Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 154 หายนะแห่งสหัสวรรษ
สตรีพรหมจรรย์หงจื่เซียกระทืบขาโดยแรงอีกครั้ง ในที่สุดจึงสามารถสลัดฝ่ามือเหนียวแน่นราวหนวดปลาหมึกของเยี่ยฉวนสําเร็จ! นางยกฝ่ามือขึ้นปิดบังใบหน้า ก่อนวิ่งหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็ว ตอนนี้นางละอายเกินกว่าจะเผชิญหน้าผู้ใดได้!
ภาพตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับการแข่งขันวิ่งเปลือยกาย! บรรยากาศตึงเครียดที่แผ่ปกคลุมทั่วห้องโถงแปรเปลี่ยนเป็นสดใสราวทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนฝูงชนไม่ทันเห็นว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง เหล่ายอดฝีมือสํานักอสูรเมฆาจึงไม่ทันตอบสนองหรือใช้สายตาชื่นชมความงามของเรือนร่างเปลือยเปล่านั้น
เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?!
ภายในเตาหลอมระดับสวรรค์มีสิ่งใดเกิดขึ้น?! สตรีพรหมจรรย์พบเจอกับสิ่งใดในนั้นจึงวิ่งออกมาโดยมีเพียงเรือนร่างเปล่าเปลือย?! สตรีผู้งดงามนางนี้บริสุทธิ์ผุดผ่องดุจหยกและมีพลังชีวิตที่สะอาดใสไร้มลทินราวธารน้ำแข็ง ตอนกระโดดเข้าไปทุกคนเห็นว่านางยังมีอาภรณ์ครบถ้วน เหตุใดตอนกลับออกมาจึงเป็นเช่นนั้น?!
ฝูงชนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงยิ่ง! แม้แต่ราชินีอสูรเกศาขาวก็ประหลาดใจไม่น้อย ทว่าผลการประลองเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว….สตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แม้นางเข้าไปที่หลังเยี่ยฉวนแต่กลับออกมาเร็วกว่า
ศิษย์ยอดฝีมือผู้บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับที่เจ็ดพ่ายแพ้ต่อศิษย์ต่างสํานักที่บรรลุเพียงขั้นซิวฉือระดับที่สอง ผลลัพธ์นั้นทําให้ฝูงชนทอดถอนใจด้วยความผิดหวังอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
“ขออภัยที่ขากระทําการล่วงเกิน…แต่ข้าเป็นผู้ชนะการประลองครั้งนี้ ดังนั้นข้าจะนําเตาหลอมระดับ สวรรค์ออกไป”
เยี่ยฉวนประสานมือขณะโค้งคํานับเล็กน้อยเป็นมารยาท จากนั้นจึงรีบใช้เคล็ดวิชาลับนําเตาหลอมระดับสวรรค์บรรจุลงในโคมบงกชสีครามโดยไม่เปิดโอกาสให้สํานักอสูรเมฆาเล่นแง่ใดๆ อีก!
“ช้าก่อน!”
อาวุโสเถียนชิงร้องเรียกเสียงดังด้วยท่าทางร้อนรนทันทีที่เห็นเยี่ยฉวนเสกเตาหลอมระดับสวรรค์หายวับไป ชายชราโพล่งถามขึ้นอีกครั้ง “ไอ้หนู เจ้าทําเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“ไม่อาจบอกได้!” เยี่ยฉวนเอ่ยตอบสั้นๆ
“แล้วเจ้าจะยืมนานแค่ไหน?! จะนํากลับมาคืนเมื่อไร?!” อาวุโสเถียนชิงพุ่งปราดเข้าขวางหน้าเยี่ยฉวนพร้อมเอ่ยถามอย่างเร่งร้อนด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะแย่งชิงเตาหลอมระดับสวรรค์ไปตลอดกาล
ส่วนราชินีอสูรเกศาขาวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุดไม่ปริปากเอ่ยคําใด เพราะเรื่องราวที่นางใคร่รู้มีอาวุโสเถียนชิงกล่าวถามแทนทุกประการแล้ว
เยี่ยฉวนสามารถเอาชนะการประลองและได้ครอบครองเตาหลอมโดยชอบธรรม ดังนั้นพวกเขาจึงทําสิ่งใดไม่ได้นอกจากภาวนาให้อีกฝ่ายนําเตาหลอมระดับสวรรค์กลับมาคืนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่อาจล่วงรู้”
คําตอบของเขาทําให้อาวุโสเถียนชิงยิ่งตึงเครียด ชายหนุ่มหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อ “แต่ท่านอาวุโสเถียนชิงโปรดวางใจ…ครั้งนี้ข้ามาขอยืมเตาหลอมระดับสวรรค์เพื่อทําภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากองค์จักรพรรดิฉินอ๋องให้ลุล่วง หากภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์จะรีบส่งคืนให้ในทันที”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง! ฮึ่ม! องค์จักรพรรดิคงสร้างเรื่องยุ่งยากให้เจ้าและสํานักหมอกเมฆาไม่น้อย เยี่ยฉวนเจ้าไม่จําเป็นต้องนําเตาหลอมระดับสวรรค์ไปหรอก พวกเรายินดีช่วยเหลือเจ้ารับมือกับฉินอ๋อง รับประกันว่าทางฝั่งพระราชสํานักจะไม่กล้าเข้ามากล้ำกรายสํานักหมอกเมฆาให้ระคายอีก ว่าอย่างไร?!” สายตาของชายชราเปล่งประกายเข้มจ้า แม้วาจาที่เอื้อนเอ่ยช่างเอื้อเฟื้อ ทว่าดวงตากลับฉายแววอาฆาตมาดร้าย
เตาหลอมระดับสวรรค์มีความสําคัญต่อสํานักอสูรเมฆาอย่างสุดจะพรรณนา ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันมันคือสมบัติที่ส่งผลต่อโชคชะตาของสํานักอย่างยิ่งยวด ดังนั้นเพื่อไม่ให้เยี่ยฉวนนํามันออกจากพื้นที่ พวกเขาจึงลองเสี่ยงใช้กลยุทธ์ทุกทางแม้กระทั่งตั้งตนเป็นศัตรูกับราชวงศ์ต้าฉิน องค์จักรพรรดิฉินอ๋องทรงไม่ใส่ใจไยดีการมีอยู่ของสํานักหมอกเมฆาจึงมอบภารกิจอันยากเข็ญเพื่อเป็นการกําจัดทิ้งกลายๆ ทว่าหากเป็นสํานักอสูรเมฆาสถานการณ์คงแตกต่างออกไป
“ข้าไม่บังอาจรบกวนผู้อาวุโสเถียนชิง ปัญหาของสํานักหมอกเมฆาศิษย์ของสํานักจะแก้ไขด้วยตนเอง!”
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะขณะกล่าวปฏิเสธข้อเสนอจากชายชรา จากนั้นจึงอธิบายเพิ่มเติม “ในทางกลับกันหากศิษย์สํา นักอสูรเมฆาเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขข้าจะไปพ บท่านทันทีเพื่อช่วยเหลือ พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นศิษย์น้องที่ ดีมาตั้งแต่ครั้งอดีต ถึงอย่างไรสองสํานักก็มีสัมพันธไมตรีอัน ดีต่อกันประหนึ่งพี่น้องร่วมสาบาน ท่านอาวุโสเถียนชิงว่า เห็นด้วยหรือไม่?”
“นะ…นี่เจ้า!”
เถียนชิงจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนผู้มีสีหน้าเรียบเฉย และกล่าววาจาไร้ยางอายด้วยความโกรธายิ่ง!
เขาตระหนักแล้วว่าเหตุใดสํานักหมอกเมฆาจึงส่งเยี่ยฉวนเป็นตัวแทนในการเจรจากับสํานักอสูรเมฆา ชายหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงเก็บงําทักษะวรยุทธ์ไว้อย่างลึกล้ำ แต่กลับมีเล่ห์เหลี่ยมและแผนการหลากหลาย หนําซ้ำผิวหนังบนใบหน้ายังหนาเตอะ อุปนิสัยพลิกแพลงจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แม้พบเจอแผนการสกปรกกลับแก้ไขได้โดยง่าย และซ้อนแผนกลับได้อย่างแยบยลนัก แม้แต่สุนัขจิ้งจอกอายุพันปียังไม่อาจเทียบเท่า!
“ท่านอาวุโสเถียนชิง เป็นพระคุณนักที่ท่านได้ให้การต้อนรับอย่างดี โปรดส่งคําพูดของข้าไปถึงสาวน้อยจื่อเซียที่เถิด…ว่าไม่จําเป็นต้องคะนึงหาข้าหรือเป็นกังวลใดๆ ข้ายินดีรับผิดชอบความรู้สึกของนางเอง องค์ราชินี…ข้ากราบทูลลา!”
เยี่ยฉวนโค้งคํานับด้วยกิริยาสุภาพก่อนหมุนตัวเดินออกจากห้องโถงใหญ่ ครั้นพบจ้าวต้าจื่อและผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงซึ่งยืนรอเขาอยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน จึงเดินเข้าไปสมทบและพากันเดินตรงไปยังเครื่องเคลื่อนย้ายโบราณของสํานักอสูรเมฆาโดยไม่รอช้า
ตอนนี้เยี่ยฉวนมีเตาหลอมระดับสวรรค์อยู่ในครอบครองแล้ว ทว่าเขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นยินดีถึงเพียงนั้น
ก่อนหน้านี้ตอนเขายังไม่ออกจากสํานักหมอกเมฆาเขาคิดแผนการเอาไว้หลายทางยังมีวิธีอีกมากที่จะได้เตาหลอมระดับสวรรค์มาครอบครอง ในที่สุดก็สามารถคว้ามันมาได้โดยราบรื่นแม้ทําได้เพียงหยิบยืมเท่านั้น เขาไม่เคยกังวลเกี่ยวกับความโหดร้ายของสํานักอสูรเมฆา แต่กังวลเกี่ยวกับสํานักหมอกเมฆาในช่วงที่ตนไม่อยู่เสียมากกว่า
เจ้าสํานักหยุนเฟยหรูออกท่องยุทธภพยังไม่กลับมา ส่วนอาวุโสสูงสุดซูโกวหงผู้รักษาการแทนเป็นเวลาหลายปีก็เดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแห่งต้าฉิน สํานักหมอกเมฆาเหลือเพียงอาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินที่คอยดูแลจัดการเรื่องภายในสํานักแทน แต่แม้ชายชราผู้นี้จะปราดเปรื่องเพียงใด เขากลับทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการเพาะปลูกพืชสมุนไพรจนลืมกินลืมนอนไปชั่วขณะ หากเกิดเหตุร้ายขึ้นจะควบคุมสถานการณ์ได้อย่างไร?!
อาวุโสลําดับสามไปเยี่ยนหู จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์รายนั้นย่อมคิดวางแผนการชั่วช้าเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน เขาจะยอมนิ่งเฉยรอดูสถานการณ์และไม่ฉวยโอกาสก่อปัญหาจริงหรือ?!
ชายหนุ่มใช้สมองของตรึกตรองความน่าจะเป็นต่างๆ อย่างหนัก ความกังวลก่อตัวขึ้นในจิตใจ ครั้นเดินไปถึงเครื่องเคลื่อนย้ายโบราณ สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอย เท้าขึ้นเป็นวงจางๆ ปรากฏอยู่บนพื้นดินที่ห่างไกลออกไปหลายพันเมตร เขาตระหนักทันทีว่ามีบุคคลปริศนาติดตามมาด้วย ทว่ากระแสจิตบริสุทธิ์ที่เขาส่งออกไปสํารวจบริเวณโดยรอบกลับไม่ระบุว่ามีสิ่งใดผิดปกติ มีเพียงเหล่าทหารยามที่เดินลาดตระเวนไปมาเท่านั้น
“ หรือว่าจะเป็น…”
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมครู่หนึ่ง เหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เขาเดินทางไปยังตลาดมืดแวบขึ้นมาในห้วงความคิดในที่แห่งนั้นเขาได้พบกับสตรีนิรนามซึ่งทําตัวลับๆ ล่อๆ และอันตรธานหายไปทันทีที่เขามองเห็น ซึ่งสตรีนางนั้นก็ทิ้งรอยเท้าขึ้นน้ำไว้เช่นกัน
“ศะศิษย์พี่ใหญ่ เกิดสิ่งใดขึ้นหรือขะ…ขอรับ?” จ้าวต้าจื่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดขัดเพราะยังหวาดกลัวไม่หาย
“ไม่มีอันใด…ไปกันเถิด!”
เยี่ยฉวนหันกลับไปมองห้องโถงใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆาอีกครั้ง จากนั้นจึงก้าวเข้าสู่เครื่องเคลื่อนย้าย ชายทั้งสามพลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับแสงสีแดงสว่างวาบ
เมื่อตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าแขกจากต่างสํานักจากไปไกลแล้ว เหล่าผู้พิทักษ์และทหารอารักขาจึงแยกย้ายกันไปทําหน้าที่ของตนตามเดิม ไม่มีผู้ใดทันสังเกตว่ามีสตรีนางหนึ่งมาเยือนยังเครื่องเคลื่อนย้ายเช่นกันและหายตัวไปพร้อมกับคนทั้งสาม ตลอดระยะเวลานางเอาแต่เร้นกายไม่ให้ผู้ใดจับสังเกต มีเพียงรอยเท้าเปียกขึ้นปรากฏอยู่บนพื้นโดยไม่รู้ที่มาที่ไป
เยี่ยฉวนและพรรคพวกเดินทางออกจากสํานักอสูรเมฆาไปครู่ใหญ่แล้ว แต่อาวุโสเถียนชิงยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิมพร้อมเผยสีหน้าคล้ำหม่น
คําพูดที่ว่าเขาจะรับผิดชอบความรู้สึกของสตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซียจากปากอีกฝ่ายก่อนจากลาทําให้บรรดาศิษย์ที่ได้ยินอดคิดไปในทางเกินเลยไม่ได้ หลังการประลองหญิงสาววิ่งออกมาจากเตาหลอมระดับสวรรค์ด้วยร่างกายเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์ปกปิด คงมีเพียงเทพเซียนเท่านั้นที่รู้ว่าภายในเตาหลอมอันร้อนระอุเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง?
ราชินีอสูรเกศาขาวยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์เช่นเดิมโดยไม่ปริปากเอ่ยคําใด บรรยากาศโดยรอบปกคลุมไปด้วยความตึงเครียดหนักหน่วง บรรดายอดฝีมือที่ยืนเรียงอยู่ด้านล่างได้แต่ก้มศีรษะเพราะยังไม่มีคําสั่งให้แยกย้าย
“เถียนชิง ไปจัดการเรื่องนี้เถิด จงตรวจสอบให้กระจ่างว่าตอนนี้เยี่ยฉวนและสํานักหมอกเมฆายังอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย” องค์ราชินีเอ่ยขึ้นทําลายความเงียบ
“องค์ราชินีนี้หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?” เถียนชิงเอ่ยถามเสียงสูงอย่างไม่เข้าใจ หากนางส่งคนไปลอบสังหารเยี่ยฉวนจะดูสมเหตุสมผลมากกว่า เหตุใดจึงต้องมครองเขา?!
“พวกเจ้าต้องการให้บุคคลที่สามแย่งชิงเตาหลอมระดับสวรรค์ไปอีกต่อหนึ่งหรืออย่างไร?! แม้เป็นเวลาหลายปีแล้วที่จอมมารไม่เดินเตร่ไปทั่วดินแดนรกร้าง ถึงกระนั้นก็ควรป้องกันไว้ก่อน…กระจายคําสั่งของข้าออกไป เรียกศิษย์ทั้งหมดของสํานักอสูรเมฆาที่อยู่ด้านนอกให้กลับเข้ามาประจําการที่นี่ภายในเวลาครึ่งเดือนเพื่อปกป้องสํานัก! นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจงปิดผนึกทางเข้าสํานักเสีย! ห้ามมิให้ผู้ใดออกนอกสํานักโดยไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่ครึ่งก้าว!”
ราชินีเผ่าอสูรออกคําสั่งก่อนหมุนกายเดินจากไป
การสูญเสียเตาหลอมระดับสวรรค์ซึ่งเป็นเครื่องกุมชะตากรรมของสํานักคือการเดิมพันครั้งใหญ่ ที่ผ่านมานางตระหนักดีว่าไม่ช้าก็เร็วสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น ทั้งเตาหลอมดังกล่าวยังเป็นพลังงานสําคัญที่จะทําให้นางฝึกตนบรรลุสู่ขั้นมหาปราชญ์อย่างสมบูรณ์ เห็นทีเหตุการณ์ดังกล่าวคงเป็นโชคชะตาอันเลวร้ายประหนึ่งหายนะแห่งสหัสวรรษ แม้ผู้ที่แย่งชิงไปได้ไม่ใช่เยี่ยฉวน อย่างไรสํานักอสูรเมฆาก็ต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่อีกมากนัก!
หากบุคคลใดบรรลุขั้นการฝึกตนสูงส่ง คนผู้นั้นย่อมถูกสรวงสวรรค์กลั่นแกล้ง หากสํานักใดดํารงอยู่อย่างแข็งแกร่ง สรวงสวรรค์ย่อมริษยา ทุกสรรพสิ่งที่ล้ำเลิศล้วนถูกโชคชะตากําหนดให้ไม่สามารถพัฒนารุดหน้าโดยราบรื่น