Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 205 หยาดโลหิตมังกรปีศาจ
บทที่ 205 หยาดโลหิตมังกรปีศาจ
โท่วปาเซียงเพียวรีบหนีออกจากปาหมื่นอสูรสุดฝีเท้า เมื่อหันกลับไปจึงเห็นศิษย์พี่ลู่ หลิวหง และคนอื่นๆ ถูกอสูรหินล้อมอยู่ อีกด้านหนึ่งอสูรหินจํานวนมากกําลังกล้มรุมเยี่ยฉวนที่ต่อสู้อยู่เพียงลําพังบางครั้งอสูรหินร่างสูงใหญ่จะกรูไปรวมกันและระเบิดออกเป็นชิ้นๆทับเยี่ยฉวนจนมิด
บนพื้นดินมีอสูรหินนับร้อยตัวและยังหลั่งไหลออกมาจากบริเวณใกล้เคียงไม่รู้จบ ขณะที่บนฟ้ามีฝูงวิหคทรราชย์บินฉวัดเฉวียนรอโอกาสโฉบลงมาในสถานการณ์เช่นนี้แม้แต่ปรมาจารย์แห่งเต่ยังไม่อาจรอดพ้นอย่างไร้รอยขีดข่วนได้ แล้วเยี่ยฉวนจะรับมืออย่างไร?
มือและเท้าของโท่วปาเซียงเพียวเย็นเฉียบ นางคิดจะหันหลังกลับไปช่วยแต่ก็ต้องยอมแพ้
การฝึกตนของนางอยู่เพียงขั้นซิวฉือระดับสี่ แค่หนีออกจากปาหมื่นอสูรได้ก็นับว่าโชคช่วยอย่างยิ่งแล้ว หากนางนุ่มบ่ามกลับไปไม่เพียงจะไม่สามารถช่วยเยี่ยฉวนได้แต่ยังเป็นการรนหาที่ตายเสียเปล่ามิหนําซ้ํายังอาจลากเขาไปตายกับนางด้วย
เสียงดังกึกก้องภายในปาหมื่นอสูรยังคงแว่วมาเข้าหูแม้จะยืนอยู่ที่ชายป่าแล้วก็ตาม
อสรพิษครึ่งคนราวสามสิบตัวที่เป็นแนวป้องกันด่านสุดท้ายเริ่มเคลื่อนไหวพวกมันเลื้อยตรงเข้ามาหาเยี่ยฉวนเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ลูกมังกรปีศาจสีขาวราวกับหยกชูคอขึ้นสูงและเปล่งเสียงคํารามลั่นทําให้เหล่าอสูรหินในปาดุร้ายยิ่งขึ้น พวกมันเปิดฉากโจมตีอย่างโหดเหี้ยมแต่เยี่ยฉวนยังคงไม่เพลี่ยงพล้ํา ทว่าศิษย์พี่ลู่และคนอื่นๆ คง ต้านทานได้อีกไม่นานนัก
หนาสุ่ยแห่งสํานักเบญจลักษณ์ผู้เหลือขาเพียงข้างเดียวโอดครวญอสูรหินเศียรสุนัขกัดเข้าที่คอของเขา “กรอบ!” คอของชายหนุ่มหักและล้มลงกับพื้นทันที
“น้องรอง!น้องรอง…”
หนาซานกรีดร้องและพุ่งเข้าไปช่วยอย่างไม่คิดชีวิต ฉับพลันอสูรหินเศียรพยัคฆ์กระโจนเข้ามาจากด้านข้างและกดเขาลงกับพื้นร่างของมันหนักเทียบเท่ากับภูเขาขนาดย่อม หนาซานจึงถูกทับจนแบ นราบไปกับพื้นอย่างไม่อาจต้านทานได้หลิวหงยืนมองอย่า งเย็นชาตั้งแต่ต้นจนถึงลมหายใจสุดท้ายหากเอื้อมมือไปช่วยดึงอ อกมาเพียงนิดเขาคงรอดชีวิตทว่าหญิงสาวกลับหลบหลีกการโจมตีของอสูรหินอย่างไม่แยแส
“ข้าผิดเอง น้องรอง พวกเรา… คิดผิดไป…”
หนาซานเอ่ยเสียงแผ่วในลําคอพลางมองดูก้อนเมฆบนท้องฟ้าก่อนสิ้นลม
เขาจากไปพร้อมกับความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งเขาเสียใจที่ไม่ทําตามคําสั่งของเยี่ยฉวนเหมือนโท่วปาเซียงเนียว หากสองพี่น้องวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งสุดชีวิตก็คงรอดพ้นจากปาหมื่นอสูรและไม่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งเช่นนี้แล้ว
เสียงกรีดร้องอันน่าหดหูชวนขนหัวลุกดังขึ้นอีกครั้ง
ศิษย์พี่ลู่ล้มลงเช่นกันร่างกํายําของเขาไม่อาจเทียบชั้นเหล่าอสูรหินที่มีร่างกายเป็นหินผาหนักแน่น ความกดดันทวีคูณขึ้นหลัง เห็นการตายของหนาซานและหนาสุยจนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
ด้านหลิวหงที่เคยแสร้งทําเป็นอ่อนแอกลับใช้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามเคลื่อนตัวหลบหลีกการโจมตีของบรรดาอสูรหินอย่างคล่องแคล่วความเร็วของนางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และลอยละล่องไปรอบปาหินราวกับขนนกท่วงท่าของนางพลิ้วไหวและสง่างามจนผู้ที่ได้มองเป็นต้องเคลิบเคลิ้มโท่วปาเซียงเนียวที่ยืนอยู่ตรงชายปาเงยห น้าขึ้นมองทว่าความเร็วทําให้ใบหน้าของหลิวหงพร่ามัวจ นมองเห็นเพียงเรียวขาขาวบินร่อนไปรอบๆเท่านั้น
เยี่ยฉวนเองก็ตกอยู่ในอันตรายเมื่ออสรพิษครึ่งคนกว่าสามสิบตัวเข้าร่วมการต่อสู้และมีภัยร้ายซุกซ่อนอยู่โดยรอบ มังกรปีศาจตัวเล็กลอยอยู่กลางอากาศกระดูกที่งอกออกมากลางหลังพร้อมเคลื่อนไหวหากมันจู่โจมด้วยตนเองเมื่อใดคงร้ายแรงถึงตายเป็นแน่
โท่วปาเซียงเนียวร้อนรนขึ้นมาทันใด หัวใจของนางสั่นระรัวจนแทบหายใจไม่ออก
ทันใดนั้นเกิดเสียงร้องเพลงปริศนาดังกังวานขึ้นในปาหินแห่งนี้
เสียงเพลงแผ่วเบาราวกับเสียงของหญิงสาวที่กําลังพรั่งพรูความในใจและเสียงร้องเพลงของนางฟ้าที่ร่วงหล่นจากสวรรค์…. ให้ความ รู้สึกเหนือจินตนาการประหนึ่งไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แน่นอนว่าไม่ มีผู้ใดได้ยินชัดว่าบทเพลงร้องว่าอะไรแต่น้ําเสียงและจังหวะกลับ สะกดผู้คนให้ตกอยู่ในภวังค์
สติของโท่วปาเซียงเนียวหลุดลอยไปจนลืมว่าตนเองอยู่ที่ใดราวกับถูกดึงกลับไปยังสํานักเครื่องนิลและหวนคืนสู่วัยเยาว์อัน ไร้กังวลหยิงสาวยืนนิ่งและหลงลืมความร้อนใจ วิตกกังวล และปัญหา… หลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดสิ้น
ภายในปา อสูรหินทุกตนในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรจากเยี่ยฉวนหยุดนิ่งไม่ไหวติงในท่าทางที่แตกต่างกันไปราวกับถูกแช่แข็งฉับพลันหากโท่วปาเซียงเพียวฟื้นคืนสติตอนนี้จะเห็นหญิงสาวในชุดคลุมสีดําสง่างามยืนอยู่ข้างเยี่ยฉวนตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบ ผิวพรรณของนางเนียนละเอียดจนหญิงใดที่เคยผ่านตาก็มิอาจเทียบเทียม ใต้ ฝ่าเท้ามีรอยเปียกชื้นประหนึ่งเพิ่งขึ้นมาจากน้ํา
บทเพลงของภูตทะเล!
เยี่ยฉวนไม่อาจฝาวงล้อมออกไปได้จึงอัญเชิญภูตทะเลสาวไหลี่ลี่ออกมาจากโคมบงกชสีคราม ความสามารถเฉพาะตัวของเผ่าภูตทะเลใช้ได้ผลชะงัดนัก!
การที่เยี่ยฉวนให้โท่วปาเซียงเนียวและคนอื่นๆ แยกกันฝ่าวงล้อมออกไปขณะที่เขาดึงความสนใจฝูงอสรพิษครึ่งคนนั้นไม่ใช่การลงมือตามสัญชาตญาณหากแต่เป็นการวางแผนเอาไว้แล้ว ภูตทะเลผู้ลึกลับได้กลายเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา! การอัญเชิญนางในเวลานี้มีประโยชน์กว่าวิญญาณร้ายเฮยกุ้ยมากเพราะความสามารถ โดยกําเนิดของนางนั้นอัศจรรย์ยิ่ง!
ได้เวลาแล้ว!
เยี่ยฉวนที่ยืนหยัดต้านทานการโจมตีของอสูรหินมานานเก็บก้อนผลึกมนุษย์สีฟ้าและภูตทะเล ก่อนพุ่งเข้าใส่มังกรปีศาจสีขาวพร้อมตวัดใบมีดคมกริบในมือจนเกิดแสงสว่างวาบ!
บัดนี้มังกรปีศาจอันน่าพิศวงแข็งที่ออยู่กับที่เช่นเดียวกับอสูรนตัวอื่นๆ เป็นจังหวะเหมาะที่จะฝ่าวงล้อมออกไปและเป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะสังหารมังกรร้ายได้
แสงใบมีดเย็นเยียบแล่นริ้วผ่านท้องฟ้าเหนือปาหมื่นอสูรที่มีม่า
นหมอกปกคลุม
ใบมีดของเยี่ยฉวนเฉือนเข้าผิวหนังของมังกรปีศาจดังใจหวังหยดเลือดสีขาวราวน้ําซุปหลั่งริน ทว่าใบมีดกลับติดอยู่ที่คอโดยไม่อาจแทงทะลุลงไปถึงกระดูก แม้จะรวบรวมพลังจากยันต์กลืนกิ สวรรค์ทั้งห้าก็ไม่สามารถแทงทะลุลําคอของมันได้ ด้วยพลังระดับนี้หากเป็นอสรพิษครึ่งคนคงถูกฟันขาดสะบั้นไปแล้ว!
ใบมีดคมกริบที่เพิ่มพลังถึงเก้าหมื่นจินยังไม่อาจตัดผ่านผิวหนังของมันได้ แล้วร่างกายของมันจะแข็งแกร่งมากมายเท่าใดกัน?!
ยิ่งไปกว่านั้นมังกรตัวนี้เป็นเพียงลูกมังกรแรกเกิด หากเป็นมังกรปีศาจโตเต็มวัยจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด?!
เยี่ยฉวนตกตะลึง ขณะที่เขากําลังจะใช้ใบมีดอีกแปดใบหางของมังกรปีศาจก็พลันเคลื่อนไหว ร่างของมันแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวก่อนบินออกไปจากปาหมื่นอสูรอย่างรวดเร็ว
“จะหนีไปไหนไอ้หนูน้อย?”
เยี่ยฉวนใช้เคล็ดวิชาอันไร้เทียมทานไล่ตามด้วยความเร็วสูงสุดน่าเสียดายที่เขาช้าไปเพียงหนึ่งก้าวเมื่อมังกรปีศาจตัวน้อยหายไปในม่านหมอกทึบที่ปกคลุมพระราชวังจ้าวเทียนเสียแล้ว แผ่นดินเบื้องหลังสั่นสะเทือนก่อนเหล่าอสูรหินจะจมลงสู่พื้นดิน ปาหมื่นอสูรที่อันตรายกลับคืนสู่ความสงบท่ามกลางสายหมอกดังเดิม ตอนนี้ ในมือของเยี่ยฉวนมีเพียงใบมีดหักๆ เปรอะด้วยของเหลวที่ไหลรินสู่นิ้วมือหรือนี่จะเป็นหยาดโลหิตของมังกรปีศาจ?! เยี่ยฉวนตื่นเต้ นทันใดเมื่อโคมบงกชสีครามภายในร่างพลันร้อนระอุขึ้นมา!