บทที่ 138 สุภาพสตรีผิวขาว
ศิษย์สํานักอสูรเมฆาผู้กระหายชัยชนะเมื่อครู่กลับล่าถอยและเก็บกวาดทุกสิ่งหมดจดราวกับคลื่นทะเล พวกเขานำแม้แต่ร่างของฮั่วหยวนชางกลับไปด้วย
เรื่องราวพลันใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมเมื่อฮั่วหยวนชางตายตกไปแล้ว
สํานักอสูรเมฆาย่อมไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป เป็นไปไม่ได้ที่ผู้พิทักษ์ฮั่วชานจะไม่โต้กลับอย่างโหดเหี้ยมทันทีที่ทราบข่าวศิษย์สํานักอสูรเมฆาจึงเร่งจากไปเพราะไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องในหายนะที่กําลังจะมาถึง
ด้านสํานักหมอกเมฆา ทั้งจ้าวต้าจื่อและผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงเงียบกริบไร้ชีวิตชีวา บรรยากาศทั้งในและนอกลานเล็กนั้นหนักอึ้งและตึงเครียดเมื่อเมฆฝนกําลังใกล้เข้ามา
เจ้าอ้วนและหยางเทียนกวงสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่นเมื่อนึกถึงพายุร้ายที่รออยู่ข้างหน้า ทว่าเยี่ยฉวนกลับทําสิ่งที่ต้องทําอย่างสบายอกสบายใจ
ท้องฟ้ามืดครื้มลงอย่างรวดเร็ว
เจ้าอ้วนและหยางเทียนกวงแยกย้ายไปยังห้องของตนเองอย่างเงียบเชียบ
เจ้าอ้วนทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่เอ่ยคําใดก่อนจะซุกตัวใต้ผ้าห่มเพื่อจะรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แสงไฟสลัวยามราตรียิ่งทําให้หวันกลัวและกระสับกระส่าย ต่อให้ค่ำคืนนี้จะไม่เกิดเหตุอันใดแล้วพรุ่งนี้เล่า? พวกเขาจะรับมือกับการกล่าวโทษจากสํานักอสูรเมฆาและโทสะของผู้พิทักษ์ฮั่วชานได้อย่างไร?
เจ้าอ้วนกลัดกลุ้มและกังวลถึงขีดสุด พายุในสํานักอสูรเมฆากําลังใกล้เข้ามาทุกขณะและพวกเขาไม่มีทางหนีนอกจากรอความตาย
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นในความมืด
“ใครน่ะ?”
เจ้าอ้วนตื่นขึ้นจากภวังค์พลางร้องถามด้วยความหวาดกลัว
ไม่มีเสียงตอบรับจากภายนอก ประตูค่อยๆ แง้มออกดังเอี๊ยดอ๊าดพร้อมลมหนาวที่พัดเข้ามา ขนบนกายของเจ้าอ้วนลุกชัน เนื้อตัวอวบอ้วนสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่น เขาเลิกผ้าห่มขึ้นมองด้วยหางตาและกลัวสุดขีดเมื่อร่างสูงสง่ากําลังก้าวตรงมาทางเขาอย่างเงียบเชียบราวกับภูตผี
“แค่เรื่องเล็กน้อยแต่เจ้ากลับกลัวถึงเพียงนี้ เจ้าอ้วน มีศิษย์พี่ใหญ่เช่นข้าอยู่แล้วยังต้องกลัวสิ่งใดอีกหรือ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“ศิษย์พี่ใหญ่ น…นั้นท่านหรือ?”
เจ้าอ้วนโผล่หัวขึ้นมาจากผ้าห่ม เมื่อเห็นว่าเป็นเยี่ยฉวนก็รู้สึกโล่งอก
“ข้าเอง ลุกขึ้นเสียเจ้าอ้วน”
เยี่ยฉวนยิ้มกริ่มขณะมองดูเจ้าอ้วนผู้อกสั่นขวัญแขวน “มาเยือนสํานักอสูรเมฆาทั้งที ออกไปเดินเล่นชมความยิ่งใหญ่ของสํานักที่ว่ากันว่าไร้เทียมทานกันเถอะ”
“ไม่ขอรับ ข้าขอปฏิเสธ” เจ้าอ้วนสั่นศีรษะสุดกําลัง
ในยามนี้เขากลัวใจเยี่ยฉวนเหลือเกิน เพียงแค่พักผ่อนในลานเล็กก็ก่อให้เกิดความวินาศครั้งใหญ่ ขึ้นเดินเล่นไปทั่วคงมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะก่อเรื่องอันใดอีกบ้าง!
“ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นข้าและผู้พิทักษ์หยางจะออกไปข้างนอก เจ้าอยู่ดูแลบ้านเสีย หากฮั่วชานมาก็บอกไปว่า…”
“ไปขอรับ! ข้าจะไป!”
เจ้าอ้วนรีบกระวีกระวาดลุกขึ้นยืนทันใด
หากคนของสํานักอสูรเมฆามาเยือนระหว่างที่เยี่ยฉวนและผู้พิทักษ์หยางไม่อยู่ เขาคนเดียวก็เปรียบเสมือนตั๊กแตนตัวจ้อยที่พยายามจะหยุดรถม้าทั้งคัน!
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ ปล่อยให้ผู้พิทักษ์หยางอยู่คุ้มกันที่นี่ เขาทั้งมากประสบการณ์ อาวุโส และมั่นคง ข้าเชื่อว่าเขาคงรับมือทุกสถานการณ์ได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเกิดเหตุอันใด ไปกันเจ้าอ้วน!” เยี่ยฉวนยิ้ม จ้าวต้าจื่อพูดไม่ออกเมื่อรู้ตัวว่าตกหลุมพรางของศิษย์พี่ใหญ่เข้าเสียแล้ว แต่ในเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็จําเป็นต้องไปกับเยี่ยฉวน จึงได้แต่คร่ำครวญถึงชะตากรรมอันโหดร้ายของตนเองเท่านั้น
ภายนอกลานเล็กเงียบสงัดไร้วี่แววของทหารอารักขา ความแข็งแกร่งของสํานักอสูรเมฆาทําให้ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำจึงไม่จําเป็นต้องมีหน่วยลาดตระเวน อีกทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้ทหารอารักขาบริเวณใกล้เคียงจากไปด้วยเกรงว่าจะต้องพัวพันกับเรื่องนี้
เมฆครึ้มปกคลุมท้องฟ้าหนาแน่น ทางเดินแลดูพร่ามัวภายใต้แสงจันทร์สลัว จ้าวต้าจื่อรู้สึกงุนงงหลังเลี้ยวโค้งตามเยี่ยฉวนมานับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เดินมาไกลจากลานเล็กเท่าใดแล้วและอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมา เมื่อทางเดินเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ “ศะศิษย์พี่ใหญ่ เรากําลังจะไปที่ใดหรือ?”
“ข้าแค่มองหาที่ซ่อนไว้กบดานสักระยะหนึ่ง” เยี่ยฉวนตอบ
เจ้าอ้วนใบหน้าขึ้นสีด้วยความละอายและไร้ซึ่งคําพูด ครู่หนึ่งผ่านไปจึงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนถามขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้าเช่นนั้น ผู้พิทักษ์หยางเล่า?”
ในตอนแรก ท่าที่ไม่สะทกสะท้านของเยียฉวนทําให้จ้าวต้าจื่อเชื่อว่าอีกฝ่ายได้วางแผนการรอบคอบไว้แล้วและรู้สึกโล่งใจ ทว่าคําพูดของเยี่ยฉวนเมื่อครู่กลับทําให้เขากระวนกระวายจนเหงื่อไหลโชก
“สวรรค์จะช่วยเหลือผู้ที่คู่ควร ผู้พิทักษ์หยางจะไม่เป็นไรแน่นอน เขาจงใจสั่งให้เราลี้ภัยในคืนนี้ในขณะที่เขาจะจัดการปัญหานี้แต่เพียงผู้เดียว ผู้พิทักษ์หยางเป็นคนดี เฮ้อ…ทุกวันนี้ช่างหลงเหลือคนดีน้อยเหลือเกิน…เจ้าอ้วน เจ้าควรเรียนรู้จากเขาและพร้อมสละชีวิตเพื่อความปลอดภัยของผู้อื่นเสมอ” เยี่ยฉวนกล่าวจริงจังราวกับผู้พิทักษ์หยางได้สละชีวิตไปแล้ว
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้า…”
เจ้าอ้วนเหงื่อไหลโซมกายและวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยฉวนแลดูพูดความจริง ทว่ายิงอีกฝ่ายพูดมากเท่าใดเขายิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น
บัดนี้ผู้พิทักษ์หยางได้สละชีวิตเพื่อปกป้องเยี่ยฉวน แล้วผู้ใดจะเป็นรายต่อไปหากผู้พิทักษ์หยางตาย? คําพูดของเยียฉวนไม่ได้หมายความถึงเขาหรอกหรือ?
“ศิษย์พี่ใหญ่ อย่าหลอกผู้อื่นแบบนี้ได้ไหมขอรับ? คนเรามักจะหลอกลวงผู้อื่น แต่ท่านกลับหลอกลวงศิษย์น้องของท่านเสียเอง!”
เจ้าอ้วนคร่ำครวญในใจ
“จวนถึงแล้ว ไปต่อเถอะ”
เยี่ยฉวนสายศีรษะเมื่อเห็นสีหน้าหวาดหวั่นของเจ้าอ้วน ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงยอดเขามังกรนิทราหลังเลี้ยวมานับสิบโค้งและเดินเท้ามาราวครึ่งชั่วยาม เบื้องหน้าปรากฎทะเลสาบที่กว้างใหญ่เสียจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ผิวน้ำส่องประกายระยับภายใต้แสงจันทร์นวล ต่อให้ถูกทุบตีจนตายจ้าวต้าจื่อก็คงไม่เชื่อว่ามีทะเลสาบที่กว้างใหญ่ขนาดนี้หากไม่เห็นด้วยตาตนเอง
“ทะเลสาบมังกรนิทรา…หลายปีล่วงไป ข้า…เยี่ยฉวนได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง”
เยี่ยฉวนพึมพําเสียงต่ำ ทะเลสาบใสเป็นประกายราวผลึกแก้วทําให้เขาตกอยู่ในภวังค์
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านว่าอย่างไรนะขอรับ? ที่นี่คือที่ไหน? ท่าน…ท่านเคยมาที่นี่มาก่อนหรือขอรับ?”
เจ้าอ้วนก้าวมายืนข้างเยี่ยฉวนด้วยความงงงวย เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงรู้สึกขนลุกเกรียวซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีเหตุผลราวกับมีอสุรกายน่าสะพรึงกลัวเร้นกายอยู่ใต้ผิวน้ำและอาจกระโดดขึ้นมากลืนกินเขาได้ทุกเมื่อ
เส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยวและซับซ้อนจนเขาสับสนแต่เยี่ยฉวนกลับดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขารู้จักทะเลสาบในที่แห่งนี้ได้อย่างไร?
“ข้าดูจากตํารา ที่นี่คือทะเลสาบมังกรนิทรา ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในสํานักอสูรเมฆา”
เยี่ยฉวนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขาผิวปากเมื่อเห็นท่าทีตื่นกลัวและกระสับกระส่ายของเจ้าอ้วน “ตํารากล่าวว่าที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงทะเลสาบอันงดงาม หากแต่ยังมีสุภาพสตรีผิวขาวผู้อ่อนโยน สง่า และเข้าอกเข้าใจที่รอคอยการฟื้นคืนชีพของสามีอยู่ เจ้าอ้วน เจ้าอาจเป็นคนที่นางตามหาก็เป็นได้”
“สุภาพสตรีผิวขาว? อยู่ที่ไหนขอรับ?”
เจ้าอ้วนถามอย่างลิงโลด
“ครืน!”
ฉับพลันเกิดคลื่นสาดซัดในทะเลสาบที่สงบนิ่งทั้งที่ไม่มีลม เสียงครื้นครั่นดังกึกก้องจากใต้ผิวน้ำก่อนศีรษะขนาดมหึมาจะผุดขึ้นมามองดูเจ้าอ้วนที่กําลังคึกคะนอง
งูเผือกที่ทั้งร่างหนาราวกับถังน้ำและมีผิวหนังขาวหมดจดพลันโผล่ขึ้นมา! สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์นี้มีอายุกี่ปีแล้วไม่อาจล่วงรู้ได้
นี่หรือคือสุภาพสตรีผิวขาว?!
ขาวนั้นขาวสมชื่อ ทว่าอ่อนโยน สง่างาม และเข้าอกเข้าใจด้วยหรือ?!
เจ้าอ้วนกายสั่นสะท้านและหมดสติไปในทันที