ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 146 สํานักไร้เทียมทาน
“ศิษย์พี่ใหญ่! ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา รีบหนีไป!”
จ้าวต้าจื่อเผยสีหน้าซีดเผือดขณะร้องตะโกนด้วยความหวังอันน้อยนิดว่าเขาจะมีชีวิตรอด
ครั้นหันกลับไปมองอีกทางก็พบว่ายอดฝีมือของสํานักอสูรเมฆาหลายร้อยรายกําลังพุ่งตัวเข้ามา คนเหล่านั้นล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นเลิศที่บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับที่หนึ่ง กองทัพผู้ฝึกตนที่เปี่ยมวรยุทธ์เช่นนี้ แม้แต่อาวุโสสูงสุดซู่โกวหงและอาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินแห่งสํานักหมอกเมฆาผนึกกําลังกันยังยากจะรับมือต่อการโจมตีครั้งนี้ได้!
“ให้ตายสิ! พวกเจ้าบีบบังคับให้ข้าต้องลงมืออีกแล้วงั้นหรือ?!”
เยี่ยฉวนพึมพําพร้อมถอนหายใจ เขาเพิกเฉยต่อเสียงร้องเตือนจากจ้าวต้าจื่อโดยสิ้นเชิง!
ทันใดนั้นงูเผือกยักษ์พลันพลิกตัวจนน้ำในทะเลสาบกระเพื่อมอย่างรุนแรง มันพ่นร่างของฮัวชานที่คาบคาไว้ออกจากปากจนร่วงลงกระทบพื้นก่อนเชิดหัวขึ้นสูงพร้อมเคลื่อนที่ ซ่า! ลําตัวยาวประมาณหนึ่งร้อยเมตรเลื้อยขึ้นจากผืนน้ำและพุ่งเข้าฉกเหล่ายอดฝีมือโดยเร็วจนร่างของคนเหล่านั้นลอยกระเด็นไปไกล แม้แต่สตรีพรหมจรรย์ซึ่งวิ่งเป็นทัพหน้ายังกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก นางเผยสีหน้าซีดเผือดขณะหน้าอกชูชันของนางกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการวิ่ง ยอดฝีมือผู้อื่นที่เห็นเช่นนั้นต่างวิ่งหนีตายอลหม่าน!
“ข้าจะกล่าวจุดประสงค์การมาเยือนเป็นครั้งสุดท้าย ข้าต้องการพบราชินีเผ่าอสูรของพวกเจ้า! คําขอของข้าไม่ใช่เรื่องลําบากยากเข็ญแต่อย่างใด เพียงทําตามเสียก็สิ้นเรื่อง!”
เยี่ยฉวนกวาดสายตามองเหล่ายอดฝีมือของสํานักอสูรเมฆาเรียงคนอย่างเย็นชา ก่อนหันกลับไปมองสตรีพรหมจรรย์พลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
สิ้นคํากล่าวของเยี่ยฉวน สีหน้าของยอดฝีมือทุกคนในบริเวณนั้นแปรเปลี่ยนเป็นคล้ำหม่น บรรยากาศโดยรอบปกคลุมไปด้วยความตึงเครียด
ครู่นี้นางพญามังกรขาวเพียงขู่ให้พวกเขาถอยร่นไปเท่านั้น หากโจมตีเข้าจริงๆ สถานการณ์คงเลวร้ายยิ่งกว่านี้
สัตว์อสูรโบราณอายุนับล้านปี ใครเล่าจะเอาชนะมันได้?!
เหล่ายอดฝีมื่อผู้เคยมั่นใจว่าตนเก่งกาจที่สุดในยุทธภพพลันรู้สึกประหม่า ด้วยไม่กล้าเข้าใกล้งเผือกยักษ์ที่ขดตัวอยู่ด้านหลังเยี่ยฉวน!
ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาผู้นี้บรรลุขั้นการฝึกตนต่ำต้อยไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ ศิษย์ชั้นเลิศที่มีวรยุทธ์สูงกว่าสามารถสังหารอีกฝ่ายโดยง่าย ทว่านางพญามังกรขาวที่เชื่อฟังคําสั่งของเขาต่างหากที่รับมือได้ยากยิ่ง!
“เจ้าหนุ่มน้อย…เจ้าใช้ไสยเวทใดล่อลวงสัตว์อสูรของพวกเราจนแปรพักตร์เช่นนี้? สารภาพมาเสีย!” สตรีพรหมจรรย์มองเยี่ยฉวนพร้อมใช้สายตาคาดคั้น ใบหน้าผ่องปรากฏความเย็นชาราวผิวปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งขณะกล่าวออก
“ข้อกล่าวหาที่ท่านกล่าวมาผิดถนัด! ท่านสตรีพรหมจรรย์… งูเผือกตัวนี้มิใช่สตรีเพศที่งดงามเช่นท่าน ข้าจะล่อลวงมันได้อย่างไร?!”
เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปากแฝงเลศนัย เขาหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อ “เหตุใดงูเผือกตัวนี้จึงเลือกรับใช้ข้า? ข้อนั้นข้าก็ไม่รู้แน่ชัด บางทีมันอาจต้องมนตร์เสน่ห์ของข้าเข้าก็เป็นได้! หรืออีกเหตุผลพวกเจ้าชาวสํานักอสูรเมฆาอาจกระทําเรื่องเลวทรามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนสวรรค์พิโรธ แม้แต่มวลมนุษย์ยังเคืองโกรธ แล้วจะแปลกอะไรหากสัตว์ผู้พิทักษ์ของท่านก็ไม่สามารถอดกลั้นต่อความโฉดชั่วเหล่านั้น!”
“รับคําสั่ง! ไม่ว่าแผ่นดินถล่มหรือแผ่นฟ้าพังทลายจงสังหารมันเพื่อข้า!”
ครั้นได้ยินประโยคแสดงความถือดีของเยี่ยฉวน หน้าอกของสตรีพรหมจรรย์พลันกระเพื่อมขึ้นลงจากการหายใจแรงด้วยความโกรธายิ่ง! จิตสังหารของนางเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี!
สิ้นคําสั่งการ ยอดฝีมือทั้งหมดของสํานักอสูรเมฆาต่างวิ่งไปรวมตัวกันที่ทะเลสาบมังกรนิทราโดยพร้อมเพรียง! พวกเขารีบเร่งจัดกระบวนทัพโดยแบ่งออกเป็นสามกองกําลัง สตรีพรหมจรรย์ อาวุโสเถียนชิง และนักรบพฤกษาเถียนกู่แยกย้ายไปยืนนําทัพทั้งสาม..แต่ละกองทัพมีศิษย์ชั้นเลิศจํานวนหลายร้อยคน ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้เมื่อมารวมตัวกันยิ่งเสริมความแข็งแกร่งของเหล่าผู้นําทั้งสามให้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี!
จิตสังหารแรงกล้าแผ่ขยายปกคลุมไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี แม้แต่นางพญามังกรขาวที่อยู่ด้านหลังเยี่ยฉวนยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียด
“ยอดกระบวนทัพแห่งสํานักอสูรเมฆางั้นหรือ?!”
สีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ!
สํานักอสูรเมฆามีรูปการจัดกระบวนทัพหลายแบบ แต่รูปแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดคือยอดกระบวนทัพแห่งสํานักอสูรเมฆาซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น กระบวนทัพนี้เป็นการรวบรวมความแข็งแกร่งจากตัวบุคคล ยิงจํานวนคนเข้าร่วมในกองทัพมีมากเท่าใด พลังสังหารก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเท่านั้น! ระยะเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมาพวกเขาใช้รูปกระบวนทัพนี้ตัดศีรษะศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตกาลที่บังอาจรนหาที่ตาย รวมถึงโค่นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่งที่กล้าท้าทายอํานาจสํานักอสูรเมฆามาแล้วหลายต่อหลายราย!
ภพชาติที่แล้ว เยี่ยฉวนเคยช่วยราชินีอสูรเนตรสีครามในการก่อตั้งสํานักอสูรเมฆา ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับยอดกระบวนทัพนี้เป็นอย่างดี หากเขายังมีพลังแข็งแกร่งเช่นสมัยนั้นคงสามารถทําลายมันได้อย่างง่ายดาย ทว่าภพชาตินี้เขาอยู่ในระยะเริ่มต้นวางรากฐานการฝึกตนเท่านั้น ต่อให้เขาได้เปรียบที่รู้วิธีทําลายกระบวนทัพดังกล่าว แต่เขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะทําเช่นนั้น!
ขณะนั้นเองชายหนุ่มสัมผัสถึงความแปรปรวนของพลังปราณในร่างกาย ฝูงปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรที่อยู่ในโคมบงกชสีครามแผ่รัศมีกระตุ้นเตือนผู้เป็นนายเมื่อรับรู้ถึงอันตรายภายนอก พวกมันกําลังเพรียกให้เยี่ยฉวนเรียกมันออกมาทําการต่อสู้เสียที!
หากเขาเรียกฝูงปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรทั้งหมดออกมาตั้งกระบวนทัพชาติสงครามเพื่อเผชิญหน้ากับยอดกระบวนทัพแห่งสํานักอสูรเมฆา จะมีโอกาสเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่?!
แต่แล้วเขาก็โคลงศีรษะพร้อมปัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปอย่างฉับพลัน…
ความจริงแล้วกระบวนทัพชาติสงครามมีอานุภาพแข็งแกร่งกว่ายอดกระบวนทัพแห่งสํานักอสูรเมฆามากนัก เมื่อเรียกบริวารมารวมตัวกันจะสามารถจัดการยอดฝีมือที่บรรลุขั้นซิวฉือระดับสูงสุดได้อย่างราบคาบ ทว่าปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรที่เขามีในครอบครองมีจํานวนน้อยเกินไป ทําให้ความสามารถในการต่อสู้อ่อนแอกว่าหลายเท่าอย่างเห็นได้ชัด การเอาชนะสตรีพรหมจรรย์ อาวุโสเถียนชิง นักรบพฤกษาเกียนกู่ รวมถึงยอดฝีมือผู้บรรลุการฝึกตนขันปรมาจารย์แห่งเต๋านับร้อยชีวิตโดยใช้กองทัพปีศาจวัวเพียงหนึ่งพันตัวนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
“บังอาจทําลายสํานักอสูรเมฆาสังหาร!”
สตรีพรหมจรรย์จ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นชา ครั้นเห็นสีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนจึงเผยรอยยิ้มด้วยความสาแก่ใจพร้อมเคลื่อนพลไปด้านหน้า กระบวนทัพสาม กองกําลังซึ่งมีศิษย์ของสํานักอสูรเมฆา เข้าร่วมหลายพันคนผนึกพลังแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าทวี ประหนึ่งภูเขาลูกใหญ่ตั้งขวางอยู่เบื้องหน้าพวกเขาก็สามารถพังทลายลงได้!
ทะเลสาบมังกรนิทราที่มีทิวทัศน์สวยงามและสงบเงียบเกิดสภาพอากาศแปรปรวนอย่างกะทันหัน! ลมพายุกระโชกแรงพัดกวาดบริเวณโดยรอบ คลื่นยักษ์ความสูงเกือบหนึ่งร้อยเมตรก่อตัวหอบเอามวลน้ำมหาศาลม้วนขึ้นสู่เบื้องบนด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์! ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงหน้าแข้ง หัวเข่าต้นขา ภายในพริบตาเดียวน้ำในทะเลสาบก็เอ่อล้นขึ้นจนถึงหน้าอกของผู้คน ณ ที่นั้น!
งูเผือกยักษ์ซึ่งอยู่ด้านหลังเยี่ยฉวนขยับลําตัวอีกครั้ง พลังจากการพลิกตัวในครั้งนี้ส่งผลให้ระดับน้ำในทะเลสาบเอ่อล้นขึ้นอย่างรวดเร็วจนท่วมเชิงเขามังกรนิทรา ยอดเขาสูงเสียดฟ้าที่ตั้งตระหง่านพลันสั่นคลอนราวจะถล่มทลาย!
“แย่แล้ว! นางพญามังกรขาวพิโรธ เห็นที่คราวนี้คงเกิดหายนะครั้งใหญ่เป็นแน่!”
“ท่านอาวุโสเถียนชิง พวกเราตั้งรับไว้ไม่ไหวแล้วขอรับ!”
บรรดาศิษย์สํานักอสูรเมฆาซึ่งยังยืนหยัดอยู่ในรูปกระบวนทัพล้วนตื่นตระหนกและหวาดกลัวยิ่ง!
น้ำจากทะเลสาบที่เอ่อท่วมขึ้นมาบนฝั่งจากการที่เผือกยักษ์พลิกลําตัวไม่เพียงทําให้กองทัพแทบจมหายอยู่ใต้ท้องธาราเท่านั้น แต่ยังเย็นเยือกจนกัดเซาะไปถึงกระดูกและจิตวิญญาณของผู้คนดั่งน้ำที่ไหลมาจากธารน้ำแข็ง พลังปราณของศิษย์ทุกคนถูกกดข่มไว้จนไม่สามารถสําแดงฤทธิ์ได้ หนําซ้ำยังเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องราวก้นทะเลสาบ มีสักจุดที่เชื่อมต่อกับมหาสมุทรภายนอก หากเหตุการณ์ดําเนินต่อไปเรื่อยๆ เห็นที่ภูเขามังกรนิทราทั้งลูก รวมถึงสํานักอสูรเมฆาคงกลายเป็นเมืองใต้บาดาลในที่สุด!
ก่อนหน้านี้กองทัพของสํานักอสูรเมฆาช่างแข็งแกร่งหาใดเปรียบทั้งยังมีแบบแผนกระบวนทัพที่มั่นคง ทว่าเทียบกับสัตว์อสูรโบราณซึ่งมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาอย่างยาวนาน….ไม่ว่าจะเก่งฉกาจเพียงใดก็เอาชนะได้ยากยิ่ง!
“สังหารให้สิ้น! จอมมารอสูรตัวนี้คงถึงวาระสิ้นชีพด้วยเงื้อมมือของสํานักอสูรเมฆาเสียแล้ว! เถียนชิง! เถียนกู่! ผองศิษย์ทั้งหลาย ฆ่ามันซะ!”
สตรีพรหมจรรย์ตะโกนสั่งการเสียงดังกึกก้อง! รัศมีเจ็ดสีซึ่งแผ่ออกจากศีรษะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ นางขึ้นเห ยบกระบี่บินก่อนพุ่งไปทางเยี่ยฉวนด้วยความเร็วสูง ก่อนเอื้ออาวุธสังหารขึ้นสูงโดยเล็งไปที่ขั้วหัวใจของอีกฝ่าย!
ขณะที่ผู้อื่นต่างล่าถอย แต่นางกลับกระทําในสิ่งตรงข้ามยิ่งสถานการณ์อันตรายความดุร้ายของนางยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี! แม้ยามนี้ปราศจากยอดกระบวนทัพแห่งสํานักอสูรเมฆา แต่เป้าหมายที่ต้องหารสังหารเยี่ยฉวนให้ตายตกไปยังไม่เปลี่ยนแปลง!
“อสูรร้ายทรยศ ฆ่ามัน!”
อาวุโสเถียนชิงและนักรบพฤกษาเถียนกู่พุ่งตัวไปด้านหน้าตามสตรีพรหมจรรย์อย่างไม่หวั่นเกรงอันตรายอีกต่อไป! และผนึกกําลังเพื่อสําแดงอิทธิฤทธิ์อันแข็งแกร่งมหาศาล!
ทั้งสตรีพรหมจรรย์และอาวุโสทั้งสองคนล้วนเป็นผู้มีตําแหน่งระดับสูงของสํานักอสูรเมฆา ผู้หนึ่งได้รับชัยชนะ ทุกคนย่อมได้รับเกียรติผู้หนึ่งพ่ายแพ้ ทุกคนย่อมสูญเสีย ตอนนี้มีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น ประการแรก..พวกเขาจะร่วมมือกันกําจัดเยี่ยฉวน หรือประการที่สอง ปล่อยให้เยี่ยฉวนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของสํานักจนไม่เหลือชิ้นดี!