Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 44 คนประหลาด

บทที่ 44 คนประหลาด

เยี่ยฉวนเห็นศิษย์ร่วมสำนักหลายคนเหยียบกระบี่บินเหาะไปยังหุบเขามังกรปีศาจอย่างเร่งรีบ แต่กลับคว้าน้ำเหลวเพราะมาถึงช้าเกินไปก็ลอบร้องตะโกนอย่างยินดี ครั้นท้องฟ้าเริ่มสว่างแจ่มใส จึงเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางเพื่อกลับยอดเขาเมฆาอินทนิล

เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น ก่อนเรียกโคมบงกชสีครามออกมาพินิจ…

โคมน้อยไร้ลวดลายประดับดวงนี้แวววาวสดใสกว่าครั้งแรกที่ได้มาจากสุสานเทพเจ้า ทั้งยังปรากฏลำแสงสีมรกตจางๆ หมุนเวียน ราวดวงจิตลึกลับเก่าแก่ที่สถิตอยู่ภายในถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง ร่างกายของเขาสัมผัสถึงความอบอุ่นจากโคมที่ส่องแสงวูบสลัว…ยันต์กลืนกินสวรรค์ก็สนองตอบต่อพลังงานนั้นเช่นกัน

บนตัวโคมปรากฏจุดเล็กๆ สีดำสองจุดที่เคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเรื่อยๆ ประหนึ่งมีชีวิต พินิจใกล้ๆ จึงจะเห็นว่าจุดหนึ่งเป็นรูปของราชันจักจั่นทองคำ ส่วนอีกจุดเป็นรูปลูกหมูป่าขนสีขาว เพียงเขาส่งกระแสจิตควบคุมพวกมันด้วยปลายนิ้ว…บริวารอสุรกายทั้งสองก็ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้า

ราชันจักจั่นทองคำกลายร่างเป็นแสงสีทองขณะร่อนลงเกาะบนฝ่ามือของเยี่ยฉวน ปีกทั้งสี่กระพือเบาๆ จนเกิดกระแสลมเย็นแผ่ว กระพุ้งทั้งสองบนลำตัวของมันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกว่ามันใกล้จะมีหกปีกเต็มที ส่วนลูกหมูป่าขนสีขาวยังคงนอนหลับอุตุราวหมีแพนด้าน้อย ใครจะเชื่อว่าลูกหมูน่ารักตัวนี้แข็งแกร่งถึงขั้นกัดอสรพิษยักษ์เก้าหัวจนถึงแก่ชีวิต!

เขาไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่แต่อย่างไรก็ไม่รู้ที่มาของลูกหมูตัวนี้ หลายล้านปีก่อนสมัยเขายังเป็นมหาปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์ มีครั้งหนึ่งที่ได้ตรวจตราเจ็ดแว่นแคว้นผ่านเคล็ดวิชาลางสังหรณ์โบราณ และใช้สองขาหยั่งสำรวจดินแดนอรัญญิก ทว่าไม่พบความทรงจำใดเกี่ยวข้องกับพันธุ์หมูป่าอสูรชนิดนี้แม้แต่น้อย จึงสันนิษฐานว่ามันอาจกลายพันธุ์มาจากอสุรกายยุคโบราณที่เหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน หรือไม่ก็อาจกลายพันธุ์ในช่วงที่เขาถูกขังอยู่ในสุสานเทพเจ้านานนับล้านปี…

หลังเวลาผันผ่านจากภพชาติก่อนสู่ภพปัจจุบัน ครั้นหนีออกจากสุสานเทพเจ้าและถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง สภาพแวดล้อมรอบกายยังคงเดิม ทว่าเหล่าสหายที่คุ้นเคยเช่นราชินีเนตรอสูรสีครามที่อยู่เคียงข้างมายาวนาน รวมถึงราชาโอสถหัตถ์วิญญาณผู้เคยสนิทชิดเชื้อก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย…ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาไม่อาจหยั่งรู้ว่าในดินแดนอรัญญิกมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ทว่าเหตุการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือการกลายพันธุ์ของอสุรกายนับไม่ถ้วน

“ลูกหมูตัวนี้เพียงอาศัยอยู่ข้างหุบเขามังกรปีศาจก็กลายพันธุ์เป็นอสูร แล้วก้นเหวอันลึกลับนั่นเล่า…จะมีอะไรอาศัยอยู่บ้าง? มีมารปีศาจหรืออสุรกายดุร้ายตนใดซ่อนกายอยู่กันแน่?!”

จิตใจของเยี่ยฉวนเดือดพล่านด้วยความใคร่รู้…

ภพชาติก่อนเขามีราชินีอสูรเนตรสีครามและราชาโอสถหัตถ์วิญญาณคอยตามรับใช้ไม่ห่าง ยังไม่รวมบริวารอสูรตนอื่นๆ อีก ภพชาตินี้หากเขาต้องการครองตนเป็นใหญ่ หากต้องการทวงคืนทุกสิ่งที่สูญเสียไปในดินแดนอรัญญิกอีกครั้ง…อาศัยแรงกำลังของตนผู้เดียวอาจไม่เพียงพอ เขาต้องรวบรวมกองทัพอสูรกลายพันธุ์ที่ดุร้ายราวนักล่าพยัคฆ์เพื่อให้รุ่งโรจน์เกรียงไกรยิ่งกว่าภพก่อน! ดังนั้นการสร้างพันธะเลือดกับสัตว์อสูรเหล่านั้นจึงเป็นวิธีที่ประเสริฐยิ่ง!

เขาตั้งใจว่าหากการประลองครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างสามสำนักผ่านพ้นไป จะเข้าไปสำรวจบริเวณหลังยอดเขาเมฆาอินทนิลให้ลึกกว่าทุกครั้ง ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูดวงจิตที่ได้รับบาดเจ็บให้แข็งแรง และฝึกตนให้บรรลุในระดับขั้นที่สูงกว่าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประลองที่ใกล้เข้ามา…

ครั้นคิดดังนั้น เขาจึงส่งกระแสจิตสั่งให้ราชันจักจั่นทองคำและลูกหมูป่าขนสีขาวเข้าไปโคมบงกชสีครามดังเดิม จากนั้นจึงหยิบผลชิ่งหยางออกมาพิจารณาโดยละเอียดทีละลูก…กลิ่นหอมของมันตอบอวลฟุ้งไปทั่วห้องตำรา

เขาพลิกตรวจสอบจนพอใจแล้วจึงค่อยๆ กัดกินผลชิ่งหยางหนึ่งคำ ทันใดนั้นปลายลิ้นของเขาได้สัมผัสกับรสชาติหวานล้ำเลิศ! ความหวานละมุนนั้นกล่อมให้จิตวิญญาณของเขารู้สึกผ่อนคลาย ทั่วทั้งร่างกายและท้องน้อยพลันรู้สึกร้อนผ่าว!

เลิศรส!

รสชาติยอดเยี่ยมเสียจริง!

เขากัดกินผลชิ่งหยางอีกคำอย่างไม่รีรอจนความร้อนแผ่ซ่านขึ้นมาจากบริเวณท้องน้อย ขณะนั้นเองดวงจิตที่บาดเจ็บก็ถูกเยียวยาจนหายเป็นปลิดทิ้งอย่างน่าอัศจรรย์ ร่างกายส่งสัญญาณว่ากำลังจะบรรลุสู่ขั้นซิวฉือ! ความรู้สึกนี้เหมือนเขาในภพก่อนที่ร่ำเรียนครบสามพันเคล็ดวิชาและรับรู้ว่าตนกำลังจะเป็นมหาปราชญ์…ยินดีปรีดาราวจินจื่อคุนผู้แข็งแกร่งที่รับรู้ว่าตนกำลังบรรลุกายหยางอันศักดิ์สิทธิ์!

เมล็ดพันธุ์ชิ่งหยางที่เขาได้มาโดยบังเอิญจากตลาดมืด สร้างผลลัพธ์อันน่าประหลาดใจให้เขาไม่หยุดหย่อน!

เขากัดกินมันไปเพียงสองคำยังรู้สึกว่าดวงจิตรวมถึงร่างกายแข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงนี้ ดังนั้นจึงกลืนผลที่เหลืออยู่ลงคอในคราวเดียว จากนั้นทั่วทั้งร่างของเขากลับร้อนรุ่มประหนึ่งภูเขาไฟ…เลือดที่ไหลเวียนอยู่ภายในเดือดพล่านราวลาวา! แม้ร่างร้อนดุจเปลวเพลิงโหมกระหน่ำทว่าเขากลับรู้สึกโล่งสบายยิ่ง ทุกรูขุมขนเปิดกว้างดูดซับปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินอย่างกระตือรือร้น และแล้วอวัยวะภายในร่างของเขาทั้งหมดก็เปล่งประกายสีทองเจิดจ้า!

การกลั่นโลหิต!

ขั้นอู่เจ๋อระดับที่เจ็ด!

เยี่ยฉวนบรรลุสู่ระดับสูงสุดของขั้นอู่เจ๋อโดยทันที! ปราณหยางฉีไหลเวียนอย่างแผ่วเบาในร่างกายเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการควบแน่นครั้งที่สองของยันต์กลืนกินสวรรค์ นั่นหมายความว่าหลังจากนี้หากทักษะการฝึกตนของเขาก้าวหน้าขึ้น เขาอาจละทิ้งซึ่งความเป็นมนุษย์สามัญ สู่ความเป็นผู้ฝึกตนขั้นซิวฉือที่มีอายุขัยยืนยาวและทรงพลังยิ่ง เส้นทางการท้าทายอำนาจสวรรค์ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง!

ความกังวลภายในจิตใจของเขามลายหายสิ้นเมื่อสัมผัสถึงความก้าวหน้าด้านทักษะการฝึกตน แม้เขาเคยเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ผู้มากประสบการณ์ ยังไม่คาดคิดว่าจะบรรลุในแต่ละขั้นจนเข้าใกล้เป้าหมายได้รวดเร็วเพียงนี้!

‘นี่ล่ะ…ความเย้ายวนของการฝึกวิทยายุทธ์!’

เยี่ยฉวนสัมผัสถึงเสน่ห์ดึงดูดที่แตกต่างจากภพก่อนของเขาเมื่อหลายล้านปีผ่านมา เส้นทางและแต่ละขั้นของการฝึกตน ล้วนมีเรื่องราวมากมายที่สร้างความประทับใจแก่ศิษย์ผู้มีความเพียรพยายาม ทำให้พวกเขาไม่ยอมพ่ายแพ้และพุ่งทะยานข้ามขีดจำกัดของตนอย่างไม่จบสิ้น

ก่อนหน้านี้เยี่ยฉวนให้ความสำคัญกับขั้นอู่เจ๋อยิ่ง เพราะเป็นหัวใจสำคัญในการวางรากฐานที่มั่นคงของพลังยุทธ์และช่วยให้ดวงจิตของเขาบรรลุสู่ระดับที่สูงขึ้นภายในระยะเวลาอีกไม่กี่วัน ศิษย์ผู้อื่นอาจรู้สึกตื่นเต้นที่ทักษะการฝึกตนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทว่าสำหรับเขายังคงกังวลที่ตนบรรลุถึงขั้นซิวฉือไวเกินควร และไม่ได้ทำการหยั่งรากบ่มเพาะทักษะอย่างจริงจัง

พรึ่บ!

เยี่ยฉวนท่องเคล็ดวิชาปลดปล่อยดวงจิตออกจากร่าง พร้อมแผ่กระแสจิตบริสุทธิ์ออกไปสัมผัสบรรยากาศภายนอก…

กลิ่นหอมหวลของผลชิ่งหยางยังตลบฟุ้งทั่วห้องตำรา

ตะขาบที่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุมกำแพงด้านนอกเลื้อยหนีอย่างตื่นตระหนก เมื่อสัมผัสถึงปราณหยางที่แผ่ออกจากร่างกายของเขา!

ท้องนภาเหนือยอดเขาเมฆาอินทนิล ปรากฏปราณวิญญาณแห่งฟ้าดินที่แปรปรวนพลุ่งพล่านราวกระแสน้ำวนในท้องมหาสมุทรอันงดงาม

ดวงจิตของเขาลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวเหาะอยู่เหนือก้อนเมฆ และบินไปตามกระแสหมอกที่ถูกสายลมพัดพา กระแสจิตอันบริสุทธ์ของเขาแผ่พลังออกไปไกลลิบ…

ดวงจิตของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีพลังสูงขึ้นถึงสามเท่า กระแสจิตบริสุทธิ์แผ่ขยายจากลานกว้างขึ้นไปเหนือยอดเขาเมฆาอินทนิล ในที่สุดก็กระจายครอบคลุมทั่วทุกยอดเขาในปกครองของสำนักหมอกเมฆา

ทันใดนั้นกระแสจิตบริสุทธิ์ของเขาพลันรู้สึกถึงความร้อนรุ่มราวเปลวเพลิงแผดเผา เสียงคำรามก้องและเสียงอุทานดังลั่นชัดเจน! ครั้นเพ่งพิศอย่างถี่ถ้วนจึงตระหนักว่าความร้อนนั่นไม่ได้เกิดจากการเผาไหม้ แต่เกิดจากยอดฝีมือเร้นลับผู้หนึ่งที่ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ! ชายผู้นั้นเดินเพียงก้าวเดียวกินระยะทางกว่าหนึ่งร้อยเมตร…วงแขนแข็งแรงของเขากำลังอุ้มผู้โชคร้ายรูปร่างอ้วนเตี้ย เหยื่อรายนั้นพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังพลางตะโกนขอความช่วยเหลือ เสียงนั้นช่างน่าคุ้นเคยยิ่ง!

เจ้าอ้วนรึ?!

เยี่ยฉวนสะดุ้งสุดตัวจนดวงจิตกลับเข้ากายหยาบอย่างรวดเร็ว…สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แต่ก่อนที่จะทันได้ช่วยเหลือ เสียงร้องของจ้าวต้าจื่อกลับดังขึ้นจากทางเชิงเขา ทันใดนั้นแขกไม่ได้รับเชิญที่มีเปลวไฟลุกท่วมทั่วร่างผู้นั้น ก้าวตรงมายังลานกว้างบนยอดเขาเมฆาอินทนิลอย่างเร่งร้อน!

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness, 蛮荒风暴
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทนำ ณ ห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล…เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าและบรรดาลูกศิษย์ในสำนักนับพันชีวิตต่างจ้องมองไปทางเดียวกันอย่างไม่เชื่อสายตา! ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้วในสุสานเทพเจ้าเมื่อสามเดือนก่อน! แม้แต่ผู้พิทักษ์ขั้นซิ่วฉือระดับห้ายังถูกลอบโจมตีจนสิ้นชีพ แล้วเหตุใดผู้ที่บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่หนึ่งเช่นเขาจึงมีชีวิตรอดจากหายนะในภารกิจครั้งนั้น?! ใช่…เขาตายไปแล้ว… ‘เยี่ยฉวน’ คนเก่าจอมขลาดเขลาและเหยียมอายคนนั้นตายไปแล้ว! บัดนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเยี่ยฉวนคนใหม่ที่ฝึกตนจนบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับสี่โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน! เขาได้พบเคล็ดวิชาลึกลับ ‘ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์’ จากสุสานเทพเจ้าโดยบังเอิญ วิชานี้มีพลานุภาพมหัศจรรย์เหนือกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เสียอีก! หากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จต้องมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าภพชาติก่อนเป็นแน่! หรือบางทีอาจบรรลุถึงขั้นผู้อมตะแห่งเต๋าที่เป็นเพียงตำนาน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset