ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 159 เสียงปีศาจ
เยี่ยฉวนเกรี้ยวกราดประหนึ่งเทพสังหารผู้พร้อมเข่นฆ่าทุกชีวิต เขากวัดแกว่งใบมีดบางเฉียบที่ส่องแสงวาววับอยู่ระหว่างนิ้วด้วยเคล็ดวิชาคืบอรุณจากผู้ก่อตั้งสํานักหมอกเมฆาทุกคนที่ขวางทางกลายเป็นศพอย่างน่าสยดสยอง
ข้ารับใช้ผู้ภักดีของไปเยี่ยนหูที่ดาหน้าเข้ามาเมื่อครู่ต่างหวาดกลัวเมื่อเห็นเยี่ยฉวนก้าวเข้ามาพร้อมใบมีดที่ส่องประกายพร้อมกับถอยร่นไปทีละก้าวระดับการฝึกตนของหลายคนนั้นสูงกว่าเยี่ยฉวนแต่กลับไม่กล้าจู่ โจมยิ่งเห็นปีศาจเพลิงเป็นผู้นําทัพก็ยิ่งแตกกระเจิง
เยี่ยฉวนคร่าชีวิตเหล่ากบฏมาตลอดทางจนถึงห้องโถงใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆา
สถานที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางอํานาจของสํานักหมอกเมฆาในกาลก่อน แต่บัดนี้กลับกลายเป็นกองบัญชาการกองกําลังกบฏของไปเยี่ยนหูผู้แต่งตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าสํา นักจูซื้อเจียในสภาพยุ่งเหยิงถูกมัดไว้กับเสาหินโดยมีเศ ษผ้ายัดปากเอาไว้ นางตื่นเต้นเมื่อเห็นเยี่ยฉวนแต่กลับทําได้เพียงส่งเสียงอื้ออึงในลําคอเท่านั้น
“แปะๆๆ”
ไปเยี่ยนหูปรบมือด้วยท่าทีเหยียดหยามและหยิ่งผยอง “เยี่ยม! ศิษย์พี่ใหญ่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง! เพิ่งบรรลุขั้นซิวฉือแต่กลับทรงพลังกว่ายอดฝีมือขั้นเดียวกัน แทบทั้งหมดสํานักหมอกเมฆาจะไม่ฟื้นตัวได้อย่างไรในเมื่อมีศิษย์พี่ใหญ่เก่งกาจถึงเพียงนี้?”
“การมีศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าถือเป็นโชคดีของสํานักแต่การมีหมาแก่อย่างเจ้าอยู่ในสํานักนั้นถือเป็นเวรกรรม!”
เยี่ยฉวนก้าวมาข้างหน้าด้วยจิตสังหารรุนแรง เขาเพิกเฉยต่อกองกําลังกบฏโดยรอบและท้าทายไปเยี่ยนหูต่อหน้าฝูง ชน “เข้ามาเลยไอ้หมาแก่!ข้าจะฆ่าเจ้าต่อหน้าทุกคน! ให้พวกเขาได้เห็นว่าสํานึกผิดชอบชั่วดีของเจ้ามันต่ําช้าเสีย ยิ่งกว่าหมา!”
สีหน้าของไปเยี่ยนหูจากยิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมทันใด
คําว่า “หมาแก่ สําหรับปีศาจเพลิงและคนอื่นๆนั้นเป็นการระบายความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งแต่สําหรับไปเยี่ยนหูกลับฟังดูหยาบคายอย่างหาที่เปรียบมิได้!
“ไอ้เด็กสามหาว! ยังไม่คุกเข่าต่อหน้าท่านเจ้าสํานักไปอีกหรือ?! เจ้าอยาก…”
ศิษย์ร่างผอมเบื้องหลังไปเยี่ยนหูตะโกนออก ทว่าแสงกระกลับสว่างวาบขึ้นก่อนพูดจบเขายกมือขึ้นมากุมลําคอเอาไว้เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นเฉียบ เลือดไหลรินออกมา ตามรอยแยกระหว่างนิ้ว
“ไม่เห็นหรือว่าศิษย์พี่ใหญ่กําลังสั่งสอนหมาแก่อยู่? พวกหมาเล็กไม่ควรเข้ามารนหาที่ตายเช่นนี้”
เยี่ยฉวนกระดิกนิ้วพลางเอ่ยด้วยน้ําเสียงเย็นเยียบไปถึงกระดูก ใบมีดบางเฉียบปลิดชีพศิษย์ร่างผอมผู้นั้นโดยที่เขาไม่แม้แต่ชายตามอง
สีหน้าของไปเยี่ยนหูและศิษย์ที่ห้อมล้อมอยู่โดยรอบแปรเปลี่ยนอีกครั้งบรรยากาศพลันตึงเครียดทันที
กระบวนท่าเมื่อครู่ของเยี่ยฉวนทําให้บรรดายอดฝีมือรู้สึกถึงภัยคุกคามแม้ระดับการฝึกตนของเยี่ยฉวนจะไม่สูงนักแต่เคล็ดวิชาใบมีดที่สมบูรณ์แบบทําให้เขาแข็งแกร่งยิ่ง ฝี มือของเขาเหนือกว่าขั้นซิวฉือระดับสองไปมากจนจอมยุทธ์ขั้นซิวฉือระดับสูงสุดก็ไม่อาจมองเห็นกระบวนท่าเมื่อครู่ได้ชัดเจน
“เยี่ยฉวน อย่าได้โง่เขลาถึงขั้นปฏิเสธข้อเสนอที่จะช่วยรักษาใบหน้าของเจ้าเลย ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย คุกเข่าและยอมจํานนซะ!เจ้าจะได้ขึ้นเป็นเจ้าสํานักหมอกเม ฆาในอนาคตเมื่อข้าบรรลุขั้นมหาปราชญ์และไปสู่ดินแดนที่สูงส่งกว่าสวรรค์ หากตายไปแล้วย่อมมาเสียใจที่หลังไม่ได้เจ้าควรรู้ว่าต้องหยุดที่ตรงไหน ไม่เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่จําเป็นต้องแขวนคอเจ้าที่ทางเข้าสํานักเสีย!” แวว ตาของไปเยี่ยนหูทอประกายมุ่งร้ายพลางแสดงท่าที่แข็งกร้าวเมื่อการประนีประนอมไม่ได้ผล
“การให้ข้ายอมจํานนต่อเจ้าในฐานะเจ้าสํานักใช่ว่า จะเป็นไปไม่ได้เพียงแต่…” เยี่ยฉวนย่างเท้าไปข้างหน้าอีกก้าวแววตาทอประกายสีฟ้าอ่อนจาง
“เพียงแต่อะไร? ต้องการให้ข้ามอบสมบัติล้ําค่าให้เจ้าหรือปล่อยตัวจูซื้อเจียอย่างนั้นหรือ?”
แววตาของไปเยี่ยนหีลุกโชนพลางสืบเท้าไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัวจนระยะห่างระหว่างพวกเขาเหลือเพียงสิบเมตร
ไปเยี่ยนหูโกรธเกลียดเยี่ยฉวนมาโดยตลอดจนแทบอยากฉีกร่างกายของอีกฝ่ายด้วยมือตนเองแต่การที่เยี่ยฉวนยอมจํานนและให้คํามั่นว่าจะจงรักภักดีย่อ มช่วยให้ตําแหน่งเจ้าสํานักของเขามั่นคงขึ้นอย่างมากอีกทั้งศิษย์จํานวนมากที่ลังเลจะยอมโอนอ่อนตามอย่างรวดเร็ว เขาจึงตัดสินใจรับข้อเสนอของเยี่ยฉวนเพื่อควบคุมอีกฝ่ายไปก่อนแล้วค่อยลงโทษหลังจากสถานการณ์คลี่คลายก็ยังไม่สาย!
“ข้าต้องการสมบัติและต้องการให้ปล่อยตัวจูซื้อเจีย.. ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขทั้งสองข้อนี้อีกอย่างคือข้าต้องการยาเม็ดที่สะสมไว้ในสํานักครึ่งหนึ่ง”เยี่ยฉวนยังคงรุกหน้า ต่อไป
“นี่มัน…”
ไปเยี่ยนหูค่อนข้างลังเลใจ สํานักหมอกเมฆาเชี่ยวชาญด้านการปรุงยาที่สุด หากเยี่ยฉวนแสร้งว่ายอมจํานนและหนี้ไปพร้อมกับยาเม็ดกว่าครึ่งต้องเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่เป็นแน่
คําขอของเยี่ยฉวนมากเกินกว่าที่ไปเยี่ยนหูจะรับได้เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเสียงของเยี่ยฉวนจึงไม่ชัดเจนราวกับอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ทั้งที่ยืนอยู่ตรงหน้า
สมองของไปเยี่ยนหูจอมเจ้าเล่ห์ว่างเปล่าไปชั่วขณะ
จังหวะนี้ล่ะ!
โจมตี!
เยี่ยฉวนหายวับไปก่อนคลื่นกระแทกเก้าลูกจะปรากฏขึ้นในอากาศและสาดซัดไปทางไปเยี่ยนหู!
การสังหารอาวุโสไปเยี่ยนหูผู้อยู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเต่ในการต่อสู้ตัวต่อตัวนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยหนทางเดียวที่เขาจะเอาชนะอีกฝ่ายได้คือการโจมตีอย่างฉับพลัน!
เคล็ดวิชาเสียงปีศาจ!
เยี่ยฉวนลอบใช้เคล็ดวิชาเสียงปีศาจอันไร้เทียมทานระหว่างการเจรจา ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาการโจมตีโดยใช้เสียงที่สาบสูญไปนานและเคยเป็นเคล็ดวิชาคู่กายของจอมมาร เยี่ยฉวนได้ชิงเคล็ดวิชานี้มาหลังตัดหัวอีกฝ่ายเมื่อหลายล้านปีก่อนและลอบใช้ระหว่างการต่อสู้มีพลังทําให้ศัตรูสุนงงจนถึงขั้นทําลายจิตวิญญาณ!
เยี่ยฉวนยังไม่สามารถดึงพลังของเคล็ดวิชาเสียงปีศาจออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ด้วยขั้นการฝึกตนในยามนี้และยิ่งเป็นการโจมตีจิ้งจอกเฒ่าอย่างไปเยี่ยนหูที่ชะงักไป เพียงชั่วครู่เท่านั้นแต่เวลาเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสําหรับเยี่ยฉวน!
“ระวัง!”
ฉับพลันชายสวมหน้ากากพุ่งออกมาผลักไปเยี่ยนหูที่ตกอยู่ในภวังค์ไปด้านข้าง
แสงกระบี่ส่องประกายทันใด!
ร่างสูงใหญ่ของชายสวมหน้ากากสั่นสะท้านก่อนล้มลงบนพื้นบาดแผลฉกรรจ์ปรากฏขึ้นทั่วหว่างคิ้วลําคอช่องท้องและจุดสําคัญอื่นๆลมหนาวพัดชายเสื้อคลุมสี ดําเปิดขึ้นจนเห็นรอยสักที่อกซ้ายเยี่ยฉวนรู้สึกคุ้นเคยกับรูป ร่างของมันชอบกลก่อนภาพหนึ่งจะปรากฏขึ้นในหัวภาพของทูตแห่งโลกันตร์ผู้ลึกลับและทรงพลังที่เขาเคยเห็นในห้องลับกับอาวุโสไปเยี่ยนหู!
เมื่อกวาดตามองโดยรอบ บริวารที่ยืนห้อมล้อมไปเยี่ยนหูล้วนแต่สวมชุดคลุมสีดําและหน้ากากเห็นได้ชัดว่าทูตแห่งโลกันตร์ส่งพวกเขามาเพื่อช่วยไปเยี่ยนหูล้างบางสํานักหมอกเมฆา!
“บ้าเอ๊ย!”
เยี่ยฉวนขบกรามแน่นและล่าถอยอย่างรวดเร็ว
เขามีโอกาสโจมตีฉับพลันเพียงครั้งเดียวแต่กลับล้มเหลวและสายเกินกว่าจะจู่โจมซ้ําอีกครั้ง เขาไม่อาจสังหารไปเยี่ยนหูได้ในตอนนี้ไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวเขาเอง ที่ต้องเผชิญกับการโต้กลับรุนแรง! ไปเยี่ยนหูผู้ฟื้นคืนสติพุ่งมาข้างหน้าพร้อมร่างพยัคฆ์ขาวเบื้องหลังโดยที่เยี่ยฉวนยังไม่ทันล่าถอยกลับไปหาปีศาจเพลิงชายชราเร่งความเร็วเพื่อเปิดฉากโจมตีอย่างดุดัน!
“ไอ้หนู เป็นเจ้าที่รนหาที่ตาย!”
ไปเยี่ยนหูที่เฉียดตายเมื่อครู่ทุ่มโจมตีอย่างสุดกําลังหมายจะฆ่าเยี่ยฉวนให้ตายคามือ!