กระบวนท่าที่หนึ่ง”
เยี่ยฉวนเอ่ยด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย เขาเคลื่อนตัวไปด้านข้างก่อนดาบเก้าวงแหวนจะถึงคอและหลบการโจมตีหนักหน่วงของฮั่วหยวนชางได้
“เอ๊ะ…”
ฮั่วหยวนชางประหลาดใจเล็กน้อยด้วยไม่คาดคิดว่าเยี่ยฉวนจะว่องไวถึงเพียงนี้ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและเปิดฉากโจมตีดุเดือดอีกครั้ง! เขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้นด้วยพลังที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งลานปกคลุมไปด้วยแสงกระบี่ ใบไม้แห้งบนพื้นปลิวว่อนขึ้นในอากาศก่อนถูกตัดเป็นสองท่อนด้วยคมกระบี่ร้ายกาจ.แสงกระบี่สว่างวาบขึ้นอีกครั้งเมื่อใบไม้ถูกนั่นเป็นสี่ท่อนเล็กลงและเล็กลงเรื่อยๆ
กระบี่ปีศาจ!
ฮั่วหยวนชางมีรูปลักษณ์เหมือนลิงอีกทั้งยังแต่งตัวไม่เข้ากัน ทว่าเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจของเขายอดเยี่ยมทีเดียว ชายผู้นี้สามารถดึงพลังของเคล็ดวิชาแห่งสํานักอสูรเมฆานี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ แม้แต่ยุงตัวจ้อยก็ยังถูกผ่าครึ่งด้วยแสงกระบี่คมกริบ แต่เยี่ยฉวนกลับไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเดินอย่างอิสระท่ามกลางแสงกระบี่ที่ฟาดฟันไปมาพลางนับกระบวนท่าโดยไม่สะทกสะท้าน
“กระบวนท่าที่สอง!”
“กระบวนท่าที่สาม!”
เสียงนับเลขของเยี่ยฉวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฝูงชนรวมถึงเจ้าอ้วนและหยางเทียนกวงต่างมีสีหน้าประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ
เยี่ยฉวน..เขาเอาจริงหรือ? ชายหนุ่มไม่เพียงไพล่มือไว้ข้างหลังแต่ยังปล่อยให้ฮัวหยวนชางออกสิบกระบวนท่านําไปก่อน!
ผู้คนพากันเบิกตากว้างและขยี้ตาอย่างไม่เชื่อถือ
ฮั่วหยวนชางอาจไม่นับว่าเป็นปรมาจารย์ในสํานักอสูรเมฆาที่มียอดฝีมืออยู่ทุกหนแห่ง แต่ถึงกระนั้นเขาก็บรรลุขั้นชิวฉือระดับห้าและเป็นศิษย์ชั้นเลิศในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ ส่วนเยี่ยฉวนบรรลุเพียงขั้นซิวฉือระดับสองเท่านั้น แล้วเขาทําเช่นนี้ได้อย่างไร?
เยี่ยฉวนก้าวย่างอย่างสบายๆ ในสายตาของผู้อื่นหากแต่หลบทุกการจู่โจมของฮั่วหยวนชางได้อย่างชํานาญ ฮั่วหยวนชางโจมตีรุนแรงและดุดันขึ้นเรื่อยๆราวกับคลื่นทะเลโหมกระหน่ํา เขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจจนสมบูรณ์ถึงขั้นสูงสุดแล้ว แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นชิวฉือระดับเจ็ดก็ไม่อาจประมาทคมกระบี่ของฮั่วหยวนชาง ทว่าสิ่งนี้ไม่เป็นปัญหาสําหรับเยี่ยฉวนเลย!
ในยามนี้สํานักอสูรเมฆาปรารถนาจะขึ้นเป็นสํานักอันไร้เทียมทานในใต้หล้า เนื่องจากเป็นสํานักที่สืบทอดมาอย่างยาวนานอีกทั้งยังครอบครองสารพัดท่าไม้ตายที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและก่อกําเนิดปรมาจารย์มากมาย แต่พวกเขาไม่เคยล่วงรู้ว่ากระบวนท่าเหล่านี้คือสิ่งที่เยี่ยฉวนถ่ายทอดให้ราชินีอสูรเนตรสีครามผู้ถ่ายทอดให้ศิษย์รุ่นแรกของสํานักอสูรเมฆาก่อนจะสืบต่อมาเรื่อยๆ ซึ่งรวมถึงเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจที่ข่มขวัญศัตรูมานักต่อนักนี้ด้วย
ฮั่วหยวนชางเชี่ยวชาญเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจอย่างมาก เคราะห์ร้ายที่เยี่ยฉวนรู้ทันการเคลื่อนไหวของเขาเพียงแค่มองดูการกวัดแกว่งดาบ การขยับร่างกาย หรือแม้แต่สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จึงสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ฮั่วหยวนชางจะฝึกฝนเคล็ดวิชานี้นับร้อยนับพันปีก็ยังห่างชั้นจากเยี่ยฉวนนัก!
“สิบกระบวนท่า เตรียมตัวให้ดี! ได้เวลานอนพัก เฒ่าฮั่ว!”
เสียงของเยี่ยฉวนดังขึ้นท่ามกลางคมกระบี่ที่ฟาดฟัน เขาอ้าปากถ่มน้ําลายก่อนแสงกระบี่ดวงเล็กจะสว่างขึ้นเบื้องบน ฉับพลันฮั่วหยวนชางที่กําลังจู่โจมพลิ้วไหวราวสายน้ํายกมือขึ้นกุมคอและร่วงลงบนพื้น โลหิตไหลนองออกมาตามรอย แยกระหว่างนิ้ว
โบราณว่าสุภาพบุรุษใช้เหตุผลมิใช่กําลัง แต่ไม่มีคํากล่าวว่าสุภาพบุรุษไม่อาจสังหารผู้อื่น เพียงแค่ขยับปากก็สามารถฆ่าคนได้เช่นกัน!
เยี่ยฉวนเปิดปากถุมใบมีดที่ซ่อนอยู่ออกมาในจังหวะที่ ฮั่วหยวนชางไม่ทันระวังตัวและปล่อยกระบวนท่าถึงตาย! เคล็ดวิชากระบี่ปีศาจที่สืบทอดกันมาในสํานักอสูรเมฆานั้นกว้างขวางและลึกซึ้ง ทว่าเคล็ดวิชาคืบอรุณที่สืบทอดกันมาในสํานักหมอกเมฆานั้นเรียบง่ายหากแต่รุนแรงถึงชีวิตเสียยิ่งกว่า!
“ไอ้หนู เจ้า เจ้า”
ฮั่วหยวนชางชี้เยี่ยฉวนด้วยมือโชกเลือดราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสนั้น ศีรษะของเขาร่วงผล็อยไปด้านข้างและตายไปพร้อมความคับข้องในจิตใจ มีผู้ก้าวเข้าไปดึงมือที่กุมคอเอาไว้และตกตะลึงจนพูดไม่ออก เมื่อพบว่าลําคอของเขาถูกทําลายสาหัส เหลือเพียงผิวหนังบางๆที่เชื่อมต่อระหว่างศีรษะและลําตัวเอาไว้ ต่อให้มียาอายุวัฒนะในตํานานก็ไม่อาจช่วยชีวิตเขาได้
ช่างเป็นกระบวนท่าสังหารชั้นยอด!
เหล่าศิษย์สํานักอสูรเมฆาจิตใจสั่นระรัว
การปะทุพลังมหาศาลของเคล็ดวิชาคืบอรุณช่างน่าทึ่ง ยิ่งเป้าหมายอยู่ใกล้มากเท่าใดพลังยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น อีกทั้งยันต์กลืนกินสวรรค์ยังระเบิดพลังห้าหมื่นสี่พันจินและเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ใบมีดบางเฉียบ แม้แต่คอช้างก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้ แล้วนับประสาอะไรกับฮั่วหยวนชาง!
“เฮ้อ… ข้าบอกเจ้าแล้วว่าแค่ดื่มชากับเล่นหมากรุกก็เพียงพอ เหตุใดจึงยังยืนกรานจะสู้ชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้?”
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะก่อนจะเดินจากไป ทิ้งฝูงชนที่หวาดกลัวไว้เบื้องหลัง