บทที่ 176 รับนางเป็นบริวาร
ความเงียบปกคลุมทั่วถ้ําอีกครั้ง ไม่มีผู้ใดปริปากแม้แต่คําเดียว มีเพียงเสียงปะทุของคบเพลิงไม้เท่านั้น
ภูตทะเลสาวและสตรีพรหมจรรย์เม้มริมฝีปากสนิทด้วยความหวาดกลัวและประหม่า ส่วนเยี่ยฉวนก็ไม่ปริปากเอ่ยคําใดเช่นกัน
เขาไม่รู้ว่าควรทําอย่างไรกับหญิงสาวทั้งสองดี? กักขังพวกนางไว้อย่างนั้นหรือ?!
สายตาชายหนุ่มมองสลับไปมาระหว่างหญิงสาวสองนางที่นอนราบอยู่บนพื้น ความรู้สึกอึดอัดเกิดขึ้นในจิตใจ
ก่อนหน้านี้เขาใช้ตุ๊กตาหุ่นกระบอกเป็นเครื่องมือหลอกล่อให้หงจือเซียละความสนใจ จากนั้นจึงลอบพรมน้ํามนต์ลงกับพื้นเพื่อสะกดจิตนางเป็นการป้องกันตัวเผื่ออีกฝ่ายโจมตีเขา ด้วยขั้นการฝึกตนที่สูงส่งของนาง…แม้สูดดมกลิ่นหอมของน้ํามนต์เข้าไปอย่างเต็มที่ มันอาจไม่ส่งผลกระทบต่อนางมากนัก แต่เมื่อภูตทะเลลี่ลี่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ทําให้แผนการที่เขาวางไว้พลิกผันโดยสิ้นเชิง
ตราบใดที่เขายังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้นักรบพฤกษาเถียนมาเป็นพวกได้ การกักขังสตรีพรหมจรรย์ไว้กับตัวคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่หากเขาปล่อยนางไปโดยง่ายแล้วนางพาพรรคพวกย้อนกลับมาทําร้ายภายหลัง ผู้ใดเล่าจะมีความสามารถมากพอที่จะหยุดยั้งนางได้?!
เยี่ยฉวนย่อตัวลงขณะมองหงจือเซียที่นอนนิ่งพลางครุ่นคิดหาทางออก ขณะนี้ใบหน้าของคนทั้งสองเคลื่อนเข้าใกล้ชิดจนปลายจมูกเกือบสัมผัสกัน
“จะ…เจ้าจะทําอะไรน่ะ!?” ครั้นมองลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย แววตาหงจือเซียพลันวูบไหวด้วยความหวาดกลัว ร่างกายที่ขยับเขยื้อนไม่ได้สั่นสะท้านเล็กน้อย
ทันทีที่เห็นท่าทางของนางเยี่ยฉวนจึงฉุกคิดวิธีบางอย่าง ในเมื่อเขากังวลว่าหากปล่อยนางเป็นอิสระ นางอาจวกกลับมาทําร้ายในภายหลัง แต่ถ้าเข้าหยิบยกวิธีที่นางกลัวมาข่มขู่ล่ะ?! รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะกล่าวออก “สาวน้อยจือเซียคิดว่าข้าจะทําอะไรเจ้าในยามราตรีศึกสงัดเช่นนี้เล่า? อย่ามัวฟุ้งซ่านไปเลย เราสามคนมาเล่นทายปริศนากันเถิด! ข้าเป็นผู้ตั้งคําถาม ส่วนเจ้าสองคนเป็นผู้ตอบ หากตอบถูกข้าจะจูบเจ้าเพียงครั้งเดียว แต่หากตอบผิด ข้าจะจูบเจ้าสองครั้ง”
“ทรามนัก!”
“บังอาจ!”
ภูตทะเลสาวและสตรีพรหมจรรย์ตะโกนขึ้นพร้อมกัน!
“เจ้าก่อน…”
เยี่ยฉวนหันไปมองภูตทะเลสาวที่เผยสีหน้ากระวนกระวายและมีท่าทีกระสับกระส่ายโดยไม่เก็บอาการก่อนเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
“ไหลี่ลี่ไหย่อมาจากผ้าไห่ หมายถึงมหาสมุทร ลี่ลี่ย่อมาจาก เหมยลี่ หมายถึงความงดงาม” ภูตทะเลสาวรีบตอบ แววตาร้ายกาจของอีกฝ่ายที่จ้องมองมาทําให้นางตระหนกยิ่ง!
“เอาล่ะ…ถามเจ้าบ้าง”
เยี่ยฉวนหันกลับมาหาหงจือเซียพร้อมเลื่อนสายตาสองรอบ ใบหน้าอย่างพิจารณาว่าจะบรรจงฝากฝังรอยจุมพิตไว้ที่พวงแก้มหรือริมฝีปากเล็กๆนั้นดี “จือเซียปีนี้เจ้ามีอายุครบเท่าไร?”
“สิบเจ็ด…”
สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียแค่นคําตอบลอดไรฟันอย่างอุ่นเคือง ถึงระนั้นนางก็ไม่กล้าสบถสาปแช่ง เช่นเดียวกับภูตทะเลลี่ลี่ที่หวาดหวั่นว่าเยี่ยฉวนจะระดมจูบนางเข้าจริงๆ
“ถ้าข้าปล่อยเจ้าเป็นอิสระ เจ้าจะหวนกลับมาจัดการข้าหรือไม่?”
“มะ ไม่เด็ดขาด!”
“ข้าไม่เชื่อคําพูดของผู้ใดง่ายๆ เจ้ากล้าสาบานด้วยเกียรติของราชินีแห่งเผ่าอสูรหรือไม่?!”
“ตกลง! ข้าสาบาน!”
“เจ้ามีศิษย์ร่วมสํานักผู้เป็นบุรุษเพศที่ปลาบปลื้มบ้างหรือไม่?!”
“ไม่มี
“มีศิษย์ชายที่ชื่นชอบเจ้าหรือไม่?”
“มีสิ”
“กี่คน?”
หนนี้หงจือเซียกลับปิดปากเงียบ
“ตอบเร็ว! ไม่เช่นนั้นข้าจะจูบเจ้า!”
“มะมีหลาย…หลายคนเลย!”
ปริศนาถามมาตอบไปของเยี่ยฉวนค่อยๆ ล้วงความลับทั้งมีประโยชน์และไร้ประโยชน์จากหญิงสาวทั้งสองหลายประการครั้นเรื่อง ส่วนตัวถูกเปิดเผย สตรีพรหมจรรย์ผู้มีกิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อยทั้งยังวางตนอยู่สูงส่งเหนือมวลชนเป็นนิจรู้สึกอับอายจนใบหน้าแดงก่ํา แต่เมื่อนอนอยู่ใต้ร่างของเยี่ยฉวนโดยที่ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจเช่นนี้ นางทําสิ่งใดไม่ได้นอกจากตอบตามความจริงเท่านั้น เยี่ยฉวนโน้มใบหน้าลงมาหมายจะจูบนางสองสามครั้ง โชคดีที่นางเอาตัวรอดได้ทัน
ท่ามกลางวิธีไต่สวนความอันแปลกประหลาดของเยี่ยฉวน เขาได้ถามไถ่ความลับมากมายจากฏตทะเลสาว เมื่อต้องรับมือกับสตรีผู้งดงามถึงสองคน ความอึดอัดในช่วงแรกพลันแปรเปลี่ยนเป็นครื้นเครง เมื่อได้หยอกล้อเล่นอย่างสนุกปากจนลืมตัวไปชั่วขณะ ทันใดนั้นกระแสจิตของเขากลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ริมฝีปากหนาปิดสนิทโดยฉับพลัน ครั้นเงยหน้ามองด้านหน้าจึงพบชายหญิงสองคนที่ยืนนิ่งอย่างตกตะลึงอยู่ตรงปากถ้ํา หญิงสาวผู้นั้นมีรูปร่างสูงโปร่ง และสง่างาม…ในมือของนางถือตะกร้าหวายใบหนึ่ง ส่วนผู้ชายมีรูปร่างอ้วนเตี้ย
เป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกเสียจากจูซื้อเจียและจ้าวต้าจื่อ!
“เยี่ยฉวน! ไอ้…ไอ้คนเจ้าชู้ คนน่ารังเกียจ!”
จูซื้อเจียโกรธจัดจนโยนตะกร้าหวายทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ก่อนหมุนตัวกลับและวิ่งจากไปพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น หากรั้งรอต่อไปเห็นที่นางคงเสียสติเพราะความแค้นเคืองเป็นแน่!
“ไม่นะ! เจียเจีย! เจียเจีย…”
แต่เมื่อไปถึงปากถ้ําและกวาดสายตามองโดยรอบกลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยของนาง
“เฮ้อ…ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้นะขอรับ!”
จ้าวต้าจื่อส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ เขาหยิบขนมที่ร่วงลงกับ พื้นหย่อนลงไปในตะกร้าหวายก่อนกล่าวออก “ทันทีที่ท่านกลับมา ศิษย์พี่หญิงเจียเจียอุตสาห์เข้าครัวข้ามวันข้ามคืนเพื่อทําขนมหน้าตาน่ารักเหล่านี้ให้ท่านด้วยตนเอง น่าเสียดายที่มาเห็นภาพบาดตาเสียก่อน..ท่านหักอกนางเสียแล้วล่ะ! ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเข้าใจว่าบุรุษเพศเวลามีรักไม่อาจหักห้าม หากหัวใจจะแปรเปลี่ยนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ท่านจะไม่ใส่ใจเวลาและสถานที่เช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ! แม้รีบร้อนเพียงใดท่านก็น่าจะหาคนมาดูต้นทางเสียหน่อยจะได้ไม่เจอเหตุการณ์น่าลําบากใจ เฮ้อ..”
เจ้าอ้วนคร่ําครวญไม่หยุดถึงความสะเพร่าของเยี่ยฉวน แต่เมื่อมองเห็นสตรีผู้งดงามสองนางที่นอนราบอยู่ภายในถ้ํา หยดน้ําตาแห่งความชื่นชมกลับหลั่งลงด้วยความยินดี ท่าทางที่เขาแสดงออกดูสับสน บางครั้งก็ตําหนิบางครั้งก็ยกย่องนับถือ หากปล่อยให้เขาพล่ามต่อไป เห็นทีคงออกทะเลไปกันใหญ่!
“นี่ เจ้าอ้วน หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระเสียทีเถอะ!”
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะด้วยไม่สบอารมณ์ที่อีกฝ่ายทึกทักเอาเองโดยไม่สนใจว่าเรื่องจริงเป็นมาอย่างไร ทําให้เขากลายเป็นคนบาปที่ต่อให้กระโดดลงไปในบ่อน้ําศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจชําระล้างความผิดเหล่านั้นได้! ทว่าเขายังไม่ทันกล่าวตําหนิจ้าวต้าจื่อ สายลมเย็นกลับพัดผ่านออกไปนอกตัวถ้ํา ครั้นหันไปมองจึงพบว่าสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียหลบหนีไปแล้ว เห็นเพียงแผ่นหลังอันสง่างามของนางที่อยู่ไกลลิบเท่านั้น
“เยี่ยฉวน…ฝากไว้ก่อนเถิด! ข้าไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้เด็ดขาด”
เสียงของนางดังขึ้นจากระยะไกลและค่อยๆแผ่วเบาลง แสงส่องประกายของเครื่องเคลื่อนย้ายโบราณสว่างวาบขึ้นในความมืด หงจือเซียเรียกใช้มันเพื่อลี้ภัยกลับไปยังสํานักอสูรเมฆาโดยเร็ว
ยอดฝีมือย่อมเอาตัวรอดจากอันตรายได้โดยราบรื่น สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียไม่สามารถทําอันตรายเยี่ยฉวนได้เพราะกลัวผิดคําสัตย์สาบาน ทําได้เพียงหลบหนีไปอย่างเงียบเชียบเท่านั้น แต่เหตุการณ์นี้จะยังฝังแน่นเป็นรอยแค้นในใจของนางอย่างไม่อาจลบเลือน! ส่วนภูตทะเลสาวลีลี่ยังคงนอนราบอยู่ที่เดิมโดยไร้การเคลื่อนไหว
“ศิษย์พี่ใหญ่ก่อเรื่องอีกแล้ว! ท่านทําสิ่งใดกับพวกนางกันแน่?”
จ้าวต้าจื่อเผยสีหน้าซีดเผือดขณะเอ่ยถามเยี่ยฉวนด้วยส้มเสียงละเหี่ยใจ
เยี่ยฉวนกล้ากระทําชําเราแม้แต่สตรีพรหมจรรย์แห่งสํานักอสูรเมฆาเชียวหรือนี่?! ความลุ่มหลงทางเพศบังตาเขาจนมืดบอดไปชั่วขณะหรืออย่างไร?! แม้เจ้าอ้วนไม่มีความรู้เรื่องดังกล่าว แต่เขาสันนิษฐานไว้ก่อนว่าการทํากิจกรรมทางเพศโดยที่อีกฝ่ายไม่สมยอมคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
สตรีพรหมจรรย์กล่าวคําขู่ทิ้งท้ายไว้เช่นนี้บรรดายอดฝีมือชั้นเลิศของสํานักอสูรเมฆาคงไม่มีทางนิ่งเฉยเป็นแน่!
ครั้นภาพกองทัพอันทรงพลังมหาศาลของสํานักอสูรเมฆาแวบเข้ามาในห้วงความคิด ร่างที่เต็มไปด้วยไขมันพลันสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว สํานักหมอกเมฆาของเขาเพิ่งประสบกับหายนะภายในจากการก่อกบฏของอาวุโสลําดับสาม พลังชีวิตของศิษย์ทุกคนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก หากอีกฝ่ายบุกเข้าโจมตีจริงละก็…ยอดฝีมือเพียงไม่กี่คนก็สามารถปราบปรามเยี่ยฉวนจนแพ้ราบคาบ!
“เจ้าอ้วน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะได้รับหน้าที่เป็นผู้ปกป้องทางเข้าสํานักหมอกเมฆาไม่มีเหตุจําเป็นห้ามกลับเข้ามาเด็ดขาด! หากคนของสํานักอสูรเมฆาบุกมาจริงเจ้าจะเป็นคนแรกที่คอยรับหน้า!” เยี่ยฉวนออกคําสั่งก่อนหมุนกายเดินกลับเข้าไปในถ้ํา การที่สตรีพรหมจรรย์หลบหนีไปก็ดีไม่น้อย เขาจะได้ไม่ต้องคอยระวังจนเกร็งไปหมดทั้งตัวเช่นนี้
“ไม่นะ!”
จ้าวต้าจื่อโอดครวญด้วยความตระหนกและหดหูต่อชะตากรรมของตน
เยี่ยฉวนเร่งฝีเท้าตรงไปหาภูตทะเลสาวทันที หงจือเซียไม่อยู่แล้วคนหนึ่ง การจัดการเรื่องต่างๆจึงกระทําได้ง่ายขึ้น!
“นะ…นั่นเจ้าจะทําอะไร?!” ลี่ลี่กระเสือกกระสนถอยหนีกระทั่งจนมุมเข้ากับผนังถ้ํา แม้นางขยับตัวได้บ้างแล้วทว่าพลังยังไม่ฟื้นคืนโดยสมบูรณ์ ครั้นเห็นเยี่ยฉวนเดินใกล้เข้ามา สีหน้าของนางกลับซีดเผือดด้วยความหวาดระแวง
“ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่ในสถานที่ที่งดงามเฉกเช่นดินแดนในอุดมคติ นับจากนี้เจ้าและตุ๊กตาหุ่นกระบอกจะกลายเป็นบริวารผู้ภักดีของข้า!”
เยี่ยฉวนเรียกโลหิตบริสุทธิ์ให้ไหลออกจากปลายนิ้ว จากนั้นจึงเหยียดแขนออกและบังคับให้หยดลงตรงบริเวณระหว่างคิ้วของภูตทะเลสาวพร้อมโคจรเคล็ดวิชาปีศาจกลืนกินสวรรค์ ทันใดนั้นแสงสีฟ้าพลันสว่างไสวไปทั่วบริเวณ ร่างงดงามของภูตทะเลลี่ลี่เลือนหายไปและเคลื่อนเข้าไปอยู่ภายในโคมบงกชสีครามโดยราบรื่น!