บทที่ 17 ต้องอดทน!
หวิว!
ยามราตรีมืดสนิท ลมหนาวพัดโชยเอื่อย สัตว์ป่านานาชนิดแผดเสียงคำรามกึกก้อง…
เยี่ยฉวนถอดดวงจิตแล้วจึงสัมผัสได้ถึงภยันตรายท่ามกลางความมืดมิด
หากเขาบรรลุขั้นซิวฉือการถอดดวงจิตคงกระทำโดยง่าย ครั้นพบเจออันตรายภายนอกยังสามารถป้องกันตนเองได้ ทว่ายามนี้ดวงจิตของเขาอยู่ในสภาวะอ่อนแอเปรียบดังทารกที่ไม่รู้วิธีว่ายน้ำแต่กลับจมดิ่งลงในมหาสมุทร หากประมาทเพียงนิดก็ไม่อาจแก้ไข ดวงจิตอันปั่นป่วนกำลังกระจัดพลัดพรายและต้องการหลีกหนี
ทันใดนั้นพลันมีแสงสว่างนวลให้ความรู้สึกอบอุ่นสาดส่องมายังเขา ไม่นานดวงจิตที่ปั่นป่วนของเขาจึงค่อยๆ สงบลง
โคมบงกชสีครามในห้องตำราเริ่มเผยพลังเร้นลับ!
เยี่ยฉวนสำรวจทิศทางโดยรอบ เมื่อรวบรวมความกล้าได้แล้วจึงบังคับดวงจิตให้ลอยออกไปโดยมีโคมบงกชสีครามนำทาง ดวงจิตของเขาจะไม่เคว้งคว้างตราบใดที่ยังผูกพันอยู่กับโคมดวงน้อย
ทิศเหนือของสำนักหมอกเมฆาคือที่ตั้งของหุบเขามังกรปีศาจ ปรากฏปราณหยางที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นฟ้าพร้อมอันตรายที่ยากอธิบาย! เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเบาบางอันคุ้นเคยจากที่นั่น
ทิศตะวันออกเป็นที่ตั้งของสำนักเครื่องนิล ปราณมารกำลังเคลื่อนไหวพลุ่งพล่านราวแผ่นดินจะแยกตัวออกเป็นเสี่ยงๆ!
ทิศสุดท้ายคือทิศใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของผืนมหาสมุทรอันเวิ้งว้างไร้ขอบเขต ที่นี่มีจิตสังหารและพลังหลากหลายชนิดผสมปนเปอยู่
ดวงจิตของเขาล่องลอยจนเห็นสถานการณ์ของทุกทิศ เขาค่อยๆ ตระหนักและเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมด
พลังที่รบกวนจิตใจของเขาไม่ได้มาจากหุบเขาปีศาจอย่างที่เขาคาดการณ์ในตอนแรก แต่เป็นเพราะปราณมารจากทิศที่ตั้งของสำนักเครื่องนิล ปราณนี้ไร้สีและรูปร่างจึงไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ทว่าเขารับรู้การมีอยู่ของมันผ่านดวงจิตที่ถูกถอดจากร่าง
“ประหลาดนัก…เหตุใดปราณมารจึงหนาแน่นเพียงนี้! หรือสำนักเครื่องนิลคิดการใหญ่จะลอบโจมตี?!”
เยี่ยฉวนตกใจถึงขีดสุดจึงไม่คืบเข้าใกล้ปราณมารทางทิศตะวันตก ปราณมารยิ่งเข้มข้นยิ่งดึงดูดวิญญาณชั่วร้ายทุกดวงโดยง่าย หนำซ้ำดวงจิตของเขายังนับเป็นยาบำรุงชั้นดีของพวกมันเสียด้วย!
ยามราตรียิ่งดึกสงัดสายลมยิ่งทวีความหนาวเย็นถึงกระดูก
ค่ำคืนที่มิดมืดยาวนานเปรียบเสมือนท้องมหาสมุทรอันลึกลับที่เปี่ยมด้วยภยันตราย ดวงจิตของเขาสัมผัสถึงความคุ้นเคยเพียงบางสิ่ง หนานเทียนตูนั่งขัดสมาธิเฝ้าประตูสำนักเมฆาอินทนิลตามคำสั่งอาวุโสลำดับสองอย่างเคร่งครัด ส่วนจูซือเจียอยู่เพียงลำพังบนยอดเขาอีกลูก ไม่ชัดเจนว่านางกำลังฝึกตนหรือหลับพักผ่อน…
ร่างสาวงามยามหลับใหลจะงดงามถึงเพียงใดกัน?
ครั้นนึกถึงรูปร่างอันเย้ายวนและบั้นท้ายงามงอนของนาง เขาพลันยกยิ้มแฝงเลศนัยและคิดให้ดวงจิตล่องลอยไปยังที่พักของนางเพื่อลอบมองเรือนร่างนั้นเสียหน่อย ทว่าเขาทำได้เพียงนึกคิดเพราะดวงจิตของเขาได้ลอยไปยังยอดเขาอีกฝั่งและสัมผัสถึงกลิ่นอายจิตสังหารที่คุ้นเคยอีกครั้ง…จิตพยาบาทของจินหัว!
ภายในจวนสว่างไสว…จินหัวและเหอไท่ซวีนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น ปรากฎชายวัยกลางคนจมูกคมราวเหยี่ยวนั่งบนบัลลังก์เบื้องหน้า
“ท่านพ่อ! ลูกชายของท่านถูกโบยตีจนสภาพน่าสังเวชนัก โปรดล้างแค้นแทนข้าด้วยเถิดขอรับ…ท่านพ่อ!”
ดึกสงัดแล้วทว่าจินหัวยังคงโอดครวญทั้งน้ำตานองหน้าด้วยความเจ็บปวดพลางอ้อนวอนผู้เป็นบิดาให้ช่วยตนล้างแค้น
หากไม่ฆ่าเยี่ยฉวนเขาก็ไม่มีหน้าไปพบผู้ใดทั้งสิ้น! ความเกลียดชังฝังรากลึกอยู่ภายในจิตใจ! แต่ที่ย่ำแย่คือไม่ว่าเขาจะร่ำไห้ฟูมฟายเพียงใด ‘จินจื่อคุน’ เจ้าแห่งหอแปรธาตุกลับเผยสีหน้าเคร่งเครียดและไม่ปริปากใดๆ แม้แต่คำเดียว
“ท่านพ่อ! ลูกชายของท่านถูกประจานต่อหน้าฝูงชนนับร้อย เหตุใดท่านจึงไม่ทวงความยุติธรรมให้ข้าเสียที?! ไม่เหลือใครที่รักข้าเลย ท่านแม่ก็มาด่วนจาก…ข้าไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว!”
จินหัวร่ำไห้พลางอาละวาด หากเยี่ยฉวนไม่ตายไฟโทสะในใจของเขาก็ไม่อาจดับลง! “วันนี้ไอ้สารเลวนั่นฟาดก้นข้าได้ พรุ่งนี้มันอาจจะลงมือกับศิษย์คนอื่นของหอแปรธาตุอีก! บางทีมันอาจใช้ตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่มาเป็นข้ออ้างเพื่อขัดกฎเกณฑ์ของสำนัก มันสาปส่งว่าข้าไม่ได้รับการสั่งสอน! ไม่เพียงเท่านั้น…มันยังกล่าวหาว่าท่านพ่อก็แค่สวะที่คิดยึดครองหอแปรธาตุ! ทั้งหมดที่มันกล่าวหา ท่านพ่อทนได้หรือ?!”
“ว่าอย่างไรนะ! ไอ้เยี่ยฉวนพูดเช่นนั้นจริงรึ?!” ในที่สุดจินจื่อคุนก็กล่าวคำออก สายตาฉายแววเย็นเยือก
เขารับไม่ได้ที่เห็นลูกชายถูกรังแกต่อหน้าฝูงชนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ครั้นรับรู้ว่าอีกฝ่ายสอดรู้สอดเห็นทั้งยังดูแคลนในอำนาจของตนจึงอดรนทนไม่ได้!
“ขอรับ! ไอ้ตัวบัดซบนั่นพูดเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นการที่ลูกชายของท่านถูกโบยตีอย่างไร้ความปราณีต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้นับว่าไม่ถูกต้อง! ท่านต้องช่วยข้าจัดการมันนะขอรับ…ท่านพ่อ!” จินหัวกุเรื่องขึ้นพลางพูดเพ้อเจ้อไปตามอารมณ์ที่คุกรุ่น เขาไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้นนอกจากการแก้แค้น!
“หึ! ไอ้เด็กเหลือขอนั่นเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักแค่ในนาม! เช่นนั้นข้าจะถอดมันออกจากตำแหน่งและขับไล่มันเอง!”
จินจื่อคุนแค่นเสียงอย่างเย็นชาก่อนลุกยืนขึ้นด้วยใบหน้าหนักอึ้ง
“ไม่! ท่านพ่อ! แค่ถอดมันออกจากตำแหน่งและขับออกจากสำนักนั่นไม่เพียงพอ! เราควรฆ่ามันทิ้งเสีย! ทั้งตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่และผลึกเส้นโลหิตมังกรจะได้ตกเป็นของข้าโดยสมบูรณ์!” จินหัวตะโกนลั่น แค่ขับไล่เยี่ยฉวนนั่นไม่อาจทำให้ความชิงชังรังเกียจและความเคียดแค้นราวไฟสุมในอกของเขามอดลง!
“เจ้าจงรอข้าอยู่ที่จวน อย่าออกไปทำเรื่องขายหน้าอีกเด็ดขาด! ข้าจะไปพบอาวุโสลำดับสามแล้วจะกลับมาโดยเร็ว!”
จินจื่อคุนไม่ตอบกลับและเร่งร้อนเดินออกไป
ตัวเขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะถอดเยี่ยฉวนออกจากตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ ดังนั้นจึงต้องเดินทางไปเจรจากับอาวุโสลำดับสามเพื่อขอการสนับสนุน
“หึ! เยี่ยฉวน…เจ้าตายแน่! คราวนี้ข้าจะรอดูว่าเจ้ายังทำท่าโอหังได้อยู่หรือไม่?!” จินหัวมองแผ่นหลังของบิดาที่เดินห่างออกไป เขามีท่าทีผ่อนคลายลงแต่ยังยกยิ้มร้ายกาจ!
“นายน้อยช่างหลักแหลมยิ่ง!”
เหอไท่ซวีสบโอกาสประจบสอพลอ ยามนี้เจ้าแห่งหอแปรธาตุออกโรงด้วยตนเองเห็นทีเยี่ยฉวนคงไม่รอดจากความตายแน่แล้ว! ทว่าคนเหล่านี้ไม่ทันสังเกตเห็นลมเย็นประหลาดที่พัดโชยอยู่ด้านนอก…
ดวงจิตของเยี่ยฉวนลอยออกมาด้านนอกหลังได้ยินทุกเรื่องราวชัดเจน
“คนบางคน ต้องรอให้เห็นโลงศพอยู่ตรงหน้าก่อนจึงจะหลั่งน้ำตาสินะ!”
เขายิ้มเย็นเยือกขณะมองไปยังจินหัวผู้ไม่รู้สูงต่ำและไม่รู้จักยั้งคิด
จินจื่อคุนกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าของเขาดำคล้ำกว่าตอนออกไปจนดูคล้ายน้ำหมึกที่กำลังจะหยดมา…เขาเดินไปนั่งในห้องโถงโดยไม่กล่าวคำออกเป็นเวลานาน บรรยากาศโดยรอบพลันเคร่งเครียด
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านพ่อ?” จินหัวเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง เห็นบิดามีทีท่าเช่นนี้จึงตระหนักโดยสัญชาตญาณว่าคงไม่อาจจัดการเรื่องนี้ได้โดยง่าย
“เมื่อครู่ข้าได้ข่าวว่าสำนักเครื่องนิลจะจัดขบวนเดินทางมาถึงสำนักหมอกเมฆาของเราในวันพรุ่งนี้พร้อมข้อเสนอในการเชื่อมสัมพันธ์กับท่านอาวุโสสูงสุด ท่านเจ้าสำนักต้องการยกลูกสาวของเขาให้แต่งงานกับศิษย์พี่ใหญ่เพื่อผูกสัมพันธไมตรี!” จินจื่อคุนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่ามือขวาของเขากลับบีบที่พักแขนของเก้าอี้โดยแรงจนหักออกจากกันดังเปรี๊ยะ!
“อะไรนะ?!” จินหัวคำรามลั่น!
แต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีงั้นหรือ!? หากเยี่ยฉวนแต่งงานกับลูกสาวของเจ้าสำนักเครื่องนิลเช่นนั้นจริง ฐานะของเขายิ่งแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์! หลังจากนี้จะไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านเขาอีก!
ราวพายไส้เนื้อที่ตกลงมาจากฟากฟ้าก็ไม่ปาน!
เหตุใดเขาจึงไม่ได้รับเรื่องดีงามเช่นนี้บ้าง! เหตุใดสิ่งดีๆ จึงตกไปอยู่ที่เยี่ยฉวนเสียหมด…ไอ้บัดซบนั่น?!
จินหัวเอ่ยขึ้นด้วยความริษยาที่ปะทุอยู่ในอก “ไม่ได้นะท่านพ่อ! หากปล่อยให้การแต่งงานนั่นเกิดขึ้นแล้วการแก้แค้นของพวกเราเล่า?!”
“หึ! ลืมเรื่องแก้แค้นไปเสียเถิด! อาวุโสลำดับสามบอกให้พวกเราอดทน…เราต้องอดทนเท่านั้น! นอกจากเราจะแก้แค้นไม่ได้แล้ว นับจากพรุ่งนี้ไปเจ้าจะต้องไปพบเยี่ยฉวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม! หากตะวันขึ้นเมื่อใดเจ้าจงไปที่ยอดเขาเมฆาอินทนิลแล้วกล่าวขอโทษมันซะ!”
จินหัวถึงกับพูดไม่ออก…
จินหัวร้องผวาอีกครั้งขณะที่ใจคิดอยากกระอักเลือดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด!
ยังไม่ทันได้แก้แค้นอีกฝ่ายที่โบยตีเขาต่อหน้าฝูงชน พรุ่งนี้เขายังต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มไปขอโทษเยี่ยฉวนอีก ทั้งหมดนี่ไม่เลวร้ายไปหน่อยหรือ?!
“นี่ไม่ใช่คำสั่งของพ่อเจ้า แต่เป็นคำสั่งจากท่านอาวุโสลำดับสาม ดังนั้นเจ้าจะต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีเงื่อนไข…”
จินจื่อคุนกำชับกับจินหัวอย่างหนักแน่น จากนั้นก็ล้วงเอาขวดแก้วออกมาจากเสื้อ ภายในขวดมีของเหลวใสหนึ่งหยด “แต่หัวเอ๋อร์…เจ้าวางใจเถิด ข้ามีวิธีทำให้ไอ้เยี่ยฉวนได้ลิ้มรสความทรมานอย่างสาหัสแล้ว! พรุ่งนี้เจ้าจงไปกล่าวขอโทษมันที่ยอดเขาเมฆาอินทนิลเสีย หากสบโอกาสเมื่อใดจงหยดสิ่งนี้ลงในสุราให้มันดื่ม! หึ! หลังมันดื่มสุราผสมยาน้ำทลายหยางเข้าไปก็จะไร้ความรู้สึกพิศวาส แล้วเรามาคอยดูกันว่าไอ้เด็กเหลือขอนั่นจะเข้าหอได้อย่างไร!”
“ท่านพ่อ…ท่านหมายความว่า…” จินหัวที่กำลังหมดอาลัยตายอยากพลันเห็นแสงสว่างแห่งความหวังอยู่ตรงหน้า!
“ยามนี้เรายังไม่สามารถแก้แค้นใดๆ ทำได้เพียงอดทนและเสแสร้งยิ้มแย้มเหมือนเป็นพวกเดียวกับมันเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี แต่แผนการนี้จะทำให้ไอ้เด็กนั่นไม่สามารถเข้าหอได้อย่างราบรื่น วางใจเถิด…เราคงไม่ต้องอดทนนานนักหรอก หากอาวุโสลำดับสามได้ครอบครองอำนาจในสำนักหมอกเมฆาเมื่อใดท่านอาวุโสสูงสุดก็เป็นได้เพียงหุ่นเชิดเท่านั้น! ถึงเวลานั้นแล้วเราจึงจะบดขยี้มันราวฆ่ามดตัวหนึ่ง!” เจ้าแห่งหอแปรธาตุยิ้มอย่างเลือดเย็น
“เป็นเช่นนั้น! อดทน…ข้าจะอดทน!”
จินหัวพยักหน้ารับพลางยื่นมือไปรับขวดหยดน้ำหยางกลั่นที่ไร้สีไร้รส เพียงนึกถึงคืนเข้าหอที่เยี่ยฉวนทำอะไรไม่ได้จนถูกเจ้าสาวไล่ตะเพิดเขาก็ระเบิดหัวเราะทันที!
“ใครอยู่ตรงนั้น!?”
จินจื่อคุนก็ได้ยินเสียงประหลาดตะโกนด้วยน้ำเสียงดุดัน เขารีบเร่งออกไปด้านนอกพลางใช้มือคว้าอากาศและปล่อยปราณฉีทำให้อากาศบิดเบี้ยว แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า เขาจึงมองดูโดยรอบแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด มีเพียงลมเย็นที่พัดโชยแผ่ว “เอ๊ะ!? ดวงจิตหยินท่องราตรีหรือ? ผู้ใดช่างบังอาจใช้ทักษะเช่นนี้?!”
จินจื่อคุนพึมพำขณะที่ดวงตาเปล่งประกายเข้มจ้า รู้สึกคล้ายถูกสิ่งที่มองไม่เห็นกดดัน ใบหน้าอันน่าเกรงขามและสง่างามของอาวุโสสูงสุดปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง ทันใดนั้นจึงตระหนักได้ว่าตนและอาวุโสลำดับสามจะต้องดำเนินแผนการโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด!