Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 199 สตรีวิกลจริต
“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ช่วยข้าที่! ศิษย์พี่หญิงใหญ่ขอรับ…”
หนาซานและหนาสู่ยพร้อมใจกันร้องลั่นขณะหลบหลีกอันตรายไปซ้ายทีขวาที่ซ้ําแล้วซ้ําเล่า อสูรหินทั้งหมดห้าตัวกําลังพุ่งเข้ามาในฐานทัพชั่วคราวและล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ แม้จะพยายามหนีเท่าใดก็ไม่อาจฝ่าวงล้อมออกไปได้ บัดนี้ทั้งสองหวาดกลัวสุดขีดจนแทบปัสสาวะรดกางเกง!
ศิษย์พี่ลู่และโท่วปาเซียงเพียวยืนอยู่บนหินผาสูงชันจึงรอดพ้นจากอันตรายพวกเขาอยากช่วยหนาซานและหนาสุยแต่กลับไม่ แข็งแกร่งพอกระบี่บินของโท่วปาเซียงเนียวพอจะช่วยสกัดกั้นอ สูรหินได้ตัวสองตัวในยามคับขันทว่าแรงฮึดสู้ของศิษย์พี่ลู่ผู้รับผิดชอบการโจมตีในแนวหน้ากลับมลายหายไปหมดสิ้นเขาได้แต่ยืนมองอย่างไร้ซึ่งหนทาง ต่อให้มีพละกําลังมากกว่านี้ก็ไม่กล้ากระโดดลงไปต่อกรกับอสูรหินถึงห้าตัว
แผนซุ่มโจมตีที่สมบูรณ์แบบกลับแปรเปลี่ยนเป็นการถูกล้อมพี่น้องแซ่หนาดิ้นรนเอาชีวิตรอดพลางคร่ําครวญประหนึ่ง เสียงร้องของภูตผีทั้งสองตะโกนขอความช่วยเหลือสลับกับสบถสาบานความเกลียดชังที่มีต่อเยี่ยฉวนยิ่งทวีคูณขึ้นราวกับสายน้ําเชี่ยว กรากต่อให้สาปแช่งไปอีกสามวันสามคืนก็ไม่อาจระบายความ เคียดแค้นที่มีได้หมด พวกเขาบอกเยี่ยฉวนให้ไปสํารวจเส้นทางและล่ออสูรหินมาที่นี่โดยไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะล่อมามากมายหลายตัวพร้อมกันเช่นนี้หากไม่เสียสติไปแล้วก็คงเจตนาฆ่าคนทั้งกลุ่มให้ตายที่นี่เป็นแน่
พี่น้องแซ่หนาร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวัง ทั้งสองกลิ้งตัวกับพื้นพยายามจะฝ่าวงล้อมออกมาหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่เป็นผลซ้ําร้ายการโต้กลับของพวกเขายังไร้ประโยชน์เมื่ออสูรหินหลบการโจมตี ได้อย่างง่ายดายในทางตรงกันข้ามหากอสูรเหล่านี้เหยียบย่ําพวกเขาต่อให้ไม่ตายผิวหนังก็คงหลุดลุ่ยไม่เหลือชิ้นดี
“พวกโง่ ขอให้สนุกล่ะ!”
ไกลออกไปบนก้อนหินที่ปกคลุมด้วยความมืดมิด เยี่ยฉวนเฝ้าดูสถานการณ์ด้วยสายตาเย็นชา รอยยิ้มเย็นเยียบผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อเห็นสองพี่น้องกําลังทุกข์ทรมาน
ด้วยความได้เปรียบที่คนสํานักเบญจลักษณ์มีจํานวนมากกว่าและการที่หลิวหงได้เป็นหัวหน้าทําให้พี่น้องแซ่หนาเริ่มเหิมเกริมหยาบคาย และไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้อยากรู้นักว่าจะจอ งหองไปได้อีกสักกี่น้ํา!
ต่อให้หลิวหงจะออกมาจากกระโจมในตอนนี้เยี่ยฉวนก็เตรียมแผนรับมือนางไว้แล้ว ทั้งยังมีวิธีจัดการกับสองพี่น้องอีกมากเล่ห์กลเพียงเล็กน้อยก็ทําให้พี่น้องแซ่หนาผู้กระหายอํานาจตกที่นั่งลําบากได้ไม่ยาก
อสูรหินทั้งห้ารวมตัวกันล้อมคนทั้งสองเอาไว้ก่อนเปิดฉากโจมตีพลังมหาศาลของพวกมันน่าเกรงขามยิ่ง เพียงหมัดเดียวก็ทําให้ก้อนหินแตกร้าวและเหยียบย่ําเพียงครั้งเดียวก็ก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่หนาซานและหนาสู่ยอกสั่นขวัญแขวนจนแทบสิ้นสติและกรีดร้องซ้ําแล้วซ้ําเล่าในไม่ช้าร่างกายของพวกเขาก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือดและคงอดทนได้อีกไม่นาน
วินาทีนั้นพลันเกิดแสงกระบี่เย็นเฉียบพุ่งออกมาจากในกระโจม
หลิวหงที่กําลังศึกษาเคล็ดวิชาอันลึกซึ้งโผล่ออกมาพร้อมร่างที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ นางกางแขนทั้งสองออกแลดูตัวเบาหวิวราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงบนกระบีบิน แววตาของหญิงสาวทอประกายวูบไหวก่อนหายวับไปโผล่ข้างหลังอสูรหินเศียรสุนัขดาบสั้นปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างก่อนจะจ้วงแทงเข้าไปที่ดวง ตาของมัน
“หนึ่ง”
หลิวหงตะโกนเสียงเย็นก่อนกระโดดไปหาอสูรหินตัวต่อไปโดยไม่ชายตามองตัวก่อนหน้าเสียด้วยซ้ํา หมัดขนาดเท่าอ่างล้างหน้าเหวียงเข้าใส่นางทันทีแต่กลับปะทะเพียงอากาศว่างเปล่า
ในช่วงวินาทีคอขาดบาดตาย หลิวหงเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่บินและถอยหลบด้วยความเร็วอันน่าทึ่งขณะที่หมัดมหึมาอยู่ห่างจากช่องท้องเพียงครึ่งนิ้วเท่านั้น แสงกระบี่ส่องสว่างอีกครั้งก่อนที่อสุรหินจะตาบอดไปอีกตัว
“สอง!”
ร่างอ่อนช้อยและสง่างามหมุนตัวกลางอากาศและกระโดดลงบนอสูรหินตัวถัดมา ทุกท่วงท่าแลดูบางเบาและงดงามทว่าการโจมตีกลับรุนแรงยิ่งใบมีดทุกเล่มที่พาดผ่านท้องฟ้าทําให้อสูรหิน สูญเสียดวงตาตัวแล้วตัวเล่าไม่นานนักอสูรหินทุกตัวที่บุกรุกฐาน ทัพชั่วคราวล้วนแต่ดวงตามืดบอดและกลายเป็นเป้านิ่งที่มีชีวิตก่อนจะถูกโท่วปาเซียงเนียวและคนอื่นๆ สังหารจนหมดสิ้น
“เคล็ดวิชาขนปักษาสีคราม… ยัยปีศาจร้าย นี่นาง… ฝึกตนจนสําเร็จจริงหรือนี่?!”
เยี่ยฉวนที่ยืนกอดอกมองอยู่บนโขดหินไกลๆ ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
โท่วปาเซียงเนียวและผู้อื่นไม่อาจมองทะลุเคล็ดวิชาของหลิวหงทว่าเยี่ยฉวนกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามคือเคล็ดวิชาที่เขาสลักลงบนก้อนผลึกมนุษย์ก้อนใหญ่ ผู้ที่ฝึกฝนจนสําเร็จจะมีร่างกายเบาหวิวราวกับขนนกและมีความเร็วเทียบเท่าอินทรีหิมะสีครามดังชื่อวิชา เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวนี้เป็นเคล็ดวิชาป ระจําตัวของดวงวิญญาณเก่าแก่นามปีศาจขนปักษาสีครามเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว เขาภาคภูมิใจและหยิ่งยโสมากจนกระทั่งถูกเยี่ยฉวนตัดคอและแย่งชิงวิชานี้ไป
หลังชิงเคล็ดวิชาขนปักษาสีครามมาได้ เยี่ยฉวนศึกษาเพียงคร่าวๆ และไม่ได้ฝึกฝนอย่างลึกซึ้งมากนัก ก่อนจะเกิดความคิดสลักมันลงบนก้อนผลึกมนุษย์ขนาดใหญ่พร้อมกับขั้นตอนของเคล็ดวิชาอื่นๆ อีกมากมายจนแลดูน่าสับสน ทว่าหลิวหงยังสามารถศึกษาและฝึกฝนจนสําเร็จได้! นางมารร้ายผู้นี้เป็นมนุษย์ธรรมดาจ ริงหรือ?! นางใช้เวลาฝึกนานเท่าใดกัน?!
จิตใจของเยี่ยฉวนเต้นรัวและพูดไม่ออก
เดิมที่เขาเพียงต้องการกลั่นแกล้งหลิวหงจอมเจ้าเล่ห์เท่านั้นแต่ดูเหมือนว่านางจะเป็นมารร้ายโดยแท้! แม้การฝึกตนของนางจะก้าวหน้าขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น แต่นางไม่เกรงว่าการฝึกเคล็ดวิชาที่ถูกบันทึกไว้อย่างยุ่งเหยิงจะทําให้พลังปราณแปรปรวนจนสมองระเบิดหรอกหรือ?
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะเมื่อการคาดเดาที่ถูกต้องในตอนแรกกลับมีผลลัพธ์อันน่าเหลือเชื่อ
พี่น้องแซ่หนารีบหลบไปข้างหนึ่งพลางหอบหายใจแรงหนาซานผู้มีเหงื่อไหลโซมกายรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่กางเกงของหนาสู่ยผู้เหลือขาเพียงข้างเดียวนั้นเปียกโชก หากหลิวหงลงมือช้ากว่านี้เพียงนิดคงไม่มีผู้ใดบอกได้ว่าพวกเขาจะรอดหรือไม่ แต่อย่างน้อยคงต้องเสียขาอีกข้างไปเป็นแน่!
“ฮ่าๆๆ ห้า!”
หลิวหงหัวเราะสุดเสียงเมื่อแสงกระบี่ครั้งที่ห้าทําให้อสูรหินตัวสุดท้ายตาบอดสนิท ที่พักชั่วคราวแห่งนี้เข้าง่ายแต่ออกยากเสียจริง!
แสงเย็นเยียบสว่างวาบเมื่อหลิวหงเหยียบกระบี่บินมายังก้อนหินที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ นางเชิดหน้าขึ้นสูงก่อนกล่าวออกเสียงดัง“เคล็ดวิชาขั้นเทวาลัย! ฮ่าๆๆ นี่สิเคล็ดวิชาขั้นเทวาลัยที่แท้จริง! ข้าอยากเกิดใหม่เป็นขนนกสีครามเสียจริง ใครก็ตามที่ขวางทางต้องถูกฆ่าให้หมด ฮ่าๆๆ”
หลิวหงฮึกเหิมเกินบรรยายพลางฟาดฟันกระบี่ไปข้างหน้าจนบังเอิญโดนกระโจมโดยไม่ตั้งใจ กระโจมโอ่อ่าระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับก้อนผลึกมนุษย์ก้อนใหญ่!
และแล้วสมบัติอันล้ําค่าก็ถูกทําลายง่ายๆ เช่นนี้เอง.. หนาซานและหนาสู่ยเผยสีหน้าเสียดายอย่างสุดซึ้ง พวกเขาคิดอยากลอบศึกษาเคล็ดวิชานี้แต่โอกาสเดียวได้ถูกทําลายไปตลอดกาลเสียแล้ว หลิวหงยังคงแผดเสียงหัวเราะต่อไปอย่างไม่แยแส นางได้จารึกอักขระทุกตัวเส้นสีแดงทุกเส้น และจุดสีแดงทุกจุดบนก้อนผลึกไว้ในหัวแล้ว ก้อนผลึกมนุษย์จึงไม่จําเป็นอีกต่อไป
“ยัยปีศาจร้าย…. คิดว่าจะทําตัวตามใจชอบได้งั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนสายศีรษะ เป็นการดีที่ก้อนผลึกมนุษย์ของปลอมนี้ถูกทําลายถึงจะยอมรับว่าเป็นผู้ปลอมแปลงมันขึ้นมาก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อแต่ต่อให้หลิวหงจะแข็งแกร่งขึ้นเพียงใดก็ยังไม่อาจทําตัวหยิ่งผยองได้ตามใจหลายล้านปีที่แล้วปีศาจขนปักษาสีครามผู้อยู่ในยุครุ่งโรจน์ของตนยังถูกกระบี่ของเยี่ยฉวนปลิดชีพได้ แล้วหลิวหงจะ แข็งแกร่งไปมากกว่าเขาได้อย่างไร?
เยี่ยฉวนยกยิ้มเย็นเยียบขณะนั่งขัดสมาธิลง ชายหนุ่มหยิบก้อนผลึกมนุษย์หลายก้อนออกมาก่อนเริ่มศึกษายอดเคล็ดวิชาจากโลกที่สูงส่งยิ่งกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์