Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 145 สตรีพรหมจรรย์

ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 145 สตรีพรหมจรรย์

 

“ผู้ใดบังอาจกระทําการอุกอาจในสํานักอสูรเมฆาของเรา?

 

น้ำเสียงเรียบแต่ทรงอํานาจดังมาแต่ไกลก่อนชายวัยกลางคนในชุดรบสีฟ้าจะเหาะตรงมา แม้ร่างของเขาจะค่อนข้างผอมแต่กลับแผ่ออร่าน่าเกรงขามอย่างผู้สูงส่งโดยปราศจากความขุ่นมัวในจิตใจ

 

“คารวะท่านอาวุโสเถียนชิง!”

 

ศิษย์สํานักอสูรเมฆาทั้งหมดคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียงกัน มีเพียงนักรบพฤกษาที่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

 

“เถียนกู่ เจ้าอยู่ที่นี่เองหรือ?”

 

เถียนชิงประสานมือทักทายนักรบพฤกษาด้วยตําแหน่งที่เท่าเทียมกัน ก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนเมื่อเหลือบไปเห็นงูเผือกยักษ์เบื้องหลังเยี่ยฉวนและฮั่วชานที่อยู่ในปากของงูเผือกยักษ์ “เกิดเหตุอันใดขึ้นที่นี่?!”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่! ศิษย์พี่ใหญ่เถียนชิง! ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้า… อ๊าก.. “

 

ฮั่วชานร้องขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้

 

งูเผือกยักษ์อาจดูสงบนิ่งในสายตาของผู้อื่น แต่ฮั่วชานรู้สึกได้ว่าร่างของเขาค่อยๆ ไหลลงไปตามลําคอของมันทีละน้อย หากไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยคงต้องจบชีวิตในท้องงูเป็นแน่

 

“พวกเจ้าเป็นคนของสํานักหมอกเมฆางั้นหรือ? จงบอกความประสงค์ของเจ้ามาแต่ช่วยปล่อยเขาก่อน!”

 

เถียนชิงตกตะลึงในใจ เขาไม่รู้ว่าคนนอกอย่างเยี่ยฉวนทําให้นางพญามังกรขาวแห่งสํานักอสูรเมฆาแปรพักตร์เช่นนี้ได้อย่างไร แต่อาวุโสสูงสุดก็ยังเป็นอาวุโสสูงสุดผู้ผ่านเรื่องราวมามากมายและเผชิญกับพายุร้ายมานับไม่ถ้วน เขาจึงสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วและมองดูเยียฉวนด้วยแววตาเย็นเยียบ

 

“ไม่มีปัญหา เรื่องเล็กน้อย ข้าปล่อยเขาได้อยู่แล้ว เพียงแต่ข้าอยากขอเข้าเฝ้าองค์ราชินีเผ่าอสูร”

 

เยี่ยฉวนสูดหายใจลึกก่อนกล่าวออกอย่างใจเย็น

 

แผนการของเยี่ยฉวนไม่ทําให้ผิดหวัง แม้แต่อาวุโสสูงสุดแห่งสํานักอสูรเมฆายังต้องตื่นตัวกับเหตุการณ์นี้ แม้จะเข้าใกล้ความสําเร็จไปอีกก้าวแต่นั่นยังไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือการได้เข้าเฝ้าราชินีเผ่าอสูรผู้มีตําแหน่งสูง ส่งที่สุดในสํานักเท่านั้น

 

“โอ้.. ข้ายังมีอํานาจและคุณสมบัติไม่เพียงพออีกงั้นหรือ?”

 

สายตาของเถียนชิงเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ

 

“ใช่ ยังไม่พอ” เยี่ยฉวนพยักหน้า

 

“แม้แต่พวกข้าสองคนรวมกันก็ยังไม่เพียงพออย่างนั้นหรือ?”

 

เถียนชิงก้าวมายืนข้างนักรบพฤกษาเถียนคู่พลางเอ่ยเสียงต่ำ “คนหนึ่งเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุด อีกคนเป็นถึงองครักษ์สํานักอสูรเมฆาเพียงหนึ่งเดียว ตําแหน่งของเราต่ำกว่าองค์ราชินีเพียงผู้เดียวและเหนือกว่าศิษย์สํานักอสูรเมฆากว่าร้อยล้านคน ข้าคงไม่อาจกล่าวว่าขั้นการฝึกตนของพวกข้านั้นสูงส่งแต่ก็ต่ำกว่าขันมหาปราชญ์เพียงขั้นเดียวเท่านั้น ไอ้หนู ต่อให้เจ้าอยากได้เส้นโลหิตวิญญาณนับพันหรือต้องการล้มล้างจักรวรรดิต้าฉันพวกข้าก็ตัดสินใจได้ เหตุใดจึงคิดว่าพวกข้ายังไม่ทรงอํานาจพอ?

 

ท่าทีของศิษย์สํานักอสูรเมฆาแปรเปลี่ยนไปเป็นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

 

สํานักอสูรเมฆาครอบครองสายโลหิตวิญญาณจํานวนมากจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก แต่การล้มล้างจักรวรรดิต้าฉันนั้นเป็นการจงใจกล่าวเกินจริงไปตามอารมณ์เท่านั้น

 

หลังขึ้นครองราชย์ จักรพรรดิต้าฉินได้นํากองทัพออกกําราบดินแดนทั่วทุกสารทิศและถึงขั้นพยายามรุกรานสำนักจอมยุทธ์ต่างๆ แม้สํานักอสูรเมฆาจะยิ่งใหญ่และมั่นคงเพียงใดก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากองค์จักรพรรดิเช่นกัน แต่ในยามนี้พวกเขากลับอวดอ้างว่าสามารถช่วยเยี่ยฉวนโค่นบัลลังก์จักรพรรดิต้าฉินได้ หากข่าวลือนี้แพร่กระจายออกไปคงไม่เป็นการดีแน่

 

สีหน้าของนักรบพฤกษาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน เขาหันไปมองเถียนชิงโดยไม่ได้เอ่ยคําใด ส่วนเถียนชิงยังคงจ้องมองเยี่ยฉวนอย่างไม่สะทกสะท้าน

 

“หน้าใหญ่ดีนี่ แต่น่าเสียดายที่คําขอของข้านั้นมากกว่าการล้มล้างจักรวรรดิต้าฉิน พวกเจ้าจึงยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ” เยี่ยฉวนตอบอย่างเฉยเมย

 

สีหน้าของผู้คน ณ ทะเลสาบมังกรนิทราแปรเปลี่ยนอีกครั้งแม้แต่เถียนชิง!

 

คําขอที่ยิ่งใหญ่กว่าการล้มล้างจักรวรรดิต้าฉันคือสิ่งใดกัน?!

 

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาต้องการเข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของศิษย์รุ่นเยาว์ในสํานักอสูรเมฆาและปกครองสํานักแทนเถียนชิงเพื่อก้าวสู่ความเป็นใหญ่ในคราเดียว? หรือเขาต้องการชําระเส้นเอ็นและไขกระดูกเพื่อบรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าอย่างรวดเร็วจึงต้องการพบราชินีเผ่าอสูรตัวเป็นๆ?

 

ผู้คนพากันเบิกตามองเยี่ยฉวนด้วยความไม่เชื่อถือและวิตกกังวล

 

“อาวุโสเถียนชิงและท่านเถียนกู่ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอแล้วหากเป็นข้าเล่า?”

 

เสียงอีกเสียงดังแว่วมาแต่ไกล

 

สตรีในชุดคลุมรบเจ็ดสีลอยล่องมาในม่านหมอกราวกับขี่อยู่บนก้อนเมฆและร่อนลงข้างทะเลสาบมังกรนิทราท่ามกลางสายตาเป็นประกายของผู้คน

 

ความรู้สึกแรกที่ได้มองคือขาว… สตรีผู้นี้ขาวหมดจดราวกับหยก ผมสีดําขลับม้วนขึ้นไปบนศีรษะ ยิ่งได้มองใบหน้างดงามของนางมากเท่าใดก็ยิ่งอยากมองอีกไม่รู้จบ นางแลดูสูงศักดิ์แต่ไม่หยิ่งผยองและบริสุทธิ์ราวกับน้ำแข็งทําให้ผู้คนรู้สึกว่าเฝ้ามองได้จากเพียงระยะไกลเท่านั้น นอกจากชุดคลุมเจ็ดสีที่สวมใส่อยู่แล้วยังมีรัศมีพร่ามัวเจ็ดสีอยู่เบื้องหลังศีรษะอีกด้วย แม้ยังเยาว์แต่มีขั้นการฝึกตนอยู่ในระดับปรมาจารย์แห่งเต๋าเช่นเดียวกับอาวุโสเถียนชิงอย่างน่าทึ่ง

 

“คารวะท่านสตรีพรหมจรรย์ผู้ยิ่งใหญ่!”

 

ทุกคน ณ ที่แห่งนี้พร้อมใจกันโค้งคํานับรวมถึงอาวุโสเถียนชิงและนักรบพฤกษา ช่างเหนือความคาดหมายที่หญิงสาวผู้นี้มีสถานะสูงส่งกว่ายักษ์ใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆาทั้งสอง!

 

เยี่ยฉวนสูดหายใจเข้าลึกและข่มความตื่นเต้นในจิตใจเอาไว้

 

สตรีพรหมจรรย์เป็นศิษย์สายตรงของราชินีเผ่าอสูรและเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์เพียงผู้เดียว นางไม่เคยละทิ้งการฝึกตนอย่างสันโดษตลอดทั้งปีจึงห่างเหินและเข้าถึงได้ยากเช่นเดียวกับองค์ราชินี

 

สตรีพรหมจรรย์ปรากฏกายออกมาแล้ว… บัดนี้เหลือเพียงราชินีเผ่าอสูรอย่างนั้นหรือ?!

 

ภายนอกเยี่ยฉวนแลดูสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านแต่ภายในใจนั้นตื่นเต้นเสียเต็มประดา! หากเขาได้เข้าเฝ้าราชินีเผ่าอสูรได้สําเร็จก็ถือว่าภารกิจลุล่วงไปแล้วครั้งหนึ่ง!

 

“ พ่อหนุ่ม บอกมาว่าพวกเราสามคนยังไม่เพียงพออีกหรือ?” หญิงพรหมจรรย์ชําเลืองมองอาวุโสเถียนชิงและนักรบพฤกษาก่อนโค้งคํานับกลับและหันมามองเยี่ยฉวน หญิงสาวสวยหมดจดไร้ที่ติตั้งแต่หัวจรดเท้าแลดูประณีตเกินจริงประหนึ่งมาจากสรวงสวรรค์ นา เอื้อนเอ่ยอย่างใจเย็นทว่าสายตากลับเย็นเยือก

 

“ยังไม่เพียงพอ ยังขาดไปอีกนิด” เยี่ยฉวนสั่นศีรษะลําคอของนางพญามังกรขาวขยับเล็กน้อยทําให้ฮั่วชานไหลลงไปลึกกว่าเดิมจนเหลือเพียงส่วนหัวที่โผล่พ้นปากของงูเผือกยักษ์ออกมา

 

สีหน้าของศิษย์สํานักอสูรเมฆาแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ทว่าจ้าวต้าจ่อกลับไร้ความรู้สึกราวกับพร้อมถูกจับต้มยําทําแกงแล้ว

 

“ศิษย์พี่ใหญ่เถียนชิง… ท่านสตรีพรหมจรรย์ ช่วยข้า! ช่วยข้าด้วย…”

 

ฮั่วชานร้องตะโกนเสียงแหบแห้งอย่างไม่คิดชีวิต บัดนี้ความโกรธ ความขมขึ้น และความชิงชังก่อนหน้าหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความกลัวจนแทบสิ้นสติ

 

สีหน้าของอาวุโสเถียนชิงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยส่วนนักรบพฤกษาถึงกับขมวดคิ้ว ตรงข้ามกับสตรีพรหมจรรย์ผู้ยังคงไว้ซึ่งท่าทางเย็นเยือกราวน้ำแข็ง นางเพิกเฉยเสียงตะโกนของฮั่วชานพลางสั่งการอย่างเย็นชา “ทุกคนที่อยู่ภายใต้สํานักอสูรเมฆาจงปฏิบัติตามคําสั่งของข้า! ฆ่าปีศาจแห่งสํานักหมอกเมฆาเพื่อข้า! ฆ่าโดยไม่มีข้อยกเว้น!”

 

“ชิ้ง!”

 

แสงกระบี่เย็นเยียบพาดผ่านท้องฟ้า สตรีพรหมจรรย์ออกคําสั่งพร้อมชักกระบีข้างเอวออกมาและพุ่งตรงเข้าไปหาเยี่ยฉวนหมายจะตัดหัวเขาเสีย! นางไม่ลังเลที่จะลงมือถึงงูเผือกยักษ์จะคุ้มครองเยี่ยฉวนอยู่และฮั่วชานเป็นตัวประกันก็ตาม!

 

“ฆ่ามัน!”

 

“ร่วมกันฆ่าไอ้ปีศาจ!”

 

ยอดฝีมือสํานักอสูรเมฆายืนหยัดขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันและประสานการโจมตีตามคําสั่งของสตรีพรหมจรรย์ผู้ยิ่งใหญ่!

 

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness, 蛮荒风暴
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทนำ ณ ห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล…เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าและบรรดาลูกศิษย์ในสำนักนับพันชีวิตต่างจ้องมองไปทางเดียวกันอย่างไม่เชื่อสายตา! ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้วในสุสานเทพเจ้าเมื่อสามเดือนก่อน! แม้แต่ผู้พิทักษ์ขั้นซิ่วฉือระดับห้ายังถูกลอบโจมตีจนสิ้นชีพ แล้วเหตุใดผู้ที่บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่หนึ่งเช่นเขาจึงมีชีวิตรอดจากหายนะในภารกิจครั้งนั้น?! ใช่…เขาตายไปแล้ว… ‘เยี่ยฉวน’ คนเก่าจอมขลาดเขลาและเหยียมอายคนนั้นตายไปแล้ว! บัดนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเยี่ยฉวนคนใหม่ที่ฝึกตนจนบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับสี่โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน! เขาได้พบเคล็ดวิชาลึกลับ ‘ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์’ จากสุสานเทพเจ้าโดยบังเอิญ วิชานี้มีพลานุภาพมหัศจรรย์เหนือกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เสียอีก! หากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จต้องมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าภพชาติก่อนเป็นแน่! หรือบางทีอาจบรรลุถึงขั้นผู้อมตะแห่งเต๋าที่เป็นเพียงตำนาน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset