ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 149 อาณาเขตขุนเขาและสายน้ํา
แสงสลัวยามรุ่งอรุณค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้า
ท้องฟ้าสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ภูเขามังกรนิทราที่เคยเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยฝูงชนบนยอดเขา
เม็ดทรายและหินปลิวว่อนในอากาศบนยอดเขาที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนแต่เยี่ยฉวนยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม..
ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์กําลังกดลงมาด้วยแรงมหาศาล สายลมพัดกระโชกแรงขณะที่พื้นดิน ค่อยๆทรุดตัวลงทีละน้อยเกิดเป็นรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เยี่ยฉวนยืนอยู่กลางรอยประทับและเป็นคนแรกที่จะถูกบดขยี้!
เยี่ยฉวนเชิดหน้าขึ้นมองฝ่ามือยักษ์ที่ใกล้เข้ามาอย่างเยือกเย็นขณะที่ศิษย์สํานักอสูรเมฆาพากันตื่นตระหนก
“พ่อหนุ่ม ลงมือเสียก่อนที่จะไม่มีโอกาส!”
ราชินีอสูรเกศาขาวกล่าวออกด้วยน้ําเสียงเย็นเยียบ
ฝ่ามือนั้นเร่งความเร็วขึ้นอีก!
“องค์ราชินี พระองค์บังคับให้ข้าต้องทําเช่นนี้”
เยี่ยฉวนมองดูราชินีเผ่าอสูรอย่างเย็นชาพร้อมสะบัดมือเพื่อใช้เคล็ดวิชาเก่าแก่ ฉับพลันเกิดเสียงกึกก้องประห นึ่งฟ้าถล่มดังไปทั่วทั้งสํานัก!
“นั่นเสียงอะไรนะ?!”
“แผ่นดินไหวหรือ?!”
ศิษย์สํานักอสูรเมฆาบนยอดเขา น้อยใหญ่พร้อมใจกันร้องอย่างตื่นตระหนก
ทันใดนั้นยอดเขาใต้ฝ่าเท้าของผู้คนที่เฝ้าดูอยู่เกิดแสงแปลบปลาบขึ้นไม่ว่าจะบนยอดเขามังกรนิทราหรือยอดเขาอื่นที่ไกลออกไป!
สีหน้าของราชินีอสูรเกศาขาวแปรเปลี่ยน ปลายผมยาวสีขาวที่มีแสงเรืองรองหมุนวนอยู่โดยรอบกระดกขึ้นเล็กน้อยสตรีพรหมจรรย์ผู้คุ้นเคยกับองค์ราชินี้รู้ดีว่าอาจารย์ของนาง กําลังโกรธและพร้อมเปิดฉากการโจมตีด้วยจิตสังหารแรงกล้าอักขระโบราณปรากฏขึ้นบนฝ่ามือยักษ์ยิ่งเพิ่มพลังให้ทวีคูณและเร่งความเร็วที่กดทับลงมาเช่นกัน!
เยี่ยฉวนยังคงสงบนิ่งขณะใช้เคล็ดวิชาของเขาต่อไป ความเร็วของเขาไม่ได้ว่องไวนักทั้งยังใช้พละกําลังไปกับเคล็ดวิชาแทบหมดสิ้น
เสียงกึกก้องจากส่วนลึกใต้ดินดังขึ้นเรื่อยๆจนกลบเสียงของฝ่ามือขนาดมหึมาจนหมดสิ้นยอดเขาทั้งเก้าร้อยเอ็ดสิบสองลูกในสํานักหมอกเมฆาสั่นสะเทือนก่อนที่พื้นดินจะ เกิดรอยแยก!
ศิษย์สํานักอสูรเมฆาบนยอดเขาทุกลูกเฝ้าดูการต่อสู้ด้วยความตื่นตระหนกแต่แล้วกลับพบว่าสํานักอันกว้างใหญ่ไม่มีที่มั่นให้หลบภัยในตอนนี้
ผืนดินสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รอยแยกก็ลึกลงไปทุกขณะศิษย์ในสํานักตัวสั่นเทิ้มด้วยความห วาดกลัวก่อนที่การสั่นสะเทือนจะหยุดลงทว่ายังไม่ทันถอน หายใจด้วยความโล่งอกยอดเขาสูงชันกลับผุดขึ้นราวกับยักษ์โบราณกําลังฟื้นคืนชีพและเชิดหน้าชูคอขึ้นสู่เบื้องบน
หนึ่งลูก… สองลูก ยอดเขาโผล่ขึ้นจากผืนดินพร้อมกันและเป็นจุดศูนย์กลางการปะทุพลังมหาศาล!พลังงานมากมายเกินบรรยายแผ่ซ่านและโอบล้อมทั้งสํานักอ สูรเมฆาไว้ เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่ใจกลางสํานักและค่อยๆลามเลียแผดเผาทุกสิ่ง แต่เมื่อพินิจดูให้ดีกลับเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง!
อาณาเขตขุนเขาและสายน้ํา!
หลังจากที่งูเผือกเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาแล้วเยี่ยฉวนไม่ได้เผชิญหน้ากับราชินีเผ่าอสูรโดยตรงหากแต่ใช้เคล็ดวิชาโบราณที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมาก่อนสร้างอาณา เขตขึ้นในสํานักอสูรเมฆา!
สํานักอสูรเมฆามียอดเขามากมายนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนว่ายอดเขาสูงตระหง่านอันมี รูปทรงแตกต่างกันไปเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตอันทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้!
เยี่ยฉวนได้ช่วยราชินีอสูรเนตรสีครามสร้างอาณาเขตนี้ขึ้นเมื่อครั้งที่อาณาจักรอสูรเมฆาเพิ่งก่อตั้งโดยใช้ยอดเขา ทั้งหลายเป็นรากฐานและใช้เตาหลอมระดับสวรรค์เป็นจุดศูนย์กลางอาณาเขตนี้สามารถต้านทานได้แม้แต่การโจมตีของปรมาจารย์ขั้นมหาปราชญ์ระดับสูงสุด
หลายล้านปีผ่านไป ยอดเขาเหล่านี้ยังคงอยู่แต่ราชินีอสูรเนตรสีครามกลับสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย จึงมีเยี่ยฉวนเพียงผู้เดียวในใต้หล้าที่ล่วงรู้ถึงอาณาเขตนี้เขาถึงกับพูดไม่ ออกเมื่อออกมาจากเครื่องเคลื่อนย้ายและเห็นสํานักอสูรเมมาเป็นครั้งแรกในยามนั้นจ้าวต้าจ่อคิดว่าเยี่ยฉวนเพียงแค่ตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่ของสํานักอสูรเมฆาโดยไม่ได้ล่วงรู้ว่าเขากําลังคิดถึงวันคืนที่สํานักอสูรเมฆาถูกก่อตั้งขึ้นมาต่างหาก
ภาพที่หาดูได้ยากปรากฏขึ้นในสํานักอสูรเมฆาอันยิ่งใหญ่
รัศมีสีแดงสลัวปกคลุมทั่วทั้งสํานักแลดูคล้ายหม้อสัมฤทธิ์สีแดงที่วางครอบกีดขวางภายในและภายนอกออกจากกัน ราวกับเป็นคนละโลกออร่าพลังงานและการโจมตี ที่เกิดขึ้นนอกอาณาเขตถูกตัดขาดออกไปโดยสิ้นเชิง
ราชินีอสูรเกศาขาวเผยสีหน้าตึงเครียด ผมสีขาวหมดจด ราวกับหยกยกขึ้นสูงฝ่ามือขนาดยักษ์หยุดชะงักชั่วครู่ก่อนจะกดลงมาด้วยความเร็วสูงอย่างไร้ความปรานี้แต่กลับปะทะเข้ากับรัศมีสีแดงเกิดแสงวาบขึ้นในเสี้ยววินาทีก่อนฝ่า มือนั้นจะหายวับไป การโจมตีของราชินีอสูรเกศาขาวสลายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับก้อนดินในท้องทะเล!
“ทรงพลังนัก! นี่มันพลังอะไรกัน!”
“อาณาเขต…. เป็นอาณาเขตแน่ๆ แต่สํานักของเรามีอาณาเขตเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?!”
ศิษย์สํานักอสูรเมฆาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกตะลึงในจิตใจ
แม้แต่พวกเขายังไม่รู้ว่าภายในสํานักมีอาณาเขตพรรค์นี้มาก่อนแล้วคนนอกอย่างเยียฉวนรู้ได้อย่างไร?!
“เข้ามาอีกสิ!”
สีหน้าของราชินีอสูรเกศาขาวแปรเปลี่ยนอีกครั้ง นางตะโกนก้องพร้อมสยายผมสีขาวพลิ้วกระจายไปทั่วท้องฟ้าดุจใยแมงมุมเส้นผมเหล่านั้นทิ้งตัวลงราวกับห่าฝนหนักหน วงและรวมตัวกันเป็นลูกศรพุ่งลงมาหมายจะเจาะทะลุรัศมีสีแดงที่ห่อหุ้มสํานักอสูรเมฆาอยู่!
เส้นผมสีขาวนับไม่ถ้วนกระทบอาณาเขตนั้นอย่างรุนแรง ทว่ายอดเขาทุกลูกในสํานักอสูรเมฆากลับสั่นไหวก่อนรัศมีสีแดงจะขยายออกเรื่อยๆจนแผดเผาเส้นผมที่พิชิตได้ทุกสิ่ง ขององค์ราชินี!
“กลับมา!”
ราชินีอสูรเกศาขาวเรียกเส้นผมยาวของนางกลับคืนก่อน จะล่าถอยออกไปไกลกว่าพันเมตรนางมองดูทั้งสํา นักและเยี่ยฉวนจากเบื้องบนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่ เคยเป็นมาก่อน
นางโจมตีด้วยเคล็ดวิชาหัตถ์มหาวิญญาณอย่างสุดกําลัง แต่กลับคว้าน้ําเหลว!หากตอบสนองช้ากว่านี้อีกเพียงนิดคง ต้องเผชิญผลสะท้อนกลับจากอาณาเขตขุนเขาและสาย น้ําเป็นแน่!
เยี่ยฉวนนั้นหยิ่งผยองอย่างหาที่เปรียบมิได้ในสายตาของผู้อื่น แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะเตรียมการมาอย่างดีสมคําคุยเช่นนี้!
งูเผือกในทะเลสาบมังกรนิทราเป็นเพียงหนึ่ง ในตัวช่วยของเขาเท่านั้นหากแต่อาณาเขตขุนเขาและสาย น้ําที่ต้านทานได้แม้กระทั่งการโจมตีของมหาปราชญ์ต่าง หากคือไพ่ตายที่แท้จริง!
ขั้นการฝึกตนของราชินีอสูรเกศาขาวนั้นน่าทึ่งจนสา มารถเดินเตร่ไปทั่วทุกสารทิศโดยไม่ต้องเกรงกลัวต่อสิ่งใดทั้งยังมีโอกาสเป็นคนแรกในทวีปอัคคีสวรรค์ที่บรรลุขั้นม หาปราชญ์ในรอบหลายล้านปีได้ทุกเมื่อแต่นั่นยังไม่เพียงพอหากต้องการทะลวงอาณาเขตขุนเขาและสายน้ําของเยี่ยฉวน!
“สาวน้อยตัวขาว ไปเถิด”
เยี่ยฉวนเอื้อมไปแตะหัวของงูเผือกก่อนที่มันจะจมหาย ไปใต้ผิวน้ําอย่างอ่อนแรงจากนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาอีกครั้ง รัศมี สีแดงน่าหวั่นเกรงค่อยๆ เลือนหายไปยอดเขาทั้งหลายกลับคืนสู่สภาพเดิม เตาหลอมระดับสวรรค์ที่กําลังลุกไหม้ค่อยๆจมลงไปใต้ผืนดิน อีกทั้งพลังงานอันน่า ตกตะลึงของเยี่ยฉวนก็จางหายไปเช่นกัน เขาไม่อาจคงไว้ซึ่งพลังที่ไม่ใช่ของตนเองได้ตลอดไป
“พ่อหนุ่ม เจ้าไม่มีทางเป็นเพียงศิษย์สามัญ บอกมาว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?”
ราชินีอสูรเกศาขาวมองเยี่ยฉวนด้วยแววตาเคร่งเครียด
“แน่นอนว่าข้าไม่ใช่ศิษย์สามัญ ข้าคือศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆา” เยี่ยฉวนตอบด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “ว่าอ ย่างไรองค์ราชินีคิดจะกลับคําอย่างนั้นหรือ?”
“จ่อเซีย นําเขาไปยังห้องโถงใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆา!”
ราชินีอสูรเกศาขาวพ่นลมอย่างเย็นชาก่อนจะหายวับไป
“เจ้าค่ะท่านอาจารย์! ตามข้ามาไอ้สารเลว”
หงจือเซียโค้งรับคําสั่งและหันมาเหลือบมองเยียฉวนด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเหาะไปยังห้องโถงใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆาอาวุโสเถียนชิงและนักรบพฤกษาสบตากันก่อ นตามหลังนางไปอย่างรวดเร็ว